Saturday, 21 September 2024

แห่แจ้งความครูสาว หลอกนร.เซ็นชื่อ ยักยอกเงินออมกว่า ๕ แสน

ผู้ปกครองโรงเรียนใน อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ที่ครูยักยอกเงินออมเด็กไปกว่า ๕ แสน ทยอยเข้าแจ้งความ ผกก.สอบปากคำเอง ชี้เข้าข่ายฉ้อโกง ปลอมเอกสารสิทธิวันที่ ๓๐ ม.ค. ความคืบหน้ากรณีที่ผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.ลำปลายมาศ  จ.บุรีรัมย์ นำสมุดบัญชีเงินฝากของลูกหลาน  รวมถึงคลิปวิดีโอที่บันทึกไว้ช่วงที่หลายหน่วยงาน ร่วมประชุมไกล่เกลี่ยกับผู้ปกครอง และทำบันทึกว่าครูประจำชั้นคนหนึ่งยอมรับสารภาพว่าได้ยักยอกเงินออมของเด็กนักเรียน ตั้งแต่ชั้นอนุบาล ถึงชั้น ป.๖ รวมจำนวน ๗๒ คน ไปใช้ส่วนตัวรวมเป็นเงินกว่า ๕๓๐,๐๐๐ บาท และรับปากจะหามาชดใช้คืนให้ ซึ่งเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงเดือน ก.ย. ๒๕๖๕ ออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรม หลังจากผ่านไปมากกว่า ๑ ปี แต่ครูคืนเงินให้กับเด็กนักเรียนตามจำนวนที่ยักยอกไปแค่ ๔ คน ส่วนที่เหลืออีก ๖๘ คน ได้เงินคืนแค่คนละ ๑,๓๐๐ บาท ถึงแม้จะมีการนัดพูดคุยกันอีกครั้งในวันที่ ๑ มี.ค. ๒๕๖๗  ที่จะถึงนี้ แต่ผู้ปกครองบางส่วนเกิดความกังวลใจเกรงว่าลูกหลานจะไม่ได้เงินที่เหลือคืนตามที่ครูรับปาก   ล่าสุดวันนี้ (๓๐ ม.ค. ๖๗) ผู้ปกครองนักเรียนที่ถูกครูยักยอกเงินด้วยการหลอกให้ผู้ปกครอง และนักเรียนเซ็นเอกสาร แล้วแอบนำไปประกอบการเบิกถอนเงินออมของเด็กนักเรียน ได้ทยอยเข้าแจ้งความและให้ปากคำที่ สภ.ลำปลายมาศ โดยผู้ปกครองที่มาแจ้งความต่างบอกตรงกันว่า อยากได้เงินที่ครูยักยอกของบุตรหลานไปคืนภายในปี ๒๕๖๗ นี้ เพราะบางคนเรียนจบ ป.๖ และไปเรียนต่อ ม.๑ ที่โรงเรียนอื่นแล้วก็ยังไม่ได้เงินคืน ขณะที่บางคนใกล้จะจบ ป.๖ ได้เงินคืนแค่พันกว่าบาท จึงเกรงว่าตามมติที่ประชุมที่ครูรับปากจะจ่ายคืนให้ภายใน ๓ ปี คือปี ๖๗-๖๙ นั้นนานเกินไป เพราะนักเรียนตั้งใจว่าจะนำเงินที่ฝากออมไว้เป็นค่าเทอมและซื้ออุปกรณ์การเรียนต่อมัธยม จึงอยากให้ทางต้นสังกัดหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหาแนวทางช่วยเหลือด้วยป้าสมบูรณ์ อายุ ๖๔ ปี บอกว่า เงินของหลานที่ฝากออมไว้กับทางโรงเรียนกว่า ๑๙,๐๐๐ บาท ถูกครูถอนออกไปหมด ตั้งแต่เกิดเรื่องผ่านมากว่า ๑ ปีได้เงินคืนแค่ ๑,๓๐๐ บาท  ตอนนี้หลานเรียนอยู่ ป.๔ อีก ๒ ปี ก็จะจบไปเรียนต่อมัธยมแล้ว หลานก็ตั้งใจจะนำเงินที่เก็บออมไว้ไปซื้ออุปกรณ์การเรียนต่อมัธยม แต่กลับถูกครูแอบถอนไปใช้จนหมด กรณีที่ทางโรงเรียนอ้างมติที่ประชุมว่าครูรับปากจะหาเงินคืนให้ภายใน ๓ ปีคือปี ๒๕๖๗-๒๕๖๙ นั้นส่วนตัวมองว่านานเกินไป และไม่มั่นใจว่าพอเวลาผ่านไปจะได้เงินคืนจริงหรือไม่จึงตัดสินใจมาแจ้งความ   หากครูไม่หาเงินมาคืนก็อยากให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย ขณะที่ยายจอม อายุ ๗๐ ปี บอกว่า ส่วนตัวไม่ได้อยากดำเนินคดีกับครู แต่ที่มาโรงพักเพราะอยากให้ตำรวจหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องช่วยเหลือ   อยากได้เงินที่ครูยักยอกของหลานไปคืน หลานอุตส่าห์เก็บออมวันละ ๑ บาทบ้าง ๕ บาทบ้าง เพราะตั้งใจเก็บเงินไว้เป็นค่าเทอม และซื้ออุปกรณ์เรียนต่อมัธยม จนตอนนี้หลานจบไปต่อ ม.๑ แล้วได้เงินคืนแค่พันกว่าบาท จากทั้งหมดกว่า ๖ พันบาท อยากให้ครูเห็นใจด้วยเพราะตนก็แก่แล้วมีแค่เบี้ยผู้สูงอายุ และรอเงินจากพ่อหลานส่งมาให้เท่านั้น  หากเป็นไปได้ก็อยากได้คืนวันนี้เลย นายสุวรรณ์ ประเสริฐ ในฐานะประธานคณะกรรมการสถานศึกษา บอกว่า หลังทราบเรื่องตั้งแต่ช่วงเดือน พ.ย. ๖๕ ทั้งทางโรงเรียน กรรมการสถานศึกษา อบต. ก็พยายามหาทางออกและแก้ไขปัญหาร่วมกัน มีการไกล่เกลี่ยระหว่างผู้ปกครองกับครู ซึ่งครูก็รับปากจะหาเงินที่ยักยอกของนักเรียนมาคืนให้ทุกคน โดยเบื้องต้นก็ได้จ่ายคืนไปแล้ว ๒๖๖,๗๘๕ บาท ส่วนที่เหลือกว่า ๓๘๐,๐๐๐ บาท จะทยอยคืนให้ ๓ งวดภายใน ๓ ปี คือ งวดที่ ๑ วันที่ ๑ มี.ค. ๒๕๖๗ จำนวน ๑๕๐,๐๐๐ บาท งวดที่ ๒ วันที่ ๑ มี.ค. ๒๕๖๘ จำนวน ๑๕๐,๐๐๐ บาท และงวดที่ ๓ วันที่ ๑ มี.ค. ๒๕๖๙ จำนวน ๘๒,๗๖๐ บาท ซึ่งผู้ปกครองก็มีมติเห็นชอบร่วมกัน ตัวครูเองก็ยอมรับผิดและรับปากจะหาเงินมาคืนให้ หากครูไม่หาเงินมาชำระคืนก็ค่อยว่ากันไปตามกระบวนการกฎหมาย ส่วนเรื่องวินัยขึ้นอยู่กับทางต้นสังกัดที่จะพิจารณาดำเนินการทางด้าน พ.ต.อ.วชิรวิทย์ วรรณธาณี ผกก. สภ.ลำปลายมาศ ได้มาพบผู้ปกครองนักเรียนที่มาแจ้งความ พร้อมทั้งทำการสอบปากคำครูที่ถูกกล่าวหาด้วยตัวเอง เบื้องต้นจากการสอบสวน พบว่าพฤติการณ์การกระทำของ น.ส.นก ครูที่ถูกกล่าวหา เข้าข่ายกระทำผิดฐาน “ฉ้อโกงและปลอมเอกสารสิทธิ” ซึ่งจะได้สอบปากคำผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด และรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป