Thursday, 19 December 2024

“ธนกร” ฝากผู้ปกครอง-ครู ใส่ใจพฤติกรรมเด็ก แนะสร้างภูมิคุ้มกันจากที่บ้าน

“ธนกร” ฝากผู้ปกครอง-ครู ใส่ใจพฤติกรรมเด็ก หลังเคสเยาวชนก่อเหตุรุนแรงต่อเนื่อง ชี้ สร้างภูมิคุ้มกันเริ่มจากที่บ้าน หวั่น ทำพฤติกรรมเลียนแบบโซเชียล-เกม ชี้ หากพลั้งพลาดเสียคน พ่อแม่ต้องร่วมรับผิดชอบรับโทษทางคดีตาม พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก ด้วยวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๗ นายธนกร วังบุญคงชนะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และอดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเหตุเด็กนักเรียน ม.๒ ก่อเหตุแทงเพื่อนเสียชีวิต ว่า ช่วงหลังพบเด็กและเยาวชนก่อเหตุรุนแรงในสังคมอย่างต่อเนื่อง จากกรณีล่าสุดเด็ก ม.๒ สะท้อนถึงการใส่ใจของครูประจำชั้นและโรงเรียนที่ยังไม่มีความรอบคอบ รัดกุม ซึ่งก่อนก่อเหตุเด็กคนดังกล่าวขออาวุธจากเพื่อนในห้อง ตนคิดว่าหากครูทราบเรื่องควรป้องกันก่อนจะเกิดเหตุในทุกทาง เช่น การไปพบผู้ปกครองพูดคุยเพื่อร่วมแก้ปัญหา ตรวจกระเป๋านักเรียนป้องกันการพกพาอาวุธ สิ่งผิดกฎหมาย บุหรี่ หรือยาเสพติด เข้ามาภายในโรงเรียนส่วนที่ปัจจุบันสิ่งเร้าหลายอย่างทำให้เด็กมีพฤติกรรมเลียนแบบ ทั้งเกมและโซเชียลมีเดียนั้น นายธนกร ระบุว่า สำคัญคือผู้ปกครอง เริ่มจากครอบครัวต้องใส่ใจพูดคุย รับฟังปัญหาของเด็ก เพื่อช่วยคลายข้อกังวล ความเครียดในใจ คอยชี้แนะแนวทางที่ถูกต้อง ให้คิดเป็น คิดถูก ตอบสนองต่อปัญหาอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะในปัจจุบันมีโซเชียลมีเดียหลายช่องทาง รวมถึงเกมออนไลน์ที่มีการใช้ความรุนแรง อาจทำให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบได้ ฉะนั้น ผู้ปกครองต้องสร้างความเข้าใจและชี้ให้เห็นถึงโทษที่จะเกิดขึ้นตามมา หากทำเลียนแบบพฤติกรรมรุนแรง ไม่ปล่อยปละละเลยหรือตามใจจนเสียคน สิ่งเหล่านี้ถือเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็กและเยาวชน เริ่มจากที่บ้าน ก่อนที่จะสายเกินไป เช่น กลุ่มวัยรุ่น จ.สระแก้ว รุมก่อเหตุจนมีผู้เสียชีวิต โดยพบว่าก่อนหน้านั้นก็มีการก่อเหตุรุนแรงมาหลายคดี จึงมองว่าต้นตอปัญหาคือครอบครัวที่บ้านมีการอบรมสั่งสอนดูแลลูกมาอย่างไร เมื่อเกิดคดีขึ้นกลับมีการให้ท้ายเด็ก จึงเกิดความย่ามใจและก่อเหตุเรื่อยมา ท้ายสุดพ่อแม่ต้องร่วมกันรับผิดชอบรับโทษทางคดีตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กไปด้วยนายธนกร ระบุในช่วงท้ายว่า “ผมเคยผ่านวัยรุ่นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อมา รู้เลยว่ามีความคึกคะนอง หากไม่ได้รับคำแนะนำที่ถูกต้องจากพ่อแม่ ครอบครัว ครู อาจารย์ ผู้หลักผู้ใหญ่ ก็อาจจะมาไม่ถึงทุกวันนี้ จึงอยากฝากให้พ่อแม่ ผู้ปกครอง คนในครอบครัว ให้เวลาใส่ใจบุตรหลานมากขึ้น รับฟังปัญหาเพื่อนำไปสู่การแก้ไขให้ทันกาล อย่าให้ทุกอย่างมันสายเกินไป ครูและโรงเรียนคือบ้านหลังที่ ๒ ก็ต้องใส่ใจเด็กเช่นกัน หาทางป้องกัน ยังดีกว่ามาแก้ปัญหาทีหลัง เพราะกว่าจะแก้ได้เด็กก็เสียคน เสียโอกาส เสียประวัติ และเสียอนาคตไปแล้ว หากพลาดพลั้งก่อเหตุรุนแรง”