Thursday, 19 December 2024

“ไทย-จีน” ลงนามฟรีวีซ่า ๓๐ วันแล้ว เริ่ม ๑ มีนาคมนี้ “หวัง อี้” ขอบคุณ ไทยหนุน “จีนเดียว”

28 Jan 2024
161

“ปานปรีย์-หวัง อี้” ร่วมกันลงนามยกเว้นวีซ่าไทย-จีน บังคับใช้ ๑ มีนาคมนี้ เตรียมจัดประชุมระดับ รัฐมนตรีปีละครั้ง ด้าน “หวัง อี้” ขอบคุณไทย หนุนหลักการ “จีนเดียว” ชวนคนไทยไปเที่ยวจีน ขณะ “เศรษฐา” ระบุ เป็นก้าวสำคัญความสัมพันธ์ ๒ ประเทศ ส่งผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๖๗ ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนายหวัง อี้ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกลางด้านการต่างประเทศพรรคคอมมิวนิสต์จีน ได้ร่วมลงนามในพิธีความตกลงและเอกสารสำคัญไทย-จีน ว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราซึ่งกันและกันสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาและหนังสือเดินทางกึ่งราชการ โดยความตกลงดังกล่าวจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๗ เป็นต้นไปนายปานปรีย์ แถลงภายหลังการลงนามว่า มีความยินดีที่ได้ต้อนรับ นายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เยือนไทยในฐานะแขกของกระทรวงการต่างประเทศ และเป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่งที่ในช่วง ๒ เดือนที่ผ่านมา ผมได้พบปะหารือ นายหวัง อี้ ถึง ๒ ครั้ง เป็นโอกาสที่ได้หารืออย่างละเอียด กว้างขวาง ในประเด็นยุทธศาสตร์สำคัญของทั้ง ๒ ประเทศ รวมทั้งเรื่องสำคัญในภูมิภาค และยังกล่าวถึงการประชุมกลไกการหารือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทย-จีน ครั้งที่ ๑ ว่า ถือเป็นก้าวสำคัญของรัฐมนตรีต่างประเทศทั้ง ๒ ประเทศ ซึ่งตามข้อตกลงมีการสลับกันเป็นเจ้าภาพหารือกันอย่างน้อยปีละ ๑ ครั้ง “ไทยกับจีนได้ลงนามในเอกสารความสำคัญที่สะท้อนความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด อย่างความตกลงยกเว้นการตรวจลงตราและที่จะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๗ เป็นต้นไป ถือว่าความตกลงนี้เป็นสัญลักษณ์ของมิตรภาพไทย-จีนที่มีมาอย่างยาวนาน เราถือว่าความไว้เนื้อเชื่อใจได้ทุกระดับ มั่นใจว่าการเดินทางไปมาหาสู่ระหว่างประชาชน การท่องเที่ยว หรือติดต่อธุรกิจต่างๆ จะเป็นไปอย่างสะดวกสบาย ช่วยกระตุ้นภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของทางฝั่งไทยและจีนได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี ๒๕๖๘ จะเป็นโอกาสพิเศษยิ่ง ที่ไทยกับจีนได้เฉลิมฉลองครบรอบ ๕๐ ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน เพื่อให้ความร่วมมือที่แน่นแฟ้นอยู่แล้ว เพิ่มขึ้นในทุกด้าน” นายปานปรีย์ กล่าวtt ttขณะที่นายหวัง อี้ กล่าวว่า ตนยินดีมากที่ได้มาเยือนไทยในช่วงปีใหม่ เราทั้ง ๒ ฝ่ายได้เห็นมิตรภาพจีนไทยเป็นความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน ในปีหน้าเราทั้ง ๒ ประเทศจะเฉลิมฉลองครบรอบ ๕๐ ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนและไทย ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างจีนไทยนั้น ได้ถือว่าผ่านความท้าทาย มีความเปลี่ยนแปลงมาโดยตลอด แต่ก็มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นมากขึ้น พร้อมขอชื่นชมทางฝ่ายไทยที่ยึดมั่นกับหลักการประเทศจีนเดียว และสนับสนุนตามข้อริเริ่มทั่วโลก โดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิง คือ TDI TFI และ GCI “ทั้ง ๒ ฝ่าย ได้ลงนามความตกลงยกเว้นวีซ่า ซึ่งเชื่อมั่นได้ว่าจะเป็นกระแสหลักใหม่ของการแลกเปลี่ยนของประชาชนทั้ง ๒ ประเทศ จำนวนนักท่องเที่ยวจีนมาถึงเมืองไทยก็จะเพิ่มมากขึ้น และทางจีนก็ยินดีต้อนรับคนไทยมาเที่ยวที่ประเทศจีนด้วย มาสัมผัสพลวัตของประเทศจีน มาคุยกันกับประชาชนจีนที่นิสัยดี มาสัมผัสชีวิตประจำวันของประเทศจีน จีนไทยไม่ใช่อื่นไกล เป็นพี่น้องกัน ประชาชนทั้ง ๒ ประเทศ มีความผูกพันที่ใกล้เคียงกัน เรามีการเดินทางไปมาหาสู่กันมากขึ้น ชีวิตประจำวันของทั้ง ๒ ประเทศก็จะดีมากยิ่งขึ้น” นายหวัง อี้ กล่าวนอกจากนี้ ทั้ง ๒ ฝ่าย กำลังจะเซ็นสัญญาส่งออกสินค้าเนื้อสัตว์ และต้นสนไทยไปยังประเทศจีน ซึ่งจีนมีความยินดีที่จะนำเข้าสินค้าเกษตรของไทยมากยิ่งขึ้น และสนับสนุนให้บริษัทจีนมาลงทุนในไทย พัฒนาความร่วมมือด้านรถยนต์ไฟฟ้า เศรษฐกิจดิจิทัล และด้านสิ่งแวดล้อมสีเขียว รวมถึงจะมีการพัฒนาความร่วมมือบังคับใช้กฎหมายความมั่นคง เพื่อปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ การหลอกลวงทางโทรศัพท์ การพนันออนไลน์และยาเสพติด สร้างทรัพยากรที่มีความมั่นคงทั้ง ๒ ประเทศtt ttต่อมา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่าน x ระบุว่าไทยกับจีนได้ลงนามในความตกลงฟรีวีซ่าสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาและหนังสือเดินทางกึ่งราชการเมื่อเช้านี้ครับ ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๗ ผมมองว่าเป็นก้าวสำคัญในความสัมพันธ์ไทย-จีนและจะมีผลอย่างมากต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ใช่เพียงในแง่การส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกัน แต่ยังรวมถึงการค้า การลงทุนด้วย อย่างแน่นอนครับtt ttด้านนายชัย วัชรงค์ โฆษกรัฐบาล กล่าวว่า การยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาของไทย และผู้ถือหนังสือเดินทางกึ่งราชการและหนังสือเดินทางธรรมดาของจีน ในการเดินทางเข้า ออก หรือผ่านแดนของทั้งสองฝ่าย ซึ่งมีระยะเวลาพำนักแต่ละครั้งไม่เกิน ๓๐ วัน และเมื่อรวมการเดินทางหลายๆ ครั้งภายในห้วงเวลา ๑๘๐ วัน ระยะเวลาในการพำนักรวมกันต้องไม่เกิน ๙๐ วัน ยกเว้นกรณีการพำนักถาวร การทำงาน การศึกษา กิจกรรมด้านสื่อ หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่จำเป็นต้องได้รับการอนุญาตล่วงหน้าจากหน่วยงานที่รับผิดชอบของอีกฝ่ายหนึ่งทั้งนี้ ความตกลงนี้เป็นผลมาจากที่นายเศรษฐา ไปเยือนจีนอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ ๑๖-๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๖ และได้หารือกับ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยขอให้ทั้ง ๒ ฝ่าย มีการจัดทำความตกลงยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาซึ่งกันและกันและนายหวัง อี้ จะเข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี วันจันทร์ที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๗ ในโอกาสเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ ๒๖-๒๙ มกราคม ๒๕๖๗ อีกด้วย หลังเสร็จสิ้น นายหวัง อี้ มีกำหนดการเดินทางต่อไปยัง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวต่อไปtt tt