ชักจะแปลกๆ ผู้คุมเรือนจำปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ก่อเหตุอัตวินิบาตกรรมเป็นศพที่ ๓ ในรอบ ๓๐ วัน ญาติเผยป่วยซึมเศร้า ผนวกเครียดบางอย่าง ก่อนตายเปรยผมไม่ไหวแล้ว เช้าพบกลายเป็นศพถือปืนนิ้วคาโกร่งไกในห้องนอนเวลา ๐๙.๓๐ น. วันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๗ พันตำรวจโทสวัสดิ์ นิยมเดชา สารวัตรหัวหน้าสถานีตำรวจภูธรเกาะทวด อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ว่าได้เกิดเหตุยิงตัวเองเสียชีวิตที่บ้านพัก ในหมู่ ๑ ตำบลชะเมา อำเภอปากพนัง หลังจากนั้นจึงเข้าทำการสอบสวนที่เกิดเหตุพร้อมด้วยพนักงานสอบสวน และประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานและแพทย์เวรชันสูตร รพ.ปากพนัง เข้าทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่าเป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียว เพิ่งสร้างเสร็จได้ไม่นาน ประตูหลังบ้านยังเปิดมีญาติของผู้ตายรอเจ้าหน้าที่พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์หลายนาย ในห้องนอนพบศพ นายภักดี คงด้วง อายิ ๔๗ ปี เจ้าของบ้าน เป็นเจ้าพนักงานราชทัณฑ์ ตำแหน่งนักจัดการงานทั่วไปชำนาญการประจำเรือนจำอำเภอปากพนัง สภาพศพสวมเสื้อสีเทากึ่งนั่งกึ่งนอนบนที่นอนท่อนล่างห่มผ้า มือขวาถือปืนสั้น ๙ มม.แบบสเตนเลส นิ้วชี้ยังอยู่มในโกร่งไก สังเกตนกปืนพร้อมลั่นไกได้อีก ซึ่งต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาเก็บหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์อย่างละเอียด ส่วนช่วงศีรษะมีรอยบาดแผลทางด้านขวา นางสาวสาลี คงด้วง อายุ ๕๑ ปี พี่สาวผู้ตายระบุว่าน้องชายชื่อเล่นว่า บ่าว มีภรรยาแต่ได้แยกทางกันมาเมื่อ ๒ ปีก่อน เพิ่งย้ายมาจากเรือนจำทุ่งสงมาที่เรือนจำปากพนัง ได้ราว ๔ เดือน เขามีโรคซึมเศร้า และมีความเครียดสูงหลังจากเกิดเหตุผู้คุมผูกคอตายและยิงตัวมาแล้ว ๒ คนเมื่อไม่กี่วันก่อนนี้ เขายิ่งมีความเครียดและบ่นให้กับพี่ๆฟังเสมอว่าเขาอาจเป็นศพที่ ๓ ซึ่งพี่สาวได้คอยปลอบใจแต่ลึกๆ ก็ไม่รู้ว่าน้องเครียดเรื่องอะไรมา เกี่ยวกับงานหรือไม่ ไม่มีใครทราบเพราะไม่มีใครรู้ระบบงานของเขา จนกระทั่งช่วงเช้ามีเพื่อนผู้คุมโทรไปแจ้ง จึงรีบมาดูพบว่าเสียชีวิตอยู่ในห้อง ส่วนสาเหตุที่เพื่อนมาพบนั้นเนื่องจากว่าช่วงเช้าโทรศัพท์หาเขาแล้วไม่รับสายด้วยความเป็นห่วงเพื่อนๆ จึงแวะมาดูกลับพบว่าเสียชีวิตแล้วขณะที่ พันตำรวจโทสวัสดิ์ นิยมเดชา สารวัตรหัวหน้าสถานีระบุว่าต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานและแพทย์เข้าตรวจสอบชันสูตรอย่างละเอียด เพื่อหาข้อเท็จจริงที่ชัดเจน เนื่องจากผู้ตายเป็นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ เป็นที่สนใจของสังคม อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเบื้องต้นนั้นพบว่าป่วยด้วยโรคซึม อาจเป็นสาเหตุสำคัญ ซึ่งจะได้สอบสวนหาข้อมูลที่ชัดเจนอีกครั้ง.
