Sunday, 17 November 2024

ไฟป่าชิลียังรุนแรง ยอดตายทะลุ ๑๑๒ ศพ

สถานการณ์ไฟป่าครั้งใหญ่ทางตอนกลางของชิลียังคงน่าเป็นห่วง ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นอย่างน้อย ๑๑๒ ศพเจ้าหน้าที่ดับเพลิงชิลีกำลังเร่งดับไฟป่าที่รุนแรง ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปแล้ว ๑๑๒ ศพ ในภูมิภาคบัลปาไรโซ ทางตอนกลางของชิลี ที่สร้างความเสียหายต่อพื้นที่ใกล้เคียงทั้งหมด ขณะที่ ประธานาธิบดีกาเบรียล โบริก เตือนว่าประเทศกำลังเผชิญกับโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่เจ้าหน้าที่กล่าวว่า ยังมีผู้สูญหายอีกหลายร้อยคน และคาดว่ายอดผู้เสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากพบศพจำนวนมากตามไหล่เขา และบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายจากไฟป่าไฟที่โหมกระหน่ำเมื่อวันศุกร์ ขณะนี้ได้คุกคามพื้นที่รอบๆ เมืองวินา เดล มาร์ และบัลปาราอีโซ ซึ่งเป็นเมืองชายฝั่งทะเลที่ได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยว ทางตะวันตกของกรุงซานติอาโก ที่มีประชากรรวมกันมากกว่าหนึ่งล้านคนภาพถ่ายทางอากาศในพื้นที่เมืองวีนา เดล มาร์ แสดงให้เห็นพื้นที่ใกล้เคียงทั้งหมดถูกไฟไหม้ โดยชาวบ้านค้นซากบ้านเรือนที่ถูกไฟไหม้ ส่วนตามท้องถนนเต็มไปด้วยซากรถที่ถูกไฟไหม้ ส่วนคลิปวิดีโอที่ถูกแชร์บนโซเชียลมีเดียเผยให้เห็นไฟไหม้ในพื้นที่ไหล่เขาใกล้กับตึกอพาร์ตเมนต์ในพื้นที่บัลปาราอีโซ ก่อให้เกิดหมอกควันหนาทึบปกคลุมเขตเมืองอื่นๆ บดบังทัศนวิสัยในการมองเห็นทางการชิลีประกาศเคอร์ฟิวในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด เมื่อเวลา ๒๑.๐๐ น. ของวันอาทิตย์ (๔ ก.พ.) ตามเวลาท้องถิ่น และส่งทหารไปช่วยนักดับเพลิงสกัดกั้นไฟที่กำลังลุกลาม ในขณะที่เฮลิคอปเตอร์ได้ร่วมในความพยายามดับไฟทางอากาศหน่วยบริการการแพทย์ทางกฎหมายของชิลี หน่วยงานด้านการชันสูตรศพของรัฐ ระบุว่า มีผู้เสียชีวิต ๑๑๒ รายในเหตุเพลิงไหม้ ประธานาธิบดีโบริก ซึ่งประกาศไว้อาลัยทั่วประเทศเป็นเวลา ๒ วัน เริ่มตั้งแต่วันจันทร์ กล่าวว่า ชิลีควรเตรียมพร้อมสำหรับข่าวร้ายเพิ่มอีก และกล่าวในการปราศรัยทางโทรทัศน์ทั่วประเทศว่า “เรากำลังเผชิญกับโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่”เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา มานูเอล มอนซัลเว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า เกิดเพลิงไหม้ ๑๖๕ ครั้งทั่วชิลี และประเมินว่าบ้านเรือนราว ๑๔,๐๐๐ หลังได้รับความเสียหายเฉพาะในพื้นที่เมืองวีนา เดล มาร์ และกิลปวยแม้ว่าไฟป่ามักเกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อนของประเทศในเขตซีกโลกใต้ แต่ยอดผู้เสียชีวิตของไฟกลับสูงจนน่าตกใจ ทำให้เหตุไฟป่าครั้งนี้กลายเป็นภัยพิบัติระดับชาติที่เลวร้ายที่สุดของประเทศ นับตั้งแต่เหตุแผ่นดินไหวในปี ๒๕๕๓ ซึ่งมีผู้เสียชีวิตประมาณ ๕๐๐ ศพเมื่อปีที่แล้ว คลื่นความร้อนส่งผลให้อุณหภูมิพุ่งสูงทำลายสถิติ มีผู้เสียชีวิต ๒๗ ราย และพื้นที่มากกว่า ๒.๕ ล้านไร่ ได้รับผลกระทบประธานาธิบดีโบริกพยายามกระจายเงินช่วยเหลือไปยังพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด ซึ่งหลายแห่งได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว เขากล่าวว่า “พวกเราทุกคนจะช่วยกันต่อสู้กับเหตุฉุกเฉิน สิ่งสำคัญอันดับแรกคือการช่วยชีวิตผู้คน”.ติดตามข่าวต่างประเทศเพิ่มเติมที่ https://www.thairath.co.th/news/foreign