ลูกสาวร่ำไห้ก้มกราบเท้าขอโทษ โผกอดแม่ รับเป็นคนทำร้ายแม่เองไม่ใช่แฟนหนุ่ม จากเหตชุลมุนทะเลาะกัน หลังต่างคนต่างดื่มเบียร์แล้วแม่ล้มหัวกระแทกหลายครั้ง ส่วนมรดกคืนให้หมด ไม่ต้องฟ้อง ขอแค่ให้อภัย บอกที่ผ่านมาเลือกที่จะไม่มีสามี ไม่มีลูกเป็นภาระ เพื่อจะได้อยู่กับแม่ ดูแลแม่ จากกรณี นางพิสมัย ศรีสุนาครัว หรือ ยายแต อายุ ๖๘ ปี ชาวอุดรธานี ร้อง “กัน จอมพลัง” หลังโดนลูกสาวดุด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย และลูกเขยซ้อมทารุณ จนหน้าตาเขียวช้ำ ปูดบวม ขาเป็นแผล แถมไล่ออกจากบ้าน ก่อนโทรเรียกเพื่อนมารับไปโรงพยาบาล และแจ้งความดำเนินคดีจนถึงที่สุด ซึ่ง “กัน จอมพลัง” ขอให้ตำรวจเร่งรัดดำเนินคดีกับลูกสาวทรพีและลูกเขยเนรคุณ และจะปรึกษาทนายฟ้องเรียกมรดกคืน แต่ลูกสาวอ้างว่าแม่ล้มเอง และจะมาขอโทษ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น เวลา ๑๔.๕๐ น. วันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ น.ส.ณัฐพร ยศสูงเนิน นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ หัวหน้ากลุ่มการพัฒนาสังคมและสวัสดิการ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.อุดรธานี มาพบ นางพิสมัย หรือ ยายแต ที่เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนที่ สภ.เมืองอุดรธานี เพื่อสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้น จะได้ให้การช่วยเหลือเบื้องต้น ซึ่งยายแตแจ้งว่าเอกสารอยู่บ้านที่เกิดเหตุ ไม่ได้นำติดตัวมา พ.ต.ต.เปรม เตรียมตัว สว.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี จึงพายายแตและเจ้าหน้าที่ไปที่บ้าน ซอยจันทร์สว่าง ๓ ถนนอุดรดุษฎี เขตเทศบาลนครอุดรธานี tt ttเมื่อไปถึงบ้าน พบ น.ส.ณัฐวรรณ ชวรุ่ง หรือ ตั๊ก อายุ ๓๕ ปี อยู่ที่บ้านคนเดียว นางพิสมัยได้เข้าไปเอาเอกสารทางราชการ อาทิ บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน สมุดบัญชีธนาคาร เพื่อนำไปประกอบเอกสารขอเงินสงเคราะห์ช่วยเหลือ เสร็จแล้ว น.ส.ณัฐวรรณ ได้เข้าไปนั่งต่อหน้าแม่ซึ่งนั่งอยู่โซฟา แล้วร่ำไห้นั่งลงกราบเท้าแม่ พร้อมกับพูดว่า “หนูขอโทษนะแม่ ตั๊กมีแม่คนเดียวนั้นแหละ ขอโทษที่ทำร้ายแม่นะ ขอแม่ให้อภัยตั๊กเถอะ แม่อยากได้อะไรจะไม่ห้ามแล้ว ตั๊กไม่เอาอะไรสักบาท ไม่เอาเลย ไม่อยากเห็นหน้าบาสก็จะไม่ให้มา แต่ขอให้อภัยตั๊กเถอะนะแม่” ซึ่งนางพิสมัยได้แต่นั่งร้องไห้ และไม่พูดอะไร พร้อมกับขยับหนีน.ส.ณัฐพร และเจ้าหน้าที่ พม. บอกว่านางพิสมัยยังไม่พร้อมจะพูดอะไร แต่รับทราบแล้วว่าลูกมาขอโทษ แต่ก็ยังไม่ยอมเอ่ยปากให้อภัยลูก เพราะเรื่องเพิ่งเกิด จึงยังไม่พูดออกมา พร้อมกับให้ น.ส.ณัฐวรรณ เล่าเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุให้ฟังต่อหน้าแม่ ซึ่ง น.ส.ณัฐวรรณ เล่าว่า ตนกับแม่ต่างดื่มเบียร์แล้วคุยกันไม่รู้เรื่อง ต่อมาแม่ได้เรียกแฟนตนมาถาม ใครเป็นคนเลี้ยงมึงให้รับปริญญา แฟนตนไม่ใส่ใจก็เดินกลับเข้าห้อง และบ่นว่าทำไมต้องรื้อฟื้นบุญคุณ ส่วนที่แม่มีร่องรอยฟกซ้ำที่ใบหน้า เกิดจากตนเอง ซึ่งนางพิสมัยโต้แย้งว่าไม่ใช่ tt ttเจ้าหน้าที่ พมจ. จึงสรุปว่า เจ้าหน้าที่ไม่รู้ว่าอะไรคือความจริง เพราะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่จากสภาพร่างกายของแม่ที่เจ้าหน้าที่เห็น จะเอาแม่เข้าไปดูแลคุ้มครองในหน่วยงานก่อน ระหว่างที่แม่ไม่อยู่ด้วยให้ลูกทบทวน ลูกได้กราบขอโทษแม่ และบอกว่ามีกันแค่สองคน ผู้ชายคนนั้นเข้ามาทีหลัง ความจริงคืออะไรลูกรู้อยู่แก่ใจ เมื่อกราบเท้าขอโทษแม่แล้ว ก็ทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ รักแม่จริงๆ ไม่ใช่ทำต่อหน้าสื่อให้ช่วยให้เรื่องราวดีขึ้น หรือจบลง ให้กลับไปทบทวนดูก่อน อนาคตสายสัมพันธ์แม่ลูกตัดไม่ขาด เพราะฉะนั้นให้เวลาแม่ได้ทำใจก่อน ถ้าแม่เห็นว่าลูกปรับเปลี่ยนได้จริง สำนึกผิดจริง วันนั้นแม่จะให้อภัยลูกเอง “จากการสอบถาม แม่ปกป้องตั๊กทุกอย่าง แม่ไม่เคยว่าตั๊กทำร้ายแม่ แต่บอกว่าแฟนลูกทำ แต่วันนี้ตั๊กกลับบอกว่าแฟนไม่ได้ทำ ตั๊กเป็นคนทำแม่เอง ให้เก็บไปคิด เชื่อว่าตั๊กรู้อยู่แก่ใจว่าใครทำแม่ ให้คิดทบทวน และมีอะไรให้ทักหาเจ้าหน้าที่ ซึ่งรู้ว่าตั๊กก็เจ็บมาเหมือนกัน ไม่ใช่แม่โดนคนเดียว ตั๊กก็เคยโดน ถ้าตั๊กพูดความจริงเชื่อว่าแม่ให้อภัย แต่ถ้าตั๊กไม่พูดความจริง แม่คงไม่กล้ากลับมาอยู่กับตั๊ก เพราะแม่กลัวตาย และเป็นห่วงตั๊กด้วย เจ้าหน้าที่ก็เป็นห่วงตั๊กด้วย สบายใจแล้วค่อยโทรหาเจ้าหน้าที่” เจ้าหน้าที่ ระบุขณะที่ น.ส.ณัฐพร ยศสูงเนิน นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ หัวหน้ากลุ่มการพัฒนาสังคมและสวัสดิการ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า เงินช่วยเหลือจะได้ ๓,๐๐๐ บาท ตามระเบียบไม่เกินปีละ ๓ ครั้ง แต่กรณีคุณยายจะช่วยได้กี่ครั้ง อยู่ที่คณะกรรมการ แต่ พม.จะช่วยเต็มที่ และต้องเฝ้าระวัง ช่วยคุณยายและช่วยลูกด้วย ต้องมาคุยกันเพราะเป็นปัญหาครอบครัว ส่วน น.ส.ณัฐวรรณ หรือตั๊ก เล่าความรู้สึกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ตนรู้สึกเสียใจที่ทำลงไป ไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ เพราะความสัมพันธ์ระหว่างตนกับแม่จะเฉยชากันมาตลอด แต่พอเดือดขึ้นมาก็ต่างคนต่างเดือด ไม่คิดว่าจะรุนแรงขนาดนี้ ตอนนี้รู้สึกเหนื่อยใจว่า ทำไมต้องทำรุนแรงกับแม่แบบนั้น คิดเสียใจ วันนั้นคุณแม่ดื่ม แล้วตนก็พูดคำหนึ่งออกไป ทำให้แม่ไม่พอใจ ตนรู้สึกเหนื่อย อยากให้แม่พูดดีๆ ด้วยหน่อย ตนไม่ได้เรียกร้องอะไรเลย ไม่ได้ให้แม่หุงข้าว หาข้าว หรือคอยทำอะไรให้ตนกิน ขอแค่พูดดีๆ กับตนสักครั้งเหมือนตอนให้ตนไปซื้อเบียร์“หนูกับแม่ทะเลาะกัน แฟนเข้ามาห้าม หนูได้รับบาดเจ็บ แฟนพาหนูไปโรงพยาบาลก่อน แล้วให้แฟนกลับมาดูแม่ แต่พอหนูกลับมาแม่ก็ไม่อยู่แล้ว ส่วนใบหน้าแม่ที่ฟกช้ำ หนูคิดว่าแม่ลื่นล้มใส่เศษแก้ว แม่ดื่มเบียร์ ๔ ขวด แม่เซแม่ล้ม ส่วนคนที่ทำร้ายแม่คือหนูนี่แหละ อาจจะพลั้งมือทำร้ายแม่ไป เพราะมันชุลมุน ใช้มือผลักแม่ออกหรือสะบัดแม่ออก แม่ลื่นล้มหัวกระแทกไม่รู้กี่ครั้ง หนูก็เจ็บต่างคนต่างเจ็บ ตอนนั้นต่างคนต่างโมโห” น.ส.ณัฐวรรณ เล่าอีกว่า ตอนนี้สังคมมองว่าตนเป็นลูกอกตัญญู ซึ่งตนก็คิดว่าตนอกตัญญูที่ทำร้ายแม่ แต่ตนไม่มีสามี ไม่มีลูก ก็เพราะตนอยากอยู่กับแม่ ตนไม่ได้แต่งงาน ไม่มีสามี ไม่มีภาระ ตนอยู่กับแม่แค่สองคน ส่วนแฟนไม่ได้อยู่ด้วย แค่ไปๆ มาๆ เพราะเป็นห่วงตน เพราะพี่ชายเคยทำร้ายตน อยากบอกแม่ว่าหนูขอโทษ อยากให้แม่พูดดีๆ ไม่ต้องปฏอบัติดีกับตน แต่ตนจะปฏิบัติกับแม่เหมือนเดิม ระหว่างแม่กับผู้ชาย ตนเลือกแม่อยู่แล้ว น.ส.ณัฐวรรณ ยังกล่าวอีกว่า อยากให้แม่คิดว่าอนาคตของลูก ต้องเลือกที่ไม่มีสามีและลูก ต้องอยู่กับแม่ ๒ คน จะเป็นไปได้ไหม อยากให้แม่คิดถึงอนาคตตนด้วย เพราะอายุ ๓๕ ปี ยังไม่มีครอบครัว ส่วนที่ดินและบ้านไม่ต้องฟ้อง ยกให้แม่เลย แม่อยากได้อะไรยกให้ทั้งหมด แม้แต่ร้านถ่ายเอกสารก็ให้คืน จะเอาแค่ส่วนที่ลงทุนไปเพื่อมาเริ่มต้นใหม่ ซึ่งตนก็อยากมีอนาคต อยากมีสามี อยากมีลูก แต่แม่เห็นว่าไม่สำคัญ
น้ำตาแตก ลูกสาวกราบขอโทษแม่ รับเป็นคนทำร้ายเอง ไม่ใช่แฟนหนุ่ม
Related posts