Thursday, 19 December 2024

“พิธา” ชี้ คำวินิจฉัย ศาล รธน.ล้มล้างการปกครอง พรุ่งนี้ ขีดเส้นอนาคตการเมืองไทย

“พิธา” สส.ก้าวไกล ชี้ คำวินิจฉัยศาล รธน.ขีดเส้นอนาคตการเมืองไทย ลั่น เป็นไปไม่ได้ที่จะมีเจตนาคิดล้มล้างการปกครอง ปัด ตั้งใจเอาไปหาเสียงสร้างคะแนนนิยมเมื่อวัน ๓๐ ม.ค. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล และ นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์รายการเปิดปากกับภาคภูมิ ทางไทยรัฐทีวี ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะอ่านคำวินิจฉัยในคดี ที่มีผู้ร้องเรื่องใช้การแก้ไข มาตรา ๑๑๒ เป็นนโยบายหาเสียง วันที่ ๓๑ ม.ค.tt ttโดย นายพิธา ตอบคำถามตอนหนึ่งว่า ไม่กังวล ทำเต็มที่เหมือนตอนเตรียมตัวคดีหุ้นไอทีวีฯ ส่วนผลกระทบคำตัดสินในวันพรุ่งนี้ ไม่ใช่เเค่ตน และพรรคก้าวไกล แต่เป็นการวางบรรทัดฐาน ๑. อำนาจนิติบัญญัติ ว่าการแก้ไขกฎหมาย เท่ากับล้มล้างหรือเปล่า ๒. เรื่องบริบทการเมืองทั้งหมด รวมถึงการเมืองไทย ในระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขเช่นกัน ไม่ได้คิดว่าเป็นแค่เรื่องขีดเส้นกำกับอะไรเฉพาะตนคนเดียว ไม่ใช่เรื่องพรรคก้าวไกล แต่เป็นเรื่องสภา และบริบทการเมืองไทยในอนาคต ไม่สามารถเดาได้ว่า ตุลาการจะวินิจฉัยอย่างไร แต่สโคปคำร้องก็คือว่า ขอให้หยุดการกระทำ แล้วบอกว่าเรื่องของการแก้ไขกฎหมายเท่ากับเป็นการล้มล้างการปกครอง รายละเอียดคงต้องรอฟังคำวินิจฉัยพรุ่งนี้ ถ้าเกิดดูในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งตนก็ก้าวล่วงศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้ ก็ไม่ต้องการที่จะละเมิดศาล แต่ถ้าดูคำตัดสินในอดีตที่ผ่านมา ก็จะมีการกำหนดสัมพันธภาพของระบบอธิปไตยของประเทศไทยเมื่อถามว่า ในพรรคก้าวไกลประเมินกันหรือไม่ แต่ละรูปแบบว่าคดีจะออกมาในรูปแบบไหน จะรับมืออย่างไร นายพิธา ตอบว่า มีการประเมินทั้งคดีไอทีวี และคดีวันพรุ่งนี้เป็นฉากทัศน์หลายฉาก ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ในการวินิจฉัย ตนจึงไม่สามารถพูดลงลึกในรายละเอียดได้tt ttเมื่อถามว่า สมมติหากศาลสั่งว่าจะต้องหยุด การกระทำตามที่มีผู้มาร้อง โดยคนมองว่านี่จะเป็นสารตั้งต้นที่อาจจะมีคนเอาไปร้องต่อ เพื่อให้ยุบพรรคก้าวไกล นายพิธา ตอบว่า เราก็ต้องยืนยันว่า การใช้มาตรา ๑๑๒ ในการใช้สถาบันพระมหากษัตริย์ มาทำให้เกิดการทำลายล้างคู่แข่งทางการเมือง ก็ยังมีอยู่ ต้องรอดูรายละเอียดของคำวินิจฉัยอีกทีนึงก่อน แล้วต้องยืนยันในภาพรวมว่า มันเป็นเรื่องของการใช้รัฐสภา ในการหาสมดุล ระหว่างการปกป้องประมุขของรัฐ รวมถึง สิทธิ เสรีภาพในการแสดงออก ให้มันได้สัดส่วน ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป ก็ยังเป็นจุดประสงค์หลักของเรา พี่พยายามจะทำในเรื่องนี้อยู่ แต่ว่ายังไงก็ต้องเอาข้อมูลมาเป็นตัวประกอบ ถ้าเราจะเดินหน้าในเรื่องนี้ เมื่อถามต่อว่า อันนี้เป็นเจตนารมณ์ที่ไม่ได้ว่าต้องการไปล้มล้างการปกครองอย่างที่ไปร้องกล่าวหา นายพิธา ตอบว่า ไม่เคยมีเจตนาอย่างนั้นเลย ในการล้มล้างการปกครองเป็นไปไม่ได้tt ttนายพิธา กล่าวว่า ช่วงการเลือกตั้ง ทุกรายการ ดีเบตทุกสื่อ ก็ถามจุดยืนเรื่องนี้กับแคนดิเดตนายกฯ ทุกคน แต่ละพรรคก็มีความเห็นกันทั้งนั้น ฉะนั้น ตรงนี้ก็ไม่ได้หมายความว่า พรรค ก.ก.ตั้งใจ เอาเรื่องนี้มาหาเสียงเพื่อให้ได้คะแนนความนิยมทางการเมืองแต่อย่างใด แต่ในเมื่อเป็นหนึ่งใน ๓๐๐ นโยบาย เมื่อมีการถามกันในเวทีดีเบต ก็เป็นเรื่องที่นักการเมืองทุกคนจะต้องตอบในช่วงนั้น เราก็ต้องพูดให้ชัดว่าเราไม่ได้มีเจตนา ว่าจะเอาเรื่องนี้มาให้เป็นเรื่องทางการเมือง ตามที่โดนโจมตี หรือว่าที่โดนกล่าวหานายพิธา กล่าวอีกว่า ตอนนี้ตนยังเป็นแคนดิเดตนายกฯ อยู่ ก็ยังอยู่ในบัญชี ถ้าการเคลื่อนไหวทางการเมืองมัน เกิดอะไรขึ้นแล้วต้องมีการเลือกนายกฯ ใหม่ ตนก็ยังอยู่ในแคนดิเดตอยู่ ถ้ายังไม่ได้ยุบสภา มีการเลือกตั้งใหม่ซึ่งพูดกันให้ชัดตรงนี้ว่าไม่ได้หมายความว่าต้องการให้เกิดอุบัติเหตุทางการเมือง และให้ตนเป็นนายกฯ แต่ว่าเป็นไปตามกระบวนการ ตามระบบ และในเชิงของระบบ ตนก็ยังเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคการเมืองที่มีเสียงเป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทยอยู่ดีtt ttเมื่อถามว่าในวันนั้นไม่มีอนาคตใหม่ ไม่มีนายธนาธร มีก้าวไกล มีนายพิธา วันหน้าถ้าไม่มีก้าวไกล ไม่มีนายพิธา ก็จะมีคนต่อๆ มา นายพิธา ตอบว่า ประเทศไทยยังมีคนมีศักยภาพ แต่เมื่อถึงเวลาที่คิดว่าตนเองไม่เป็นประโยชน์แล้วก็ต้องให้โอกาสคนรุ่นใหม่ได้ขึ้นมาแทน แต่ขอสรุปที่หัวหน้าพรรค ก.ก.พูด ว่า ไม่กังวล ไม่ประมาท และไม่ควรที่จะเห็นด้วย กับการที่มีคำขู่ว่ายุบพรรคนี่เป็นเรื่องปกติของประเทศ มันเป็นเรื่องอะปกติ อย่ายอมรับให้มันเป็นเรื่องปกติของการเมืองไทย เราต้องช่วยกันถ้าเรื่องนี้ ส่วนการจะกลับไปเป็นหัวหน้าพรรค เดี๋ยวรอฟังสมาชิกพรรค ไม่ได้ขึ้นอยู่กับพวกเราสองคน พวกเราสองคนไม่ยึดติดตำแหน่งtt tt