Sunday, 22 December 2024

ผู้อำนวยการคลังสินค้ายื่นใบลาออก! เปิดทางการเมืองสรรหาพร้อมบอร์ดใหม่

05 Feb 2024
132

“เกรียงศักดิ์” ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการ อคส.แล้ว มีผล ๑ มีนาคมนี้ ส่วนบอร์ด อคส.ทยอยลาออกแล้ว เปิดทางรัฐบาลสรรหาใหม่ทั้งหมดนายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ ๑๐ มกราคม๖๗ ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งต่อนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการพาณิชย์ เรียบร้อยแล้ว หลังจากอยู่ในตำแหน่งนี้มานานกว่า ๓ ปี หรือตั้งแต่เดือน กันยายน๖๓ จึงต้องการพักผ่อน และเปิดทางให้บุคคลอื่นที่มีความรู้ ความสามารถเข้ามาดำรงตำแหน่งแทน โดยการลาออกจะมีผลวันที่ ๑ มีนาคม๖๗ส่วนคณะกรรมการ (บอร์ด อคส.) ๑๑ คนนั้น ประธาน รองประธาน และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ รวม ๗ คนได้ทยอยลาออกมาตั้งแต่เดือน มิถุนายน๖๖ และรายสุดท้ายลาออกเมื่อเดือน ตุลาคม๖๖ คงเหลือเพียงตัวแทนจากกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และตน ส่งผลให้หลังจากนี้ อคส.ต้องประกาศสรรหาบอร์ด และผู้อำนวยการคนใหม่ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การลาออกของนายเกรียงศักดิ์ และบอร์ด อคส. เพื่อเปิดทางให้ฝ่ายการเมืองสรรหาบุคคลใหม่เข้ามาดำรงตำแหน่งแทน เพราะถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ ที่เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลแล้ว ผู้นำสูงสุด และบอร์ดของรัฐวิสาหกิจที่แต่งตั้งโดยรัฐบาลชุดเก่าต้องลาออก เพราะมาจากคนละพรรค การเมือง อาจเกิดความไม่ไว้วางใจในการทำงาน และหากอยู่ในตำแหน่งต่อไป อาจไม่สามารถเดินหน้าทำงานได้อย่างไรก็ตาม กว่า ๓ ปีที่นายเกรียงศักดิ์เป็นผู้อำนวยการ อคส. ได้สะสางปัญหาต่างๆ ของ อคส.ที่สะสมมานาน โดยเฉพาะเร่งรัดด้านคดีความที่เกิดจากการทุจริตในโครงการรับจำนำสินค้าเกษตรของรัฐบาลที่ผ่านๆมา ทั้งจำนำข้าวเปลือก มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ฯลฯ ตั้งแต่ก่อนปี ๕๑ และหลังปี ๕๑ รวมมากกว่า ๑,๐๐๐ คดี รวมถึงคดีใหม่ คือ ทุจริตจัดซื้อถุงมือยาง ที่ทำให้ อคส.เสียหายมากถึง ๒,๐๐๐ ล้านบาท และเกิดขึ้นก่อนที่นายเกรียงศักดิ์จะรับตำแหน่งได้เพียงไม่กี่วัน โดยคดีต่างๆมีความคืบหน้าเป็นลำดับ รวมถึงระบายสินค้าเกษตรที่ค้างสต๊อกมานานจนหมด ทั้งข้าว มัน ข้าวโพดโดยผลจากการเร่งรัดดำเนินคดี ทำให้ตั้งแต่ปี ๖๔-๖๖ อคส.มีคะแนน ITA ที่ประเมินโดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สูงกว่า ๙๓% ติดต่อกัน ๓ ปีซ้อน และติด ๑ ใน ๓ หน่วยงานของกระทรวงพาณิชย์ที่ได้คะแนนสูงสุด โดยปี ๖๖ อคส. มีคะแนน ๙๔.๖๑, ปี ๖๕ มีคะแนน ๙๔.๖๙ และปี ๖๔ มีคะแนน ๙๓.๕๙ โดย อคส.เข้ารับการประเมินมาตั้งแต่ปี ๕๗ แต่ได้คะแนนไม่ผ่านเกณฑ์มาตลอดขณะเดียวกันยังเร่งหารายได้ ทำให้ผลประกอบการดีขึ้นเป็นลำดับ ล่าสุดปี ๖๕ มีรายได้รวม ๗๐๗ ล้านบาท จากปี ๖๒ ที่ ๓๐๖ ล้านบาท ขาดทุน ๙๙ ล้านบาท ลดจาก ๑๕๗ ล้านบาทในปี ๖๒ เป็นผลจากการลดรายจ่าย และเน้นธุรกิจคลังสินค้าที่มีอัตรากำไรสูงมาก ทำให้มีรายได้จากการให้เช่าคลังสินค้ากว่า ๗๓ ล้านบาท สูงสุดในรอบ ๒๕ ปี ส่วนปี ๖๖ คาดขาดทุน ๗๐ ล้านบาท มีรายได้รวม ๗๑๘ ล้าน และรายได้คลังสินค้า ๗๙ ล้านบาท เป็นสถิติสูงสุดใหม่ในรอบ ๒๕ ปีอีกครั้ง ขณะที่ปี ๖๗ตั้งเป้ารายได้จากค่าเช่าคลัง ๘๕ ล้านบาท ทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้งนอกจากนี้ยังลดความเสี่ยงจากการทำธุรกิจแบบเดิมของ อคส. ที่ซื้อสินค้าด้วยเงินสดแล้วนำมาขายต่อแบบเงินเชื่อ กำไรต่ำ ความเสี่ยงสูง และเก็บเงินจากลูกค้าไม่ได้ ซึ่งปี ๖๓ เก็บเงินไม่ได้ถึง ๑๔๖ ล้านบาท สำหรับผลประกอบการรวมงานโครงการของรัฐบาล ปี ๖๕ ขาดทุน ๓๐๕ ล้านบาท จากปี ๖๒ ที่ขาดทุนสูงถึง ๑๑,๗๙๓ ล้านบาท และขาดทุนสะสมรวมทุกโครงการ ๕๘๔,๓๓๗ ล้านบาท แต่ปี ๖๖ คาดว่าจะขาดทุนลดลงเหลือ ๔๔๒ ล้านบาท อีกทั้งยังส่งเงินคืนกองทุนช่วยเหลือเกษตรกร ๔,๓๐๕ ล้านบาทพร้อมกันนั้นยังริเริ่มโครงการใหม่ๆ แต่ยังไม่ทันได้เริ่มดำเนินการ เช่น ลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ร่วมกับจีน และเมียนมา ในการทำคลังสินค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ข้ามพรมแดนใน ๒ ประเทศ เป็นต้น.