Thursday, 19 December 2024

รัฐบาลมุ่งหนุนความร่วมมือเพื่อนบ้าน ๕ ประเทศ ส่งเสริมการท่องเที่ยวภูมิภาค

โฆษกรัฐบาล เผย รัฐบาลกระตุ้นการท่องเที่ยวทางบก Drive Tourism เชื่อมโยง ๕ ประเทศ มั่นใจ ช่วยเพิ่มการท่องเที่ยวจากทั้งภายในและภายนอกภูมิภาค ได้ประโยชน์ร่วมกันทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๖๗ นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มุ่งสนับสนุนสร้างความร่วมมือและพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวในภูมิภาคอาเซียน ด้วยการบูรณาการแนวทางการท่องเที่ยวจุดหมายปลายทางเดียวกันในภูมิภาคอาเซียน (One Destination) และการส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบสองทาง (Two-way Tourism) ผ่านโครงการท่องเที่ยวเชื่อมโยงทางบก ๕ ประเทศ (Drive Tourism) ได้แก่ ไทย กัมพูชา มาเลเซีย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และเวียดนาม ควบคู่ไปกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและครอบคลุม ในฐานะที่ภาคการท่องเที่ยวเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภูมิภาค ซึ่งจะเป็นเครื่องมือเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนในประเทศสมาชิกอาเซียนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นทั้งนี้ รัฐบาลต้องการผลักดัน Drive Tourism โดยได้ศึกษาเส้นทางเชื่อมโยงหลายเส้นเพื่อตรวจสอบเส้นทางที่สะดวกและปลอดภัย ค้นคว้าข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวท้องถิ่นที่มีศักยภาพ ตลอดจนศึกษามาตรการอำนวยความสะดวกสำหรับการท่องเที่ยวแบบขับรถด้วยตนเองตลอดเส้นทาง โฆษกรัฐบาล ระบุต่อไปว่า นอกจากนี้รัฐบาลยังได้หารือกับหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สภาธุรกิจอเมริกา-อาเซียนประจำภูมิภาคเอเชีย (U.S.-Asean Business Council: USABC) และสภาการท่องเที่ยวและการเดินทางโลก (World Travel and Tourism Council: WTTC) ถึงแนวทางการขับเคลื่อนความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนของไทยและในภูมิภาคอาเซียน ซึ่ง WTTC ยังได้เน้นย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของ ๒ ประเด็นหลักในมิติการท่องเที่ยว ได้แก่ การให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพมากกว่าการท่องเที่ยวเชิงปริมาณ และการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน “นายกรัฐมนตรีส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวภูมิภาค เพื่ออำนวยความสะดวกและดึงดูดนักท่องเที่ยว และสนับสนุนความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งในระดับรัฐบาล และประชาชน เพื่อประโยชน์ร่วมกันทางสังคมและเศรษฐกิจ ซึ่งมั่นใจว่าจะช่วยเพิ่มการท่องเที่ยวจากทั้งภายในและภายนอกภูมิภาค”