Friday, 15 November 2024

"สมศักดิ์" ชี้ "ศรีสุวรรณ" ตบทรัพย์ อุทาหรณ์ มอบ “สมคิด” เป็นคกก.เร่งกฎหมาย

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกฯ ชี้ กรณี “ศรีสุวรรณ” ตบทรัพย์ เป็นอุทาหรณ์ให้คนที่คิดนอกลู่นอกทาง มอบ “สมคิด” รองเลขาฯ นายกฯ เป็น คกก.เร่งรัดกฎหมาย ตามคำสั่งนายกฯ เมื่อวันที่ ๓๑ ม.ค. ๖๗ ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายศรีสุวรรณ จรรยา นักร้องเรียน ถูกดำเนินคดีในข้อหาเรียกรับผลประโยชน์ หน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลเคยถูกมาเรียกรับผลประโยชน์บ้างหรือไม่ว่า ในส่วนที่ตนกำกับดูแลไม่มีการตบทรัพย์ และหน่วยงานที่ตนกำกับดูแลไม่จำเป็นต้องมีที่ปรึกษาอะไรมากมาย แต่ตนมองว่ากรณีที่เกิดขึ้นนั้น จะเป็นกรณีศึกษาให้กับทุกคนว่า หากจะทำอะไรที่ผิดกฎหมายจะเกิดปัญหา การทำอะไรตรงไปตรงมาจะมีความสุขถือว่าดีที่สุด อะไรที่นอกลู่นอกทางก็จะถูกตรวจสอบ และวันนี้การสื่อสารรวดเร็ว สิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นอุทาหรณ์ให้คนที่คิดไม่ถูกต้องเลิกเสียนายสมศักดิ์ ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้เร่งรัดการเสนอและแก้ไขกฎหมายของกระทรวงต่างๆ ว่า การเดินหน้ากฎหมายของแต่ละกระทรวง ตนพูดในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตั้งแต่ครั้งแรกว่า เครื่องมือในการทำงานของแต่ละกระทรวง คือ กฎหมาย และไม่ได้จบแค่กฎหมาย ยังต้องมีกฎกระทรวงเป็นกฎหมายรองลงมา อยากให้ไปดู นอกจากกฎกระทรวงแล้วยังมีออกระเบียบอีก มันมี ๓-๔ ขั้นตอน ถ้ากระทรวงใดไม่เข้าใจ ตั้งใจ หรือจริงใจ กับการแก้ปัญหาให้กับประชาชนกฎหมายก็จะไม่เดิน ซึ่งเมื่อนายกฯ สั่งมาตนจึงได้มอบหมายให้ นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อติดตามเร่งรัดการออกกฎหมาย แต่อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการเร่งรัด หากเจ้ากระทรวงไม่รู้บทบาทความสำคัญของกฎหมายเหล่านั้นก็ไม่มีผลที่จะไปเร่งได้ง่ายๆ ซึ่งการที่เราแก้ปัญหาให้กับประชาชนไม่ได้ ส่วนหนึ่งมาจากไม่มีการแก้กฎหมาย ตนมองว่า การที่ออกกฎหมายไม่ได้อาจเป็นเพราะไม่เข้าใจหรือ กลัวสภา แต่การเป็นนักการเมืองไม่ควรกลัวสภาต้องชี้แจงให้ได้เมื่อถามว่า หลังจากได้รับมอบหมายจากนายกฯ แล้ว จะผลักดันการออกกฎหมายให้เป็นรูปธรรมได้เมื่อไหร่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนจะไปรู้ได้อย่างไรว่า กระทรวงไหนเขาติดอะไร จึงให้ นายสมคิด นำคนของแต่ละกระทรวงมาร่วมเป็นคณะกรรมการ แล้วให้คนเหล่านั้นไปเร่งรัดกระทรวงของตัวเองว่า มีอะไรที่ช้าอยู่ ใส่ใจ และเร่งรัดทำให้มันเร็ว ประชุมให้ถี่ๆ ไม่ใช่ ๒ สัปดาห์ครั้ง หรือเดือนละครั้ง แบบนั้นก็รอไปเถอะ สมัยรัฐบาลหน้าถึงจะจบ