ผู้ลี้ภัยชาวโรฮีนจาก่อจลาจลและหลบหนีออกจากศูนย์กักกันทางตะวันตกของประเทศมาเลเซีย ได้มากกว่า ๑๐๐ คน โดยมีผู้เสียชีวิตระหว่างหลบหนี ๑ ศพด้วยเมื่อวันศุกร์ที่ ๒ ก.พ. ๒๕๖๗ นายรุสลิน จูโซห์ ผู้อำนวยการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแห่งมาเลเซีย ออกแถลงการณ์ระบุว่า เกิดเหตุจลาจลขึ้นที่ศูนย์กักกันผู้อพยพที่เมืองบีดอร์ ในเขตบาตัง ปาดัง ของรัฐเประ เมื่อกลางดึกวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ทำให้มีผู้อพยพมากกว่า ๑๐๐ คนหลบหนีออกไปได้ ส่วนใหญ่เป็นชาวโรฮีนจานายรุสลินระบุว่า เจ้าหน้าที่ ๒๗๕ นายจากหลายหน่วยงาน กำลังออกปฏิบัติการค้นหาผู้หลบหนี โดยมีผู้อพยพ ๑ คนเสียชีวิต เนื่องจากถูกรถชนระหว่างการหลบหนีด้วยขณะที่ตามการเปิดเผยของตำรวจรัฐเประ ผู้อพยพหลบหนีจากที่พักฝ่ายชาย เป็นชาวโรฮีนจา ๑๑๕ คน และเป็นชาวกลุ่มชาติพันธุ์อื่นๆ ในเมียนมาอีก ๑๖ คนทั้งนี้ มาเลเซีย ซึ่งไม่ยอมรับสถานะผู้ลี้ภัย เป็นหนึ่งในจุดหมายที่ชาวโรฮีนจาเลือกที่จะอพยพไป เพื่อหนีจากการกดขี่ในเมียนมา หรือค่ายผู้ลี้ภัยในบังกลาเทศ อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่ปีหลัง มาเลเซียเริ่มขับไล่เรือขนผู้อพยพชาวโรฮีนจามากขึ้น และรวมผู้อพยพหลายพันคนให้ไปอาศัยอยู่อย่างแออัดในศูนย์กักกัน เพื่อปราบปรามการเข้าเมืองผิดกฎหมายเหตุการณ์ล่าสุดถือเป็นเหตุจลาจลที่ศูนย์กักกันผู้อพยพในมาเลเซียครั้งที่ ๒ ในรอบ ๒ ปี โดยเมื่อเดือนเมษายน ๒๕๖๕ เกิดเหตุที่ศูนย์กักกันผู้อพยพในรัฐ เกดะห์ ทางเหนือของประเทศ มีผู้ลี้ภัยชาวโรฮีนจาหลบหนีไปได้ ๕๘๒ คน และมีผู้อพยพถูกรถชนตายระหว่างการหลบหนี ๖ ศพติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreignที่มา : cna
