ที่เห็นและเป็นไปจากรัฐบาล “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี ซึ่งเข้ามาบริหารราว ๔ เดือนกว่าเห็นจะได้ มีอยู่เรื่องหนึ่งที่พอจะเชิดหน้าชูตาในความเป็นไปที่ดีคือการทำให้ประเทศไทยเป็นเวทีการเจรจาความเมืองระดับโลก อันหมายถึงได้รับการยอมรับในความเป็นประเทศที่ปลอดภัยไว้ใจได้ทั้งระบบโดยเฉพาะความเป็น “กลาง” ทางการเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจนทำให้เกิดความสมดุลไม่ว่าซีกไหนของโลกก็ตามนี่เป็นเรื่องที่ให้คะแนนนายกรัฐมนตรีที่สามารถเปิดโลกประเทศไทยให้ได้รับการยอมรับในความเป็น “สากล” จนได้รับความเชื่อถือ“หวัง อี้” รัฐมนตรีต่างประเทศจีน เดินทางมาพำนักในประเทศไทยหลายวันนอกจากประเด็นที่จะลงนามความตกลงเรื่อง “ฟรีวีซ่า” กับไทยแล้วแต่ประเด็นใหญ่ก็คือการเจรจาความเมืองเรื่องความเป็นไปของโลกทั้งด้านความสัมพันธ์และความขัดแย้งต่างๆที่เกิดขึ้น“เจค ซัลลิแวน” ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐอเมริกา ที่ “โจ ไบเดน” ประธานาธิบดีสหรัฐฯส่งมาดักรอพบในเมืองไทยก่อนหน้านั้นเล็กน้อยการพบปะกันระหว่างตัวแทนของ ๒ ชาติมหาอำนาจในพื้นที่ประเทศไทยนั้นถือเป็นครั้งแรกก็ว่าได้ในรอบหลายปีที่ผ่านมาเวทีอย่างนี้มิใช่เกิดขึ้นง่ายๆหากประเทศที่ถูกใช้เป็นจุดนัดพบยังไม่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการของ ๒ มหาอำนาจโลกเพราะนอกจากจะต้องใช้เวลานานพอสมควรเนื่องจากมีหัวข้อที่ต้องว่ากันหลายเรื่องหลายประเด็นไม่ว่าจะเป็นเรื่องยูเครน-รัสเซีย อิสราเอลกับฮามาสที่กำลังบานปลายไปสู่ทะเลแดง ปัญหาในคาบสมุทรเกาหลี ปัญหาในทะเลจีนใต้และไต้หวัน เป็นต้นแน่นอนว่าสหรัฐฯจะมีการเลือกตั้งผู้นำประเทศในเดือน พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ ก็คงต้องเตรียมการหลาย ทั้งประเด็นในประเทศและต่างประเทศเพื่อนำไปหาเสียงโชว์วิสัยทัศน์ให้ได้รับการยอมรับถึงทิศทางและนโยบายต่างๆเพื่อจะบอกกับคนอเมริกันว่าถ้าเลือกเขาแล้วจะได้อะไร“จีน” คือมหาอำนาจซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญก็ต้องการมีบทบาทในเวทีโลกในทุกด้านก็ไม่ต่างกันการส่งตัวแทนมาคุยกันย่อมได้ประโยชน์ก่อนที่ผู้นำของ ๒ ประเทศจะนัดหมายพูดคุยกันในอีกไม่นานนี้ก็ต้องดูกันต่อไปว่าผลการพูดคุยจะมีอะไรบ้างและส่งผลต่อโลกแค่ไหนแต่แน่นอนว่าเมื่อประเทศไทยถูกใช้เป็นเวทีเจรจาระดับโลกครั้งแรกย่อมมีครั้งต่อๆไปอย่างแน่นอนเพราะไม่ใช่แค่ ๒ ประเทศมหาอำนาจเท่านั้นที่ยอมรับแต่ย่อมการันตีไปถึงประชาคมโลกด้วยว่าไทยคือเวทีที่เหมาะสมสำหรับเจรจาความเมืองได้อย่างปลอดภัยไร้กังวลเท่ากับไทยได้รับเครดิตจากนานาประเทศทั่วโลกอย่างไม่ต้องสงสัยขอเพียงแต่คนไทยด้วยกันเองจะต้องช่วยกันรักษาความเป็นพื้นที่สากลให้อยู่ยงคงกระพันตลอดไปเพราะเมื่อเป็นพื้นที่ “เซฟโซน” อย่างนี้ทุกอย่างก็จะไหลตามมาอย่างแน่นอนไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจการลงทุนและเพิ่มศักยภาพด้านการท่องเที่ยวโดยปริยายนี่คือจุดแข็งที่สุดของประเทศไทยก็ว่าได้!“สายล่อฟ้า”คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม
Related posts