โซเชียลตั้งคำถาม ชาร์จแบตรถยนต์ในที่สาธารณะได้หรือ หลังมีเก๋ง EV ลอบชาร์จไฟหลวง ในสวนสมเด็จฯ เทศบาลเมืองพังงา เตรียมดำเนินคดีเอาผิดวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก “คน..พังงา” ได้โพสต์ภาพรถยนต์ไฟฟ้าสีขาว พร้อมติดพิกัด สวนสมเด็จย่า จ.พังงา ระบุข้อความว่า “#ชาร์จแบตรถยนต์ในที่สาธารณะได้หรือไม่พิกัดสวนสมเด็จอำเภอเมืองจังหวัดพังงารถไฟฟ้าชาร์จแบตเตอรี่โดยใช้ไฟสาธารณะ หลายคนอาจจะมองเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่ถ้าหากว่ามีคนใช้รถไฟฟ้าเป็นพาหนะเพิ่มขึ้นแล้วทำแบบนี้กันทุกคนจะเกิดอะไรขึ้น #ตัวอย่าง- หากไปตัดปาล์มสัก ๑ ทะลายเอามาเป็นของตัวเองถือว่าผิดหรือไม่- หากไปหยิบของสัก ๑ ชิ้นในห้างหรือในร้านค้าเอาไปเป็นของตัวเองโดยไม่จ่ายเงินถือว่าเป็นขโมยหรือไม่- การที่ไปต่อสายชาร์จแบตรถยนต์ในสถานที่ราชการหรือที่สาธารณะถือว่าเป็นการขโมยไฟใช้หรือเปล่าฝากถึงหน่วยงานที่รับผิดชอบในการตั้งจุดชาร์จแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าให้เพียงพอกับอัตราการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า อย่าให้ปัญหาเกิดขึ้นก่อนแล้วมาแก้ทีหลังและขอฝากผู้ที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้าบางคนให้เห็นแต่ส่วนรวมช่วยกันคนละนิดหากท่านไฟฟ้าหมดตรงนั้นจริงๆ เราไม่ว่ากัน แต่หากว่าแบตเตอรี่เหลือน้อยให้ท่านไปขอความช่วยเหลือจากคนพังงาได้เกือบจะทุกหลังคาเรือนเขายินดีที่จะช่วยท่านอยู่แล้วคนพังงาใจดีและน่ารักทุกคน”ซึ่งหลังจากที่โพสต์ดังกล่าวถูกแชร์ออกไป ก็มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก อาทิ ใกล้ๆ ตรงนั้นก็มีที่ชาร์จที่ปั๊ม ปตท., มีไฟด้วย นึกว่ายังแต่ปลั๊ก ฯลฯจากการสอบถาม นายชูโชติ โกยกุล นายกเทศมนตรีเมืองพังงา ทราบว่า ล่าสุดได้มอบหมายให้ นายภานุมาศ สันติจิตโต รองนายกเทศมนตรีเมืองพังงา ลงพื้นที่จุดที่เกิดเหตุ บริเวณป้อมยามหน้าสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ ฝั่งถนนสายเมืองพังงา-อำเภอทับปุด และได้ชี้แจงว่า หลังจากทางเทศบาลเมืองพังงาได้ทราบข่าวจากสื่อโซเชียลแล้ว ได้สั่งการนิติกร นำหลักฐานเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสอบสวน สภ.เมืองพังงา ให้ดำเนินคดีกับผู้ที่ใช้รถไฟฟ้าคันที่ก่อเหตุคันดังกล่าว พร้อมกับให้ทางกองช่างตัดกระแสไฟฟ้าในจุดสาธารณะต่างๆ ออกหากไม่มีการใช้ และฝากให้ผู้ที่ใช้รถไฟฟ้า อย่าคิดมักง่ายด้วยการชาร์จไฟในที่สาธารณะ หรือในหน่วยงานราชการ เพราะเป็นความผิดในข้อหาลักทรัพย์สินของทางราชการ และเดี๋ยวนี้แต่ละสถานีบริการน้ำมันก็มีจุดบริการชาร์จรถไฟฟ้าอยู่แล้ว หรือกลับไปชาร์จที่บ้านตัวเองจะดีกว่า.ที่มาจาก เฟซบุ๊ก “คน..พังงา”(ติดตามข่าวโซเชียล ในกระแส ทั้งหมดที่นี่)
