Saturday, 28 December 2024

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ประธานคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร และคณะ เพื่อหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับภารกิจความรับผิดชอบและการดำเนินการที่สำคัญของกระทรวงกลาโหม

กลาโหม-กมธ.

นั่งประชันหน้า

“บิ๊กทิน-วิโรจน์” หัวโต๊ะ

ปลัดกห-ทีม นายพล กลาโหม ทีม สนามไชย1 กับ สส. ก้าวไกล ใน กมธ.

คุย 9 ประเด็น

ตั้งคณะกรรมการศึกษา “ศาลทหาร”

ระบบการฟ้องร้อง หน้าที่ อำนาจ

องค์ประกอบของคณะตุลาการ

หวังให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล

ตรวจสอบ แอปพลิเคชัน “Napa Application ยังจำเป็นที่จะต้องใช้งาน ต่อมั้ย

ศึกษาแนวทาง หลักเกณฑ์

วิธีการจัดทำงบประมาณแบบก่อหนี้ผูกพันข้ามปีเกี่ยวกับการจัดซื้อ อาวุธยุทโธปกรณ์

พร้อมปม เรือดำน้ำจีน-กู้เรือหลวงสุโขทัย -ที่ดินทหาร

เห็นชอบทำโครงการพลทหาร ปลอดภัย

ผ่านลดจำนวนนายพล



พลเรือตรี ธนิตพงศ์ สิริเศวตศักดิ์ โฆษก กระทรวงกลาโหม กล่าวว่า

นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต้อนรับนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ประธานคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร และคณะ เพื่อหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับภารกิจความรับผิดชอบและการดำเนินการที่สำคัญของกระทรวงกลาโหม ที่ อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม (ศรีสมาน)

ในช่วงเริ่มต้นของการประชุมฯ ประธานคณะกรรมาธิการฯ ได้แจ้งมติของคณะกรรมาธิการฯ ในการจัดทำหนังสือสอบถามข้อมูลและความคืบหน้าการดำเนินการในเรื่องต่างๆ

นายสุทิน พร้อมให้ความร่วมมือและพิจารณาในการสนับสนุนข้อมูลตามที่ได้รับการร้องขอ และที่ประชุมได้มีการหารือเรื่องสำคัญในหลายประเด็น รวมทั้งแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่างๆ ได้แก่

1.คณะกรรมาธิการฯ เชิญกระทรวงกลาโหมเข้าร่วมโครงการสัมมนา “พลทหารปลอดภัย” โดยจะขอรับการสนับสนุนพื้นที่ของกองทัพอากาศในการจัดสัมมนาอบรมหลักสูตรฯ ในห้วง มี.ค. – เม.ย.2567 จำนวน ทหาร 4 ครั้ง

ซึ่งนายสุทิน กล่าวพร้อมสนับสนุนโครงการฯ และ ที่ผ่านมาได้ไปตรวจเยี่ยมโรงเรียนนายสิบ และเน้นย้ำทำความเข้าใจ รวมถึงจัดทำโครงการฝึกทหารอย่างสร้างสรรค์ เพื่อเป็นการปรับปรุงการฝึกทั้งทหารกองประจำการ และนักศึกษาวิชาทหารให้มีความทันสมัย สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป

ตลอดจนกำชับกองทัพให้ดูแลทหารกองประจำการเป็นอย่างดี ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการฯ เสนอให้มีการพิจารณาเพิ่มค่าประกอบเลี้ยงพลทหาร โดยกระทรวงกลาโหมจะได้มีการปรับปรุงให้มีความเหมาะสม แต่ด้วยข้อจำกัดของงบประมาณที่ได้รับ จึงจะต้องดำเนินการควบคู่ไปกับการปรับลดทหารกองประจำการ และจะหาแหล่งงบประมาณมาสนับสนุน

2.โครงการจัดหาเรือดำน้ำแบบ S26T ของกองทัพเรือ โดยจะมีหนังสือเชิญกระทรวงกลาโหมเพื่อเข้าหารือในรายละเอียดอีกครั้งกับคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎรในโอกาสต่อไป

3.แนวทางการพัฒนากองทัพ การจัดสรรกำลังพลที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ โดยคณะกรรมาธิการฯ ได้ขอรายละเอียดยอดจำนวนกำลังพลในแต่ละชั้นยศของกองทัพ

4.การจัดสรรที่ดินของกองทัพเพื่อให้เป็นที่ทำกินแก่ประชาชน ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงว่า ได้มีการดำเนินโครงการเรื่องที่ดินมาอย่างต่อเนื่อง ยกตัวอย่างของโครงการหนองวัวซอโมเดล

อย่างไรก็ตาม การแก้ไขข้อพิพาทในพื้นที่ จ.หนองบัวลำภู ระหว่างประชาชนกับกรมธนารักษ์ จะใช้กลไกของคณะกรรมการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1 : 4,000 (ONE MAP) ทั้งนี้ กองทัพยังมีโครงการจัดสรรที่ดินอื่นๆ อีกที่กำลังจัดทำอยู่ทั้งในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ จ.กาญจนบุรี และ จ.นครพนม

5.การกู้เรือหลวงสุโขทัย โดยนายสุทิน ได้ชี้แจงถึงแนวทางการให้ความช่วยเหลือและข้อกังวลจากฝ่ายสหรัฐอเมริกา เนื่องจากการจัดซื้อเรือหลวงสุโขทัยนั้น ไทยมีข้อตกลงกับกองทัพสหรัฐฯ เรื่องการห้ามไม่ให้ชาติอื่นเข้าถึงเทคโนโลยี รวมทั้งกรณีการกู้ซากเรือต้องให้ทางสหรัฐฯ เป็นผู้ดำเนินการ

ทั้งนี้ ผู้บัญชาการกองกำลังภาคพื้นอินโด-แปซิฟิก ได้เข้าพบเพื่อพูดคุยในประเด็นนี้แล้ว

รวมทั้งแจ้งว่ากระบวนการกู้ซากเรือของไทยจะมีขั้นตอนแบ่งออกเป็น 2 ระยะ โดยระยะที่ 1 จะเป็นการกู้ศพทหารผู้เสียชีวิต และอาวุธยุทโธปกรณ์

ระยะที่ 2 จะเป็นการกู้ตัวเรือ สำหรับขั้นตอนการดำเนินการต่างๆ จะไม่กระทบต่อหลักฐานการจมหรืออับปางของเรือหลวงสุโขทัย

6.แนวทางการปรับลดนายทหารชั้นนายพลในตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้ชำนาญการ โดยกระทรวงกลาโหมได้ชี้แจงถึงแนวทางการปรับลดนายทหารชั้นนายพลดังกล่าว และมีแผนจะดำเนินการปรับลดควบคู่กับโครงการเกษียณอายุราชการก่อนกำหนด (Early Retire) โดยในปี 2570 จะลดลงร้อยละ 50 และจะปรับลดทั้งหมดได้ในปี 2580

อย่างไรก็ตาม โครงสร้างในปัจจุบันที่มีอยู่จำนวนมากนั้นเกิดจากความต้องการกำลังพลเพื่อรองรับภัยคุกคามในห้วงสงครามหรือความขัดแย้งในอดีต ปัจจุบันกระทรวงกลาโหมอยู่ระหว่างการปรับลดเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์และภัยคุกคามที่เปลี่ยนแปลงไป

ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการฯ ได้ร้องขอรับการสนับสนุนข้อมูลโครงการข้าราชการพลเรือนกลาโหมอีกด้วย

7.คณะกรรมาธิการฯ แจ้งว่า จะมีการจัดตั้งคณะกรรมการศึกษาศาลทหารในเรื่องระบบการฟ้องร้อง หน้าที่และอำนาจในการฟ้อง องค์ประกอบของคณะตุลาการ เพื่อให้มีความสอดคล้องกับมาตรฐานสากล

8.โครงการแอปพลิเคชันนภา (Napa Application) โดยให้มีการพิจารณาถึงความจำเป็นที่จะต้องใช้งานอีกต่อไป

9.แนวทาง หลักเกณฑ์ และวิธีการเกี่ยวกับการจัดทำงบประมาณแบบก่อหนี้ผูกพันข้ามปีเกี่ยวกับการจัดซื้อ จัดหา การซ่อมบำรุงอาวุธยุทโธปกรณ์ของหน่วยงาน รายการก่อสร้าง ค่าซ่อมแชม ที่ยังมีภาระผูกพันต่อเนื่องถึงปัจจุบัน

ท้ายที่สุด คณะกรรมาธิการฯ จะได้มีหนังสือเชิญกระทรวงกลาโหมเข้าร่วมการประชุมกับคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการถ่ายโอนธุรกิจของกองทัพไปอยู่ในความดูแลของหน่วยงานอื่น หรือย้ายไปสถานที่อื่นที่เหมาะสม เพื่อให้รายละเอียดข้อมูลถึงการปรับปรุงสวัสดิการภายในและสวัสดิการเชิงธุรกิจของกองทัพในประเด็นที่อยู่ในความสนใจของสังคมต่อไป