นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ให้สัมภาษณ์กรณีศาลปกครองกลางสั่งเพิกถอนคำสั่งอธิบดี สบส.ที่สั่งให้ รพ.รามคำแหงคืนเงินค่ารักษาพยาบาลคนไข้โรคหลอดเลือดแดงโป่งพองและให้ รพ.ไปเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) แทน เนื่องจากผลวินิจฉัยแรกรับผู้ป่วยใน ๗๒ ชม. ยังไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามคู่มือคัดแยกผู้ป่วยฉุกเฉินว่า เรื่องนี้ทาง รพ.รามคำแหงฟ้อง สบส. และสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน (สพฉ.) แล้วศาลวินิจฉัยว่า การที่ สพฉ.วินิจฉัยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้หนังสือที่ สบส.สั่งให้ รพ.รามคำแหงคืนเงินที่เรียกเก็บจากผู้ป่วยไม่ชอบด้วยกฎหมายไปด้วย ขณะนี้ฝ่ายกฎหมายอยู่ระหว่างทำเรื่องอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด ก่อนหน้านี้ได้ทำเรื่องอุทธรณ์ไป ๑ คดีความในประเด็นเดียว กันนี้จาก รพ.คนละแห่ง สบส.มีคดีในลักษณะนี้อยู่ ๒๓ คดี จาก รพ.หลายแห่ง ๒ คดีวินิจฉัยแล้ว และกำลังอุทธรณ์ จึงเหลือ ๒๑ คดีที่รอศาลพิจารณา ซึ่งเราบอกให้ รพ.จ่ายคืนให้กับคนไข้ เพราะเราให้เขาเก็บเงินตามโครงการยูเซป หรือจาก สปสช. แต่พอ รพ.เรียกเก็บจากคนไข้ เราก็ต้องพิทักษ์คนไข้เอาไว้ ทั้งนี้ ผลที่ออกมาไม่ถือเป็นบรรทัดฐานการเจ็บป่วยฉุกเฉินในอนาคต เพราะการเจ็บป่วยแต่ละรายแตกต่างกัน ต้องพิจารณาเป็นรายกรณี ซึ่ง สพฉ.มีเกณฑ์อยู่แล้ว หากเกิดความเข้าใจไม่ตรงกันระหว่างสถานพยาบาลกับผู้ป่วย สพฉ.ก็มีคณะทำงานศูนย์ประสานและคุ้มครองสิทธิ์ที่จะพิจารณาเมื่อถามถึงการที่ รพ.เรียกเก็บเงินคนไข้ไม่ว่าจะเข้าเกณฑ์หรือไม่เข้าเกณฑ์ถือว่าผิดมาตรฐานของ สบส.หรือไม่ นพ.สุระกล่าวว่า สบส.ได้ส่งหนังสือแจ้งว่าไม่ให้เก็บเงินคนไข้ หากผู้เสียหายร้องเรียน รพ.มา สบส.ก็ต้องลงไปดู และมีหนังสือให้ทบทวน ถ้าเก็บไม่ได้แล้วยังไปเก็บก็จะถือว่ามีความผิด.อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” เพิ่มเติม
