“เศรษฐา” อิดโรยเสียงแหบซมพิษไข้หวัดสายพันธุ์ A แต่คิวงานยังแน่น ทั้งลงพื้นที่ต่างจังหวัดและออนทัวร์ต่างประเทศ “ภูมิธรรม” เผยรัฐบาลพร้อมตอบ สว.ซักฟอกไม่ลงมติ หลัง ๒๐ มี.ค. อ้างนายกฯติดภารกิจเดินสายไปศรีลังกา-ออสเตรเลีย และยุโรป สภาสูงอุ่นเครื่องขย่มรุมสับดิจิทัลวอลเล็ตโฆษณา ชวนเชื่อ “เฉลิมชัย” เฉ่งหลอกลวงปั่นหัวคนหลงผิดเรียกคะแนนนิยม พท.ปัดวุ่นตั้ง กมธ.เตะถ่วงยื้อนิรโทษฯ “ชูศักดิ์” อ้างเสนอแก้กฎหมายประชามติเปิดช่องให้ง่ายขึ้น ป.ป.ช.เผยไทยอันดับความโปร่งใสโลกร่วงจาก ๑๐๑ ไปเป็น ๑๐๘ ชี้เหตุรัฐบาลไม่ปราบโกงจริงจัง จนท.ยังทุจริต ติดสินบนอื้อ “พิธา” ลุ้นคดีชงแก้กฎหมายมาตรา ๑๑๒ ขีดเส้นอนาคตการเมืองไทย ยันไม่มีเจตนาล้มล้างการปกครอง ปลุกอย่ายอมรับการยุบพรรคเป็นเรื่องปกติรัฐบาลให้คำตอบ สว. ยืนยันความพร้อมที่จะตอบชี้แจงญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป โดยไม่ลงมติ หลังวันที่ ๒๐ มีนาคมเป็นต้นไป เนื่องจากนายกฯมีภารกิจเดินทางไปปฏิบัติภารกิจต่างประเทศอย่างต่อเนื่องtt ttนายกฯถก คณะรัฐมนตรีรับมอบดอกป๊อปปี้เมื่อเวลา ๑๐.๐๐ น. วันที่ ๓๐ ม.ค. ที่ห้องประชุม ๕๐๑ ตึกบัญชาการ ๑ ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการคลัง เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อนการประชุมเวลา ๐๙.๓๐ น. บริเวณโถงกลาง ตึกบัญชาการ ๑ ทำเนียบรัฐบาล คณะกรรมการมูลนิธิสงเคราะห์ครอบครัวทหารผ่านศึกในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เข้าพบนายกฯเพื่อมอบดอกป๊อปปี้ที่ระลึกวันทหารผ่านศึก ซึ่งตรงกับวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ของทุกปี และเพื่อประชาสัมพันธ์การจัดจำหน่ายเพื่อนำรายได้สนับสนุนช่วยเหลือทหารผ่านศึกและครอบครัวทั่วประเทศ หลังรับมอบดอกป๊อปปี้นายกฯร่วมสนับสนุนและขอบคุณทหารทุกคนที่ปกป้องประเทศชาติกำชับใช้งบฯคุ้มค่า ปชช.สูงสุดต่อมาเวลา ๑๑.๕๕ น. นายกฯแถลงว่า ที่ประชุม คณะรัฐมนตรีได้พิจารณากรณีหลายหน่วยงานเสนอคำของบฯประจำปี ๖๘ ที่ก่อภาระหนี้ผูกพัน ตั้งแต่ ๑ พันล้านบาทขึ้นไป ขอให้หน่วยงานดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ และมติ คณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เพื่อให้คุ้มค่าและประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน ที่ประชุม คณะรัฐมนตรีเห็นชอบการใช้เงินกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ดูแลเด็กที่หลุดออกนอกการศึกษาประจำปีงบฯ ๖๘ เพื่อส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนที่หลุดออกจากระบบการศึกษาเป็นศูนย์ให้ได้ตามนโยบาย Thailand Zero Dropout และเห็นชอบกรอบวงเงินด้านการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ การวิจัยและนวัตกรรม เพื่อพิจารณาให้คนไทยมีทักษะเพิ่มครม.ไฟเขียว “รอย” นั่งเลขาฯ สมช.นายกฯเปิดเผยด้วยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตำรวจเป็นเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ทั้งนี้หลัง สมช.รับการโอนย้าย พล.ต.อ.รอย เพื่อแต่งตั้งเป็นเลขาธิการ สมช.คนใหม่ ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันนายกฯมีอาการเสียงแหบ สีหน้าอิดโรยเล็กน้อย คาดสืบเนื่องจากอาการเป็นหวัดตั้งแต่เดินทางกลับจากสมาพันธรัฐสวิส ตั้งแต่วันที่ ๑๙ ม.ค. รวมถึงต้องเดินทางลงพื้นที่ต่อเนื่องทำให้มีเวลาพักผ่อนน้อย แต่นายกฯได้พยายามตอบคำถามสื่อมวลชน จากนั้นภายหลังประชุม คณะรัฐมนตรีนายกฯได้เรียกประชุมรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย (พท.) ที่ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า เป็นเวลาประมาณ ๑ ชั่วโมงนายกฯจัดคิวแน่นลงพื้นที่ ตจว.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ภารกิจลงพื้นที่ต่างจังหวัดของนายกฯช่วงเดือน ก.พ. วันที่ ๙ ก.พ. นายกฯจะลงพื้นที่ดูงานด้านเกษตรกรรม จ.ลพบุรี และช่วงเย็นร่วมงานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช จากนั้นวันที่ ๑๗-๑๙ ก.พ. มีภารกิจลงพื้นที่ จ.นครพนม สกลนคร และอุดรธานี ดูด้านการท่องเที่ยว โครงสร้างพื้นฐาน ถนนเชื่อมจังหวัด และนวัตกรรมด้านการเกษตร และวันที่ ๒๗-๒๙ กุมภาพันธ์นายกฯจะเดินทางลงที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเร่งรัดการลงทุนอุตสาหกรรมฮาลาลหลัง ๒๐ มี.ค. รัฐบาลพร้อมตอบ สว.นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รัฐมนตรีว่าการพาณิชย์ กล่าวถึงกรณี สว.ขอเปิดอภิปรายแบบไม่ลงมติ ตามมาตรา ๑๕๓ จะเป็นช่วงใดบ้างว่า นายกฯมีภารกิจเดินทางไปต่างประเทศต่อเนื่องตั้งแต่ปลายเดือน ม.ค. กุมภาพันธ์ถึงต้นเดือน มีนาคมไม่ว่าจะไปศรีลังกา ออสเตรเลียและยุโรป รวมกว่า ๑๐ วัน จึงมองว่าหลังวันที่ ๒๐ มีนาคมเป็นต้นไป วันไหนพร้อมก็ได้เลย กรอบเวลาให้วิป สว.และวิปรัฐบาลคุยกัน เวลาไม่สำคัญเท่าสาระ ถ้าสาระมีเยอะก็คุยได้ คิดว่า ๑ วันก็เต็มที่แล้ว ถ้าจะขยายวันเพิ่มเติมต้องดูที่สาระ เมื่อถามว่าถ้าแตกประเด็นไปถึงชั้น ๑๔ รพ.ตำรวจ พรรค พท.จะมีองครักษ์หรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า อย่าเพิ่งไปคิดว่ามี เพราะยังไม่รู้เขาจะอภิปรายอะไร ไม่ชอบใช้จินตนาการมาก อยากให้อยู่กับความเป็นจริง จะอภิปรายวันไหนก็ได้ รัฐบาลพร้อมอยู่แล้ว ทุกคนทำตามหน้าที่ รัฐบาลมีหน้าที่ต้องชี้แจงสร้างความความเข้าใจกับประชาชนมากขึ้นปัดไม่มีเหตุผลต้องยื้อนิรโทษฯนายภูมิธรรมกล่าวถึงกรณีมีคนตั้งข้อสังเกตว่า พรรค พท.จะยื้อกฎหมายนิรโทษกรรม โดยตั้งคณะกรรมการว่าพรรค พท.ไม่มีเหตุผลอะไรจะไปยื้อ เราพูดไว้ชัดเจนตั้งแต่ต้นคือปัญหาของประเทศ ๑๐ ปีที่ผ่านมา เกิดจากวิกฤติความขัดแย้งไม่ยินยอมกัน เป็นแบบนี้คงต้องใช้เวลา เพื่อทำให้ปัญหาคลี่คลายลง ถึงจุดที่พอเป็นฉันทามติของสังคมได้ การแก้ปัญหาจะจบ แต่ตราบใดที่คุยกันแล้วยังมีคนต้านรุนแรง ไม่ใช่จากคนกลุ่มเล็กๆ รัฐบาลจึงยังจะไม่ขยับจนกว่าจะมีข้อสรุปของสังคม ขอย้ำว่าไม่ใช่การยื้ออะไร แต่พยายามจัดการปัญหาความขัดแย้งให้เกิดประโยชน์สูงสุด จะไม่แก้ปัญหาเพื่อนำมาสู่ปัญหาเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ตอนนี้ต้องแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ด้านสังคมก็ต้องทำ การตัดสินใจหลายอย่าง ไม่สามารถทำได้ตามความพึงพอใจในทันทีพท.โต้ตั้ง กมธ.เดินหน้าไม่ได้เตะถ่วงนายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว เลขาธิการพรรค พท. กล่าวถึงกรณีวิปรัฐบาลเตรียมเสนอเลื่อนการพิจารณาญัตติขอให้สภาฯตั้งคณะ กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาร่าง พระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ที่เสนอโดย น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท.ว่า ไม่ได้ถ่วงเวลาแต่เป็นการเดินหน้า เพราะมีความละเอียดอ่อน ควรมาคุยในวงเล็กก่อน พรรค พท.และพรรคร่วมรัฐบาลจึงเห็นตรงกันให้ตั้งคณะ กมธ.วิสามัญขึ้นมาศึกษาการเสนอกฎหมายดังกล่าวก่อน ทุกพรรค ทุกภาคส่วน ทั้งผู้ได้รับผลกระทบคดีทางการเมืองต้องมาคุยกัน พรรค พท.ยินดีแสดงความจริงใจผลักดันเรื่องนี้ แม้จะเคยศึกษามาแล้ว แต่เมื่อเวลาเปลี่ยน จุดยืนของคนก็เปลี่ยน บางคนเป็นเหลืองกลายมาเป็นแดงหรือไม่มีสีแล้ว จึงควรหาจุดร่วม เพื่อทำกฎหมายบรรเทาทุกข์ประชาชน รวมถึงเยาวชนที่อาจผิดพลาดไป“เศรษฐา” ซมพิษไข้หวัดสายพันธุ์เอต่อมาเวลา ๑๕.๓๐ น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รัฐมนตรีว่าการคลัง เดินทางเข้าพรรค พท.ร่วมประชุม สส.ของพรรค โดยแวะทักทายสื่อมวลชนว่า “สบายดีไหม” เมื่อสื่อถามกลับว่า นายกฯสบายดีแล้วหรือยัง นายเศรษฐากล่าวด้วยสีหน้าอิดโรยว่า “วันนี้ไม่ค่อยสบาย ป่วยมา ๒ สัปดาห์แล้ว นึกว่าจะหายป่วยแล้วตั้งแต่เมื่อวาน” ผู้สื่อข่าวถามว่าแพทย์ระบุว่าเป็นอะไร นายเศรฐาตอบว่า ไม่ทราบ เพิ่งเจาะเลือดไปเมื่อสักครู่ แต่ยังไม่ทราบว่าเป็นอะไร เดี๋ยวรอผลออกมา และที่มาพรรควันนี้เพราะนัด สส.ไว้ เมื่อถามว่าคืนนี้มีบอล บอลเอเชียนคัพ ๒๐๒๓ ที่ทีมชาติไทยเตะกับทีมชาติอุซเบกิสถานอยากให้กำลังใจอะไรบ้าง นายเศรษฐากล่าวว่า หากตื่นจะมาเชียร์ ขอกลับบ้านก่อน จากนั้นเวลา ๑๖.๓๐ น. นายเศรษฐาเดินลงจากห้องประชุม สส.พรรค พท. ด้วยสีหน้าที่ยังคงอิดโรย สวมหน้ากากอนามัย ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า อาการเป็นอย่างไรผลตรวจเลือดออกแล้วหรือไม่ โดยนายกฯได้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งว่า ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A แต่วันที่ ๓๑ มกราคมยังคงปฏิบัติงานตามเดิม ช่วงเย็นมีนัดทานอาหารกับผู้นำเหล่าทัพtt tt“ชูศักดิ์” ชี้แก้ ก.ม.ประชามติเปิดช่องง่ายขึ้นจากนั้นเวลา ๑๕.๕๐ น. นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค แถลงว่า พรรค พท.จะเสนอญัตติแก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติการออกเสียงประชามติปี ๖๔ เข้าชื่อกันเรียบร้อยแล้วจะยื่นต่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ วันที่ ๓๑ มกราคมเวลา ๑๑.๐๐ น. สาระสำคัญขอแก้ไขกฎหมายเดิมกำหนดการออกเสียงต้องใช้เสียงข้างมากสองชั้น คือการออกเสียงจะมีผลต้องมีคนออกมาใช้สิทธิเกินกว่ากึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิทั้งหมด เมื่อมาใช้สิทธิแล้วต้องชนะกันด้วยเสียงข้างมาก แก้ไขเป็นใช้เสียงข้างมาก แต่มีเงื่อนไขว่าเสียงข้างมากนั้นต้องมากกว่าผู้ไม่ประสงค์ลงคะแนน และเราเห็นว่าการออกเสียงประชามติแต่ละครั้งใช้งบฯ ๓-๔ พันล้าน หากออกเสียงประชามติใกล้เคียงกับการเลือกตั้งท้องถิ่นหรือการเลือกตั้งทั่วไป ให้นำไปใช้สิทธิวันเดียวกัน เพื่อประหยัดงบฯ และเสนอให้เพิ่มวิธีอื่นลงคะแนน เช่น ใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์หรือการลงคะแนนผ่านไปรษณีย์เข้ามา โดยให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประเมินความพร้อม ไม่ใช่การบังคับ ก่อนหน้านี้กฎหมายห้ามรณรงค์จนมีคดีความ ตอนลงประชามติรัฐธรรมนูญปี ๖๐ จึงเสนอให้ กกต.เปิดโอกาสให้ฝ่ายเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยรณรงค์กันได้เท่าเทียมกัน และฝ่ายค้านเห็นด้วย อาจไปยื่นแก้ไขพร้อมกันชงตั้ง กมธ.ศึกษานิรโทษ ๑ กุมภาพันธ์นายชูศักดิ์กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้พรรคเพื่อไทยเคยเสนอญัตติด่วนตั้ง กมธ.วิสามัญ เพื่อศึกษาการตรากฎหมายนิรโทษกรรม ซึ่งญัตติค้างอยู่ในการพิจารณาของสภาฯ ขณะนี้เรื่องนิรโทษมีการถกเถียงกันอยู่ว่าจะนิรโทษอะไรบ้างรวมเหตุการณ์ใดบ้าง พรรคเพื่อไทยเห็นว่าทางออกที่ดีที่สุดคือการตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาร่วมกันเพื่อให้ได้ข้อยุติ เพื่อไทยเห็นว่าการนิรโทษควรเป็นนิมิตหมายของการสร้างความปรองดอง ไม่ควรเป็นเหตุทำให้เกิดความขั้ดแย้งขึ้นใหม่ เราเห็นว่า กมธ.ควรประกอบด้วยผู้แทนพรรคการเมือง คนภายนอกที่เข้าใจการนิรโทษกรรม เพื่อให้ได้รับความเห็นกว้างขว่าง วันที่ ๓๑ มกราคมจะเสนอให้เลื่อนพิจารณาญัตติดังกล่าว เพื่อให้ได้พิจารณากันวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ก้าวไกลรอจังหวะชง ก.ม.เข้า กมธ.ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการเสนอเลื่อนญัตติตั้งคณะ กมธ.วิสามัญศึกษาร่างกฏหมาย นิรโทษกรรมของวิปรัฐบาลว่า เป็นสิทธิแต่ละพรรคจะใช้วิธีผลักดันร่างกฏหมายที่แตกต่างกัน หากตั้ง กมธ.วิสามัญขึ้นมาศึกษา พรรค ก.ก.จะเสนอร่าง พระราชบัญญัตินิรโทษกรรมข้าสู่การพิจารณาควบคู่กัน เพื่ออธิบายเหตุผล หวังว่าจะได้รับการสนับสนุนจากพรรคฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน พรรค ก.ก.มีร่างกฎหมายพร้อมแล้ว และยังมีร่างพรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคครูไทยเพื่อประชาชน แต่หากที่ประชุมสภาฯจะใช้วิธีตั้ง กมธ.วิสามัญฯขึ้นมาศึกษาก่อน เราจะใช้ร่างพรรค ก.ก.ไปพูดคุยใน กมธ.วิสามัญฯ เพื่อใช้พื้นที่เต็มที่นำเสนอหลักคิดและเหตุผล เมื่อถามว่าหลายฝ่ายกังวลการนิรโทษกรรม มาตรา ๑๑๒ เป็นประเด็นอ่อนไหว นายพริษฐ์ตอบว่า หลักการร่างพรรค ก.ก. มีหลักคิดนิรโทษกรรมคดีที่มีมูลเหตุจูงใจแสดงออกทางการเมือง ไม่ได้ระบุฐานความผิดเป็นการเฉพาะ แต่จะตั้งคณะกรรมการจากหลายฝ่ายขึ้นมาพิจารณาเป็นกรณีไป ส่วนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยคดีการเสนอแก้มาตรา ๑๑๒ ของพรรค ก.ก. จะนำมาเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมให้สำเร็จสว.รุมสับดิจิทัลวอลเล็ตชวนเชื่อเมื่อเวลา ๑๑.๐๐ น. ที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภา มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษาเรื่องผลกระทบนโยบายหาเสียงเชิงประชานิยมของพรรคการเมืองไทย ตามที่คณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภาพิจารณาเสร็จแล้ว โดย สว.หลายคนอภิปรายพุ่งเป้าไปที่นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตที่เป็นนโยบายประชานิยม มุ่งหาเสียงเพื่อคะแนนนิยม เป็นนโยบายชวนเชื่อให้ประชาชนหลงผิด เพราะหาเสียงไว้อย่าง แต่เวลาปฏิบัติเป็นอีกอย่าง และสร้างภาระผูกพันให้ประเทศ โดยนายเฉลิมชัย เฟื่องคอน สว. กล่าวว่า นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตของพรรคเพื่อไทย หาเสียงว่า ใช้เงิน ๕.๖ แสนล้านบาท จะแจกคนละ ๑ หมื่นบาททุกคน ไม่ต้องกู้ แต่เวลาแถลงนโยบายกลับบอกไม่มีเงิน ต้องกู้ และแจกไม่ทุกคน ถือว่าหลอกลวงเพื่อคะแนนนิยม ให้ประชาชนหลงผิด สงสัยว่าการทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต รัฐบาลจะเอาเงินจากไหน การเอาเงินบาทไปแลกเหรียญดิจิทัล และเอาเงินดิจิทัลไปแลกเงินบาท ก็เสียค่าธรรมเนียมอีก ๓ หมื่นล้านบาท บริษัทไหน พรรคใดจะได้ประโยชน์ โครงการนี้ต้องคิดให้รอบครอบ สิ่งที่พรรคการเมืองทำคิดแค่ประโยชน์ของพรรคและกลุ่มทุนเท่านั้นtt ttปี๊บคลุมหัวไทยร่วงอันดับโปร่งใสโลกที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช.แถลงถึงผลการสำรวจดัชนีรับรู้การทุจริต ปี ๒๕๖๖ ที่สำรวจโดยองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (ซีพีไอ) ว่า ในส่วนคะแนนความโปร่งใสปี ๒๕๖๖ ประเทศไทยได้คะแนน ๓๕ คะแนน อยู่อันดับ ๑๐๘ ของโลก จาก ๑๘๐ ประเทศทั่วโลก อยู่อันดับ ๔ ของกลุ่มอาเซียน ประเทศที่ได้คะแนนอันดับ ๑ ของโลกคือ เดนมาร์ก ได้ ๙๐ คะแนน โดยคะแนนที่ประเทศไทยได้ ๓๕ คะแนน ลดลงจากปี ๒๕๖๕ ที่ได้ ๓๖ คะแนน อยู่อันดับ ๑๐๑ ของโลก ผลการสำรวจดัชนีการรับรู้การทุจริตของประเทศไทยปี ๒๕๖๖ ประเมินจากแหล่งข้อมูล ๙ แหล่ง โดยประเทศไทยได้คะแนนเพิ่มขึ้น ๑ แหล่ง คือ PERC ระดับการรับรู้ว่าการทุจริตเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อสังคม เศรษฐกิจและการเมืองมากน้อยเพียงใด ได้ ๓๗ คะแนน จากที่ได้ ๓๕ คะแนน ปี ๒๕๖๕ เนื่องจากมุมมองผู้ตอบแบบสอบถามมองว่า รัฐบาลให้ความสำคัญแก้ปัญหาทุจริต และกระบวนการยุติธรรม มีการกำหนดนโยบาย มาตรการทั้งการปรับปรุงกฎหมาย กระบวนการทำงานในการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ การสร้างจิตสำนึกค่านิยม ไม่ยอมรับการทุจริตให้ได้ผลเป็นรูปธรรมแต้มหล่นวูบติดสินบน-จนท.ทุจริตนายนิวัติไชยกล่าวว่า ส่วนแหล่งคะแนนที่ประเทศไทยได้ลดลงมี ๓ แหล่งคือ ๑.Bertelsmann Stiftung Transformation Index (TI) การปราบปรามทุจริตและบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิดมีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด ได้ ๓๓ คะแนน จากที่เคยได้ ๓๗ คะแนน ปี ๒๕๖๕ ๒.แหล่ง World Economic Forum (WEF) ภาคธุรกิจต้องจ่ายเงินสินบนในกระบวนการต่างๆมากน้อยเพียงใด ได้ ๓๖ คะแนน จากที่เคยได้ ๔๕ คะแนน ปี ๒๕๖๕ ๓.แหล่ง World Justice Project (WJP) เจ้าหน้าที่รัฐมีพฤติกรรมใช้ตำแหน่งหน้าที่ทางมิชอบมากน้อยเพียงใด ได้ ๓๓ คะแนน จากที่เคยได้ ๓๔ คะแนน ปี ๒๕๖๕ อาจมีสาเหตุจากมุมมองผู้ตอบแบบสอบถามและผู้เชี่ยวชาญในแหล่งข้อมูลที่รับรู้ว่ายังมีปัญหาจ่ายเงินสินบนให้เจ้าหน้าที่ของรัฐ แลกการได้รับการอนุญาต อำนวยความสะดวกการประกอบธุรกิจ หรือเพื่อเพิ่มโอกาสความได้เปรียบการแข่งขัน และยังคงปรากฏข่าวการทุจริตใช้ตำแหน่งหน้าที่แสวงหาประโยชน์ส่วนตัว การเรียกรับสินบนของเจ้าหน้าที่รัฐ การขาดความเชื่อมั่นในกระบวนการตรวจสอบ การลงโทษเจ้าหน้าที่รัฐ และขาดการประชาสัมพันธ์ที่จริงจังของรัฐบาลในการแก้ปัญหาทุจริตอย่างเป็นรูปธรรมชี้เหตุรัฐบาลไม่ปราบโกงจริงจังนายนิวัติไชยกล่าวว่า ส่วนอีก ๕ แหล่งคะแนน ประเทศไทยได้คะแนนเท่าเดิมคือ ๑.แหล่ง Economist Intelligence Unit Country Risk Ratings (EIU) ความโปร่งใสและตรวจสอบได้ในการจ่ายใช้งบฯภาครัฐ ได้ ๓๗ คะแนน ๒.แหล่ง Global Insight Country Risk Ratings (GI) การดำเนินการทางธุรกิจต้องเกี่ยวข้องกับการทุจริตมากน้อยเพียงใด ได้ ๓๕ คะแนน ๓.แหล่ง IMD World Competitiveness Yearbook (IMD) การติดสินบนและการทุจริตมีอยู่หรือไม่ มากน้อยเพียงใด ได้ ๔๓ คะแนน ๔.แหล่ง PRS International Country Risk Guide (PRS) มีอำนาจหรือตำแหน่งทางการเมือง การใช้ระบบอุปถัมภ์ เครือญาติและภาคการเมืองกับภาคธุรกิจ มีความสัมพันธ์กันมากน้อยเพียงใด ได้ ๓๒ คะแนน ๕.แหล่งVarieties of Democracy Institute (V-DEM) การทุจริตภาครัฐ ฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติและตุลาการเกี่ยวกับสินบน การขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนบุคคลกับส่วนรวม มากน้อยเพียงใด ได้ ๒๖ คะแนน เนื่องจากมุมมองของผู้เชี่ยวชาญและผู้ตอบแบบสอบถาม อาจเห็นว่า แม้ปีที่ผ่านมาประเทศไทยจะให้ความสำคัญแก้ปัญหาทุจริต เช่น ประกาศใช้กฎหมายระบบงบประมาณ และกฎหมายในการอำนวยความสะดวกการอนุญาต การให้หน่วยงานรัฐปรับปรุงกระบวนงาน นำเทคโนโลยีมาใช้ปฏิบัติงาน การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารราชการให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลมากขึ้น การลงโทษผู้ทุจริต แต่ปัญหาการทุจริตประเทศไทย ยังมีอยู่ไม่แตกต่างจากปีที่ผ่านมา และปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังจากอันดับ ๑๐๑ ลงมาอยู่ที่ ๑๐๘วันเดียวกัน สำนักข่าวต่างประเทศเปิดเผยรายงานผลดัชนีการรับรู้การทุจริต (CPI) ขององค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International หรือ TI) ประจำปี ๒๕๖๖ จัดอันดับและวัดผลประเทศต่างๆ ๑๘๐ ประเทศทั่วโลก ตามระดับการรับรู้การทุจริตในภาครัฐ ด้วยคะแนนตั้งแต่ ๐ (แสดงถึงการทุจริตในระดับสูงสุด) ไปจนถึง ๑๐๐ คะแนน บ่งชี้ถึงการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริต ผลปรากฏว่าประเทศไทยมีเพียง ๓๕ คะแนน อยู่ในอันดับที่ ๑๐๘ ของโลก แย่กว่าผลการจัดอันดับประจำปี ๒๕๖๕ ซึ่งครั้งนั้นมี ๓๖ คะแนน อยู่ที่ ๑๐๑ ของโลก อย่างไรก็ตามประเทศที่ได้คะแนนสูงสุดประจำปี ๒๕๖๖ ได้แก่เดนมาร์ก มี ๙๐ คะแนน ตามมาด้วยฟินแลนด์ ๘๗ คะแนน นิวซีแลนด์ ๘๕ คะแนน นอร์เวย์ ๘๔ คะแนน และสิงคโปร์ มี ๘๓ คะแนน อยู่ในอันดับ ๕ ของโลก“ทิม” ลุ้นคดีขีดเส้นอนาคตการเมืองไทยวันเดียวกัน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ก.ก. และนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรค ก.ก.ให้สัมภาษณ์รายการเปิดปากกับภาคภูมิ ทางไทยรัฐทีวี ก่อนศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยคดีที่มีผู้ร้องเรื่องใช้การแก้ไข มาตรา ๑๑๒ เป็นนโยบายหาเสียงในวันที่ ๓๑ ม.ค. โดยนายพิธาตอบคำถามตอนหนึ่งว่า ไม่กังวล ทำเต็มที่เหมือนตอนเตรียมตัวคดีหุ้นไอทีวี ส่วนผลกระทบคำตัดสิน ไม่ใช่เเค่ตนแเละพรรค ก.ก. แต่เป็นการวางบรรทัดฐาน ๑.อำนาจนิติบัญญัติว่าการแก้ไขกฎหมาย เท่ากับล้มล้างหรือเปล่า ๒.บริบทการเมืองทั้งหมด รวมถึงการเมืองไทยในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเช่นกัน ไม่ได้คิดว่าเป็นแค่เรื่องขีดเส้นกำกับอะไรเฉพาะตนคนเดียว ไม่ใช่เรื่องพรรค ก.ก.แต่เป็นเรื่องสภาฯและบริบทการเมืองไทยในอนาคต ไม่สามารถเดาได้ว่าตุลาการจะวินิจฉัยอย่างไรแต่สโคปคำร้องคือว่าขอให้หยุดการกระทำ แล้วบอกว่าเรื่องการแก้ไขกฎหมายเท่ากับเป็นการล้มล้างการปกครอง รายละเอียดคงต้องรอฟังคำวินิจฉัย ถ้าดูคำตัดสินในอดีตที่ผ่านมาจะกำหนดสัมพันธภาพของระบบอธิปไตยของประเทศไทย ในพรรคประเมินทั้งคดีไอทีวีและคดีล่าสุดเป็นฉากทัศน์หลายฉาก ตอนนี้ยังอยู่ในการวินิจฉัย จึงไม่สามารถพูดลงลึกในรายละเอียดได้เป็นไปไม่ได้เจตนาล้มล้างการปกครองเมื่อถามว่า สมมติหากศาลสั่งว่า จะต้องหยุด การกระทำตามที่มีผู้มาร้อง โดยคนมองว่า นี่จะเป็นสารตั้งต้นที่อาจจะมีคนเอาไปร้องต่อ เพื่อให้ยุบพรรค ก.ก. นายพิธาตอบว่า เราก็ต้องยืนยันว่า การใช้มาตรา ๑๑๒ ในการใช้สถาบันพระมหากษัตริย์ มาทำให้เกิดการทำลายล้างคู่แข่งทางการเมือง ก็ยังมีอยู่ ต้องรอดูรายละเอียดของคำวินิจฉัยอีกทีนึงก่อน แล้วต้องยืนยันในภาพรวมว่า มันเป็นเรื่องของการใช้รัฐสภา ในการหาสมดุล ระหว่างการปกป้องประมุขของรัฐ รวมถึงสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก ให้มันได้สัดส่วน ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป ก็ยังเป็นจุดประสงค์หลักของเรา พี่พยายามจะทำในเรื่องนี้อยู่แต่ว่า ยังไงต้องเอาข้อมูลมาเป็นข้อมันเป็นตัวประกอบ ถ้าเราจะเดินหน้าเรื่องนี้ เมื่อถามต่อว่าอันนี้เป็นเจตนารมณ์ที่ไม่ได้ว่าต้องการไปล้มล้างการปกครอง อย่างที่ไปร้องกล่าวหา นายพิธาตอบว่า ไม่เคยมีเจตนาอย่างนั้นเลย ในการล้มล้างการปกครองเป็นไปไม่ได้ไม่ตั้งใจเอาไปหาเสียงสร้างคะเเนนนิยมนายพิธากล่าวอีกว่า ช่วงการเลือกตั้งทุกรายการ ดีเบตทุกสื่อ ถามจุดยืนเรื่องนี้กับแคนดิเดตนายกฯทุกคน แต่ละพรรคมีความเห็นกันทั้งนั้น ตรงนี้ไม่ได้หมายความว่าพรรค ก.ก.ตั้งใจเอาเรื่องนี้มาหาเสียงเพื่อให้ได้คะแนนความนิยมทางการเมือง แต่เมื่อเป็นหนึ่งใน ๓๐๐ นโยบาย มีการถามกันในเวทีดีเบต เป็นเรื่องที่นักการเมืองทุกคนจะต้องตอบในช่วงนั้น เราก็ต้องพูดให้ชัดว่าเรา ไม่ได้มีเจตนา ว่าจะเอาเรื่องนี้มาให้เป็นเรื่องทางการเมือง ตามที่โดนโจมตีหรือว่าที่โดนกล่าวหา ทั้งนี้ตอนนี้ยังเป็นแคนดิเดตนายกฯอยู่ ยังอยู่ในบัญชีถ้าการเคลื่อนไหวทางการเมืองเกิดอะไรขึ้นแล้วต้องมีการเลือกนายกฯใหม่ตนยังอยู่ในแคนดิเดตอยู่ ถ้ายังไม่ได้ยุบสภาฯเลือกตั้งใหม่ พูดกันให้ชัดตรงนี้ว่าไม่ได้หมายความว่าต้องการให้เกิดอุบัติเหตุทางการเมือง และให้ตนเป็นนายกฯ แต่ว่าเป็นไปตามกระบวนการตามระบบ และในเชิงของระบบ ตนยังเป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรคที่มีเสียงเป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทยอยู่ดีปลุกอย่ายอมรับว่ายุบพรรคเป็นเรื่องปกติเมื่อถามว่าในวันนั้นไม่มีอนาคตใหม่ ไม่มีนายธนาธร มีก้าวไกล มีนายพิธา วันหน้าถ้าไม่มีก้าวไกล ไม่มีนายพิธา จะมีคนต่อๆมา นายพิธาตอบว่า ประเทศไทยยังมีคนมีศักยภาพ แต่เมื่อถึงเวลาที่คิดว่าตนเองไม่เป็นประโยชน์แล้วก็ต้องให้โอกาสคนรุ่นใหม่ได้ขึ้นมาแทน แต่ขอสรุปที่หัวหน้าพรรค ก.ก.พูดว่า ไม่กังวลไม่ประมาท และไม่ควรที่จะเห็นด้วยกับการที่มีคำขู่ว่ายุบพรรคนี้เป็นเรื่องปกติของประเทศ มันเป็นเรื่องอปกติ อย่ายอมรับให้มันเป็นเรื่องปกติของการเมืองไทย เราต้องช่วยกันถ้าเรื่องนี้ ส่วนการจะกลับไปเป็นหัวหน้าพรรคเดี๋ยวรอฟังสมาชิกพรรค ไม่ได้ขึ้นอยู่กับพวกเราสองคน พวกเราสองคนไม่ยึดติดตำแหน่งtt tt“ต๋อม” โต้ไม่ใช่พรรคถูกตัดหัวเสียศูนย์เมื่อถามมีคนกังวลว่าถ้าพรรค ก.ก.ท้ายปลายทางไปถูกยุบพรรคจะทำอย่างไร ต้องกังวลหรือกลัวหรือไม่สำหรับแฟนคลับ นายชัยธวัชตอบว่า จะพูดว่าไม่ควรกังวลก็ไม่ถูก แต่ไม่ควรเห็นด้วยกับการยุบพรรคการเมือง ควรเกิดง่าย ถูกยุบยาก ขณะเดียวกันก้าวไกลหรืออนาคตใหม่ไม่ได้ยึดติดกับตัวบุคคล ไม่ใช่พรรคที่เมื่อถูกตัดหัวไป จะสูญเสียศักยภาพ เหมือนกับตอนที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่พูดตอนพรรคถูกยุบว่าพวกเราคือผู้คนและการเดินทาง ยังมีผู้คนและการเดินทางอีกยาวไกล วันนี้เราเติบโตและแข็งแกร่งขึ้นเยอะ พร้อมรับทุกสถานการณ์ แต่ต้องย้ำกลับไปข้อแรกก่อนว่าพูดแบบนี้ไม่ได้บอกว่าอย่างไรก็ได้มาเลย เรายังยืนยันว่ายุบพรรคไม่ควรเกิดขึ้นในระบอบประชาธิปไตย“หยก” ยื่นสภาสอบ ตำรวจศาลทำร้าย “บุ้ง”เมื่อเวลา ๑๑.๓๐ น. ที่รัฐสภา ตัวแทนองค์กรนักศึกษาม.ธรรมศาสตร์ (มธ.) นำโดย น.ส.ณัฐนิช ดวงมุสิทธิ์ หรือ“ใบปอ”และ น.ส.ธนลภย์ ผลัญชัย หรือ “หยก” เข้ายื่นเรื่องต่อ น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.กทม.พรรค ก.ก.ในฐานะ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายปี ๒๕๖๗ กรณี น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ “บุ้ง” ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจศาลทำร้ายร่างกายในบริเวณพื้นที่ศาล ขอให้ กมธ.ตรวจสอบการใช้อำนาจหรือการใช้อาวุธตำรวจศาล เป็นยุทธภัณฑ์มาจากภาษีประชาชน มาใช้อย่างเหมาะสมหรือไม่ โดย น.ส.ณัฐนิชกล่าวว่า น.ส.เนติพรถูกคุมขัง ข้อหาละเมิดอำนาจศาล ได้ประกาศอดอาหาร ตั้งแต่วันที่ ๒๗ มกราคมที่ผ่านมา รวม ๓ วันแล้ว เนื่องจากรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม จนตอนนี้อาการแย่ลง หน้ามืด ต้องมีคนช่วยพยุง มาเรียกร้องว่ามีประชาชนถูกทำร้ายในพื้นที่ศาล ขณะที่ น.ส.ศศินันท์ กมธ.ฯจะนำไปพิจารณาว่า จะส่งเรื่องไปยัง กมธ.ชุดใดได้บ้าง อาทิ กมธ.กฎหมาย กมธ.กิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุนอ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่
"พิธา" ลุ้นตัดสิน! คดีชงแก้ม.๑๑๒ รัฐบาลขอซักฟอก หลัง ๒๐ มีนาคม
Related posts