Thursday, 19 December 2024

วิเคราะห์การเมือง : เจอบอนไซอำนาจทั้งคู่

กลับมากระปรี้กระเปร่าคึกคักทันตาเห็นซีนชื่นมื่น สส.ก้าวไกลห้อมล้อมต้อนรับ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” สส.บัญชีรายชื่อ คัมแบ็กกลับเข้าสภาฯมาทำหน้าที่ผู้แทนฯครั้งแรกในรอบ ๖ เดือนหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้หลุดบ่วงคดีถือหุ้นสื่อ ไม่ต้องสิ้นสภาพ สส. แม้จะถือหุ้นสื่อจริง แต่ดูข้อเท็จจริงสถานะไอทีวีในวันที่ “พิธา” ลงสมัคร สส.ปี ๒๕๖๖ ไม่ได้ประกอบกิจการสื่อแล้ว จึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา ๙๘ (๓)อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกลกลับเข้าสู่วงโคจรนิติบัญญัติอีกครั้ง ได้เล่นบทถนัดทำงานในสภาฯประกาศภารกิจเฉพาะหน้ากันทันทีทันใด ลุยตรวจสอบเข้มข้น ๓ โครงการเรือธงรัฐบาล “เงินดิจิทัล ๑๐,๐๐๐ บาท–แลนด์บริดจ์–ซอฟต์พาวเวอร์”tt ttตั้งแท่นบรรจุบาซูก้า เตรียมไว้เปิดแนวรบในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ขึ้นอยู่กับจังหวะสถานการณ์ในอนาคต จะเป็นใจให้เลือกใช้อาวุธหนักหรืออาวุธเบาก้าวไกลฮึกเหิม หลังได้คีย์แมนใหญ่กลับมาคุมทัพ ขู่เปิดเกมรบรัฐบาล สแกนยิบนโยบายสำคัญ เดินหน้าลุยบทบาทฝ่ายค้านเต็มตัวตีคู่ไปกับการตรวจสอบกองทัพไม้เบื่อไม้เมาพรรคก้าวไกล ส่งรุ่นใหญ่ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ประธานคณะก้าวหน้า คัมแบ็กกลับสภาฯอีกคน นั่งเก้าอี้กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการถ่ายโอนธุรกิจกองทัพไปอยู่ในความดูแลของหน่วยงานอื่นหรือย้ายไปอยู่หน่วยงานอื่นพิจารณาหาแนวทางโอนธุรกิจที่เป็นขุมทรัพย์กองทัพอย่างที่ดินราชพัสดุ บอร์ดรัฐวิสาหกิจ คลื่นวิทยุ-โทรทัศน์ธุรกิจพลังงาน รวมทั้งการผลิตน้ำมัน ไฟฟ้า ไปให้หน่วยงานอื่นดูแลแทนค่ายส้มส่งตัวพ่อร่วมเปิดยุทธการง้างอ้อยออกจากปากช้าง ลุยทุบหม้อข้าวกองทัพ ตัดเส้นทางเศรษฐีนายพลพร้อมเปิดแนวรบรัฐบาล-ปะทะกองทัพ ส่งระดับตัวแม่เหล็กคัมแบ็กเข้าสภาฯ เสริมภาพลักษณ์พรรค ดึงดูดคะแนนนิยม สร้างความเชื่อมั่นให้แฟนคลับเต็มที่สูตรสมการการเมืองใหม่ของฝั่งอนุรักษ์นิยม ยังมีที่ว่างให้ “พิธา” มีเส้นทางไปต่อ คอยเป็นขุมกำลังหลัก ทำหน้าที่ถ่วงดุล ตัดกำลังพรรคเพื่อไทย ไม่ให้มีอำนาจเบ่งบานมากเกินไปไม่จำเป็นเร่งเผด็จศึกแต่หัววัน รีบราดน้ำมันเข้ากองไฟ โหมอุณหภูมิการเมืองให้ลุกโชนเร็วเกินไป ก็จะยิ่งควบคุมทิศทางไฟลำบากอย่างน้อยยังเหลือคดีสำคัญอีกเรื่องในชั้นศาลรัฐธรรมนูญที่ไว้คอยปราบพยศพรรคก้าวไกล คือคดีเสนอแก้ไขกฎหมายมาตรา ๑๑๒ เป็นนโยบายหาเสียง ที่มีคิวชี้ขาดวันที่ ๓๑ มกราคมนี้เช็กอาการทำนองเดียวกันจากหลายคดีก่อนหน้านี้ ก็ยังมีแนวโน้มน่าเป็นห่วงtt ttแม้คำวินิจฉัยทางคดีในวันตัดสินจะไม่รุนแรงถึงขั้นยุบพรรคก้าวไกล เต็มที่ก็ได้แค่ปรามให้หยุดการกระทำ ห้ามดื้อดึง ตื๊อขอแก้ไขมาตรา ๑๑๒ อีกต่อไปแต่ก็ใช้เป็นสารตั้งต้นคอยควบคุมจัดระเบียบพรรคสีส้ม ไม่ให้เคลื่อนไหวทะลุเพดานมากเกิน เหตุเพราะมีคำตัดสินศาลรัฐธรรมนูญเป็นชนักปักหลังอยู่ขืนยังห้าวท้าบวก พร้อมปะทะต่อ ก็เปิดทางโดยชอบธรรม ให้มีคนไปยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณายุบพรรคต่อไป ข้อหาล้มล้างการปกครอง ไม่เชื่อฟังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญสถานการณ์ ณ เวลานี้ ยังไม่จำเป็นต้องรีบตัดรากถอนโคนพรรคก้าวไกล แค่คอยๆบอนไซตัดกิ่งก้านใหญ่ๆ ไม่ให้โตพรวดพราดยิ่งไปเร่งเกมยุบพรรคหรือประหารชีวิตการเมืองแกนนำพรรคก้าวไกล ก็ได้ไม่คุ้มเสีย เพราะจะแตกเซลล์ไปตั้งพรรคใหม่ มีหัวโจกผลัดใบขึ้นมาไม่หยุดสู้ใช้คำวินิจฉัยเป็นเกมกดดันพรรคก้าวไกลไม่ให้ดำเนินการตามนโยบายหลักได้ หากไม่ทำตามสิ่งที่หาเสียงไว้ ก็ตอบคำถามกองเชียร์ลำบาก สะเทือนคะแนนนิยมสถานการณ์ไม่ต่างจากพรรคเพื่อไทย แม้ได้เป็นแกนนำรัฐบาล มีฝั่งอำนาจเก่าสนับสนุนนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ก็ถูกฝ่ายอนุรักษ์นิยมตีกรอบอำนาจ ทำอะไรก็ติดขัด มีอุปสรรคไปหมดโครงการเรือธงหลักช็อตไปดื้อๆ โดนหน่วยงานรัฐ องค์กรอิสระคอยขัดจังหวะ ผิดธรรมชาติการเป็นรัฐบาล มี สว.คอยแบ่งบท เปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ขัดแข้งขัดขากันอีกทาง๒ ขั้วอำนาจใหญ่ “เพื่อไทย–ก้าวไกล” เจอบอนไซทั้งคู่ ฮึดสู้แค่ไหน ก็โตลำบาก!!!ทีมข่าวการเมืองคลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม