Thursday, 19 December 2024

ตม.จับหนุ่มอินเดีย สวมรวยเป็นเมียนมา ใช้สิทธิ์ทำงาน อยู่ต่อ

ตม.สุราษฎร์ฯ จับหนุ่มอินเดีย ความแตกเจอระบบไบโอเมตริกสแกนนิ้วฟ้องสวมรอยเป็นชาวเมียนมา เพื่อได้สิทธิ์อยู่ และทำงานในราชอาณาจักรไทยได้ เมื่อวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ พ.ต.อ.นฤวัต พุทธวิโร ผกก.ตม.จว.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า ภายใต้การสั่งการ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ทรงโปรด สิริสุขะ ผบก.ตม.๖, พ.ต.อ.กันตวัฒน์ พงศ์สถาบดี รอง ผบก.ตม.๖ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.จว.สุราษฎร์ธานี ตรวจสอบบุคคลต่างชาติอยู่ในราชอาณาจักรเกินกำหนดและอยู่ในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวเกาะสมุย เกาะพะงันและเกาะเต่า อย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันเหตุ และสืบทราบว่ามีคนต่างชาติสัญชาติอินเดียได้สวมสิทธิ์การขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าว ๓ สัญชาติ เพื่อใช้สิทธิ์ในการอยู่ในราชอาณาจักรและทำงานในราชอาณาจักร ตามมติ คณะรัฐมนตรีที่ผ่อนผันให้คนต่างด้าวที่อยู่ในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายได้ขึ้นทะเบียนเพื่อใช้สิทธิ์ดังกล่าวล่าสุด เมื่อวันที่ ๒ ก.พ. ๒๕๖๗ ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ ตม.จว.สุราษฎร์ธานี ปฏิบัติหน้าที่จัดเก็บอัตลักษณ์ลายพิมพ์นิ้วมือและเก็บภาพถ่ายใบหน้าของแรงงานต่างด้าว ที่ อ.สมุย ได้มีนายเจ คา มา หรือ MR.JAY KA MAR อายุ ๓๖ ปี สัญชาติเมียนมา ได้นำเอกสารทะเบียนใบอนุญาตการทำงานของคนต่างด้าวตามมติ คณะรัฐมนตรี๓ ต.ค. ๒๕๖๖ มาขอทำการเก็บอัตลักษณ์ลายพิมพ์นิ้วมือ เมื่อเจ้าหน้าที่ได้รับเอกสารแล้ว จึงให้ทำการพิมพ์ลายนิ้วมือบนเครื่องจัดเก็บ ปรากฏว่าระบบประมวลผลลายพิมพ์นิ้วมือของระบบไบโอเมตริก (BIOMETRIC) ได้แสดงขึ้นบนหน้าจอว่าลายพิมพ์นิ้วมือดังกล่าวมีการลงทะเบียนแล้วตรงกับข้อมูลของชื่อ นายซานเจ ซิงห์ หรือ MR.SANJAY SINGH อายุ ๔๐ ปี สัญชาติอินเดีย ต่อมา เจ้าหน้าที่นำข้อมูลดังกล่าวมาตรวจสอบข้อมูลการเดินทาง พบว่านายซานเจ ซิงห์ ซึ่งเป็นบุคคลคนเดียวกับนายเจ คา มา โดยได้เปรียบเทียบภาพถ่ายในระบบสารสนเทศสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองกับภาพใบหน้าปัจจุบัน และเมื่อตรวจสอบข้อมูลการอยู่ในราชอาณาจักรปรากฏพบว่านายซานเจ ซิงห์ เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเมื่อวันที่ ๑๑ ธ.ค. ๒๕๖๒ ได้รับอนุญาตให้อยู่ต่อในราชอาณาจักรกรณีมีความจำเป็นทางธุรกิจ ถึงวันที่ ๖ ธ.ค. ๒๕๖๕ และไม่พบข้อมูลว่าได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรกรณีใดๆ อีก เมื่อครบวันอนุญาตไม่ได้เดินทางออกนอกราชอาณาจักรแต่อย่างใด และได้อยู่ในราชอาณาจักรเรื่อยมาจนถึงวันนี้ (๒ ก.พ. ๒๕๖๗) จึงอยู่ในราชอาณาจักรเกินกำหนดจากวันที่ได้รับอนุญาต จำนวน ๔๒๓ วัน สอบถามนายซานเจ ซิงห์ ให้การว่าตนเองเป็นบุคคลคนเดียวกับนายเจ คา มา ซึ่งได้แสดงตนเพื่อขึ้นทะเบียนแรงงานด้าวสัญชาติเมียนมาตามมติ ครม. เมื่อวันที่ ๓ ต.ค. ๒๕๖๖ กับกรมการจัดหางาน โดยมีการแจ้งชื่อ ข้อมูลบุคคลและสัญชาติ เพื่อหลบหลีกความผิดที่วีซ่าหมดอายุ และเพื่อจะให้ได้รับสิทธิ์การทำงานและอยู่ในราชอาณาจักรต่อไป เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงแจ้งให้นายซานเจ ซิงห์ ทราบว่าจะต้องถูกจับตาม พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ ในข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด” จำนวน ๔๒๓ วัน ผู้ถูกจับได้ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงได้นำตัวนำส่ง สภ.บ่อผุด จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป