Thursday, 19 December 2024

แนวร่วม "เพจวันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร" ร้อง ป.ป.ช.ฟันจริยธรรม ๓ สส.ก้าวไกล

แนวร่วม “เพจวันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร” ร้อง ป.ป.ช.ฟันจริยธรรม ๓ สส.ก้าวไกล ท้า “สส.แบงค์” โชว์ใบ สด.๔๓ ขอก้าวไกลอย่าเล่นบทเหยื่อ ขู่ กมธ.สอบจริยธรรม-กองทัพ หากไม่ดำเนินการเตรียมฟ้องกลับ เมื่อวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตัวแทนจากเพจ “วันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร” นำโดย นายทันกวินท์ รัฐวัฒก์อังกูร หรือ อ.ทัน, นายแทนคุณ จิตต์อิสระ, นายนิยม นพรัตน์ หรือ เค สามถุยส์ มายื่นเรื่องต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ขอให้ดำเนินคดีอาญาและตรวจสอบวินัย สส.ก้าวไกล ๓ คน ประกอบด้วย นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ, นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร และนายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ ซึ่งกระทำความผิดในขณะดำรงตำแหน่งสภาผู้แทนราษฎรนายทันกวินท์ ชี้แจงว่า นายจิรัฏฐ์ มีการนำเอกสารใบ สด.๔๓ ออกมาแสดงต่อสาธารณชน โดยบอกว่าเป็นเอกสารที่ออกโดยหน่วยงานราชการ พร้อมท้าให้ไปตรวจสอบลายเซ็นในปี ๒๕๕๔ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ นายจิรัฏฐ์ ผ่อนผันทหารอยู่ ขณะที่หน่วยงานภาครัฐก็ยืนยันว่า ไม่ใช่เอกสารที่ออกโดยหน่วยงานราชการ จึงเกิดพิรุธว่า ในช่วงเวลาที่นายจิรัฏฐ์กล่าวอ้าง เหตุใดจึงมีคำว่า หมายเลขดำ อยู่บนเอกสารที่นำมาแสดง เรื่องนี้จึงไม่ใช่การซื้อใบ สด.๔๓ แต่เป็นการปลอมแปลงเอกสารใช่หรือไม่ โดยที่ นายจิรัฏฐ์ ทราบดีอยู่แล้วว่า เอกสารนั้นเป็นอย่างไร จึงเข้าข่ายการใช้เอกสารปลอมในการมาเผยแพร่ต่อสาธารณะหรือไม่ นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของการนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ จากการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน เพราะข้อเท็จจริงคือ หากไม่ได้รับการตรวจเลือกในวันที่ถูกเรียกตัว จะต้องได้รับคำพิพากษาจากศาลว่า กระทำความผิดอะไร และจะต้องเข้ารับราชการทหารทันทีโดยไม่มีสิทธิจับสลาก แต่นายจิรัฏฐ์ อ้างว่า ตนเองไปเสียค่าปรับแล้วกลับมาจับใบดำใบแดง ได้เป็นการให้ข้อมูลที่บิดเบือนที่ทำให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่ผิดพลาด จึงเป็นการกระทำความผิดทางอาญาหรือไม่ส่วน นายวิโรจน์ ยังพบข้อมูลว่า ในการพูดให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อมวลชน มีการตั้งคำถามว่า เมื่อมีการชำระเงินหรือจ่ายเงินซื้อใบ สด.๔๓ ภาครัฐหรือกองทัพเป็นการฉ้อโกงหรือไม่ เป็นเหมือนการเห็นด้วยที่ นายจิรัฏฐ์ จ่ายเงินแล้วจะต้องได้เอกสารจริง ทั้งที่ตัวของนายวิโรจน์ เป็นประธานคณะกรรมาธิการทหารฯ สภาผู้แทนราษฎร มีอำนาจในการตรวจสอบเรื่องนี้ ไม่จำเป็นต้องท้าทายประชาชน ไม่จำเป็นต้องท้าทายสื่อมวลชน และกองทัพ แต่สามารถดำเนินการได้เลย ดังนั้น ข้อกล่าวหาคำว่า ฉ้อโกง เป็นการยืนยันว่า นายวิโรจน์ และนายจิรัฏฐ์ รู้อยู่แล้วว่ามีการจ่ายค่าปรับใบ สด.๔๓ ให้กับใคร และเมื่อไม่ได้ทำเอกสารฉบับจริง แล้วจะไปฟ้องฐานฉ้อโกง เป็นการนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และหมิ่นประมาทกองทัพ หรือไม่ขณะที่กรณีของ นายศุภณัฐ พบว่าที่มีการให้สัมภาษณ์เมื่อวานนี้ กรณีที่มีการซื้อขาย สด.๔๓ เกิดขึ้นจริง แต่ไม่ใช้อำนาจในการฟ้องขณะที่เป็น สส.แต่กลับกล่าวหากองทัพว่า มีการซื้อขายใบ สด.๔๓ ดังนั้น ตนจึงจะใช้อำนาจของประชาชนตรวจสอบทั้ง ๓ คน ทั้งนี้ หลังจากยื่นร้อง ป.ป.ช.รอบนี้แล้ว ส่วนของ นายจิรัฏฐ์ จะจบที่ชั้น ป.ป.ช.แต่ของ นายวิโรจน์ และ นายศุภณัฐ จะมีเรื่องของจริยธรรม จึงอยากเรียกร้องให้คณะกรรมการจริยธรรมสภาผู้แทนราษฎร ตรวจสอบจริยธรรม ว่ามีการใช้ตำแหน่ง ใช้อำนาจ สส.มาข่มเหง กล่าวหา และท้าทายประชาชนหรือไม่ หากคณะกรรมการจริยธรรมไม่ปฏิบัติหน้าที่ ตนเองก็จะฟ้องคณะกรรมการจริยธรรมเช่นกัน และก่อนหน้านี้กองทัพได้บอกว่า จะร้องทุกข์กล่าวโทษ คงต้องรอว่าจะดำเนินการอย่างไร หากกองทัพไม่ดำเนินการก็จะฟ้องกลับทันทีเช่นกันนายทันกวินท์ ยังบอกอีกว่า ที่นายศุภณัฐไม่เอาเอกสารมาชี้แจง คงเพราะกลัวซ้ำรอยกับนายจิรัฏฐ์หรือไม่ จึงอยากให้เอาออกมาโชว์ เพื่อจะได้ดำเนินการตามความผิดทางอาญา และนายศุภณัฐ ก็เคยต้องคำพิพากษาจากการไม่ไปเกณฑ์ทหารเมื่อเดือนมิถุนายน ปี ๒๕๕๕ ส่วนของนายจิรัฏฐ์ ก็เกิดขึ้นปี ๒๕๕๕ แต่คำชี้แจงแตกต่างกัน เพราะนายศุภณัฐ สามารถชี้แจงได้ชัดเจนว่า หลังต้องคำพิพากษาจะต้องไปแสดงตนเพื่อเข้ารับราชการทหารโดยไม่มีสิทธิ์จับฉลาก แต่นายจิรัฏฐ์ เกิดขึ้นปี ๒๕๕๕ เช่นกัน แต่กลับอ้างว่าจำไม่ได้ จึงอยากให้นายจิรัฏฐ์ ไปสอบถามนายศุภณัฐด้าน นายนิยม กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีของนายจิรัฏฐ์ จากการตรวจสอบมั่นใจ ๑๐๐% ว่าไม่ได้เข้ารับการเกณฑ์ทหาร และใช้เอกสารปลอมในการชี้แจงต่อสาธารณะ จึงมายื่นต่อ ป.ป.ช.เพื่อจะถอดถอน โดยหลักฐานที่นำมามอบให้เป็นหลักฐานที่มีรวมถึงคำพิพากษาศาลและข้อกฎหมายต่างๆ ดังนั้น อยากฝากถึง สส.แบงค์ ซึ่งมีชื่อคนหนึ่งคล้าย สส.ได้ถูกคำพิพากษา เมื่อปี ๒๕๕๕ จากกรณีไม่ได้เข้ารับการเกณฑ์ทหาร และถูกตัดสินจำคุกแต่ให้รอลงอาญา ๒ ปี และนายศุภณัฐ ได้ท้าทายให้เปิดหลักฐาน ซึ่งมองว่าหากไม่จริงก็ควรจะต้องตอบคำถามมาว่า ไม่ได้หนีทหาร และอยากให้นำเอกสารออกมาชี้แจง ไม่ใช่มาตั้งคำถามกลับแล้วบอกจะฟ้อง”ผมถามว่า สส.พรรคก้าวไกล ประชาชนห้ามถาม ห้ามสงสัยใช่หรือไม่ ประชาชนห้ามตรวจสอบพวกคุณใช่หรือไม่ พวกคุณอยากให้ยกเลิกและต้องการแก้ไข ม.๑๑๒ เพื่อจะตั้งคำถามกับสถาบัน แต่ผมถามคุณในฐานะประชาชนที่เห็นความไม่ปกติ ซึ่งเราได้ข้อมูลมาแบบนี้ คุณก็ต้องชี้แจงต่อสาธารณะ ว่าไปรับการเกณฑ์ทหารมาจริง และสิ่งที่พวกผมพูดเป็นการกล่าวหา เอาเอกสารใบ สด.๔๓ มายืนยัน และฝากถึง สส.แบงค์ อย่าข่มขู่ประชาชน พร้อมกันนี้ฝากถึง สส.ก้าวไกล เลิกเล่นบทเหยื่อสักที เวลามีปัญหาอะไรจากการกระทำของพวกคุณเอง พอพวกเราออกมาตรวจสอบก็กล่าวหาว่าเป็นไอโอ กล่าวหาว่าเป็นกลุ่มที่ต้องการมาดิสเครดิต ซึ่งมองว่าหากในอดีตไม่ทำพฤติกรรมแบบนี้ไว้ ใครจะมาตรวจสอบคุณได้ หากไม่ผิดจะกลัวทำไม” นายนิยม กล่าวนายนิยม กล่าวอีกว่า วันนี้เพจก้าวไกลโกหกอะไรตั้งคำถามถึง สส.แบงค์ ว่าได้เข้ารับการตรวจเลือการเกณฑ์ทหารหรือไม่ เพราะมีข้อมูลว่า ถูกตัดสิทธิ์เมื่อปี ๒๕๕๕ และไม่ได้เข้ารับการเกณฑ์ทหาร และโดนการรอการกำหนดโทษ ดังนั้นหากแน่จริงก็เอาใจ สด.๔๓ ออกมาโชว์แบบนายจิรัฏฐ์ เพราะเราอยากเห็นส่วน นายแทนคุณ บอกอีกว่า หน้าที่เปิดโปงเป็นหน้าที่ของ สส.ฝ่ายค้าน และขออย่ารอช้า พร้อมยืนยันการมายื่นหนังสือในวันนี้มาในนามส่วนตัว ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์ หลังมีคนมาขอให้สอย สส.พรรคก้าวไกล เดือนละคน ซึ่งยืนยันว่าการดำเนินการต้องขึ้นอยู่หลักฐานที่เป็นจริงด้วย