เมื่อสัปดาห์ก่อนมีข่าวใหญ่ที่ทำให้ผมเกิดอาการ “ช็อก” ไปเสียหลายวัน ได้แก่ ข่าวตำรวจ บก.ปปป.บุกจับ “พี่ศรี” นักร้องระดับชาติและคณะ ในข้อหาข่มขู่รีดทรัพย์จากอธิบดีกรมการข้าวในฐานะที่ผมเป็น FC คนหนึ่งของ “พี่ศรี” ที่สื่อมวลชนหลายสำนักเรียกขานมานานพอสมควรว่างั้นเถอะแม้จะรู้สึกรำคาญอยู่บ้าง ที่แกร้องไปเสียทุกเรื่อง…บางเรื่องก็จุกจิกเหมือนศรีธนญชัย ไม่รู้จะร้องไปทำไม…แต่ก็ต้องยอมรับว่าหลายๆเรื่องแกก็ร้องได้อย่างถูกใจผู้คนโดยเฉพาะการร้องเพื่อสร้างความเป็นธรรมและความยุติธรรมในสังคม รวมตลอดถึงการร้องในเรื่องความทุจริตคิดมิชอบของส่วนราชการต่างๆหักกลบลบเรื่องที่น่ารำคาญออกไปแล้ว ผมก็ยังถือว่าพี่ศรีเป็นบุคคลที่ทำประโยชน์ให้แก่สังคมไม่มากก็น้อย จึงติดตามการทำงานของพี่มาเรื่อยๆแต่พอมาเจอคดี “รีดทรัพย์” ท่านอธิบดีกรมการข้าวเท่านั้นจบเลย…จาก “พระเอก” กลายเป็น “ผู้ร้าย” ไปทันทีจะไม่ให้ผม “ช็อก” ได้ยังไงล่ะครับ?จริงอยู่แม้พี่ศรีจะปฏิเสธเสียงแข็ง และแม้ตัวละครผู้อยู่ในการแสดงเรื่องเดียวกันนี้ก็ปฏิเสธและพร้อมสู้ในศาล ซึ่งแปลว่าผู้ถูกกล่าวหาหรือผู้ถูกจับทุกคนยังมีความบริสุทธิ์จนกว่าศาลจะตัดสินแต่ในทาง “สังคม” ดูเหมือนว่าประชาชนทั่วไปที่ทราบข่าว จะตัดสินกันเรียบร้อย และนับแต่นี้เป็นต้นไปจนกว่าคดีจะถึงที่สุด “พี่ศรี” น่าจะไม่สามารถดำเนินการทางด้านร้องเรียนอะไรได้อีก เพราะร้องไปก็คงจะไม่มีใครยอมรับฟังอย่างไรก็ตาม เนื่องจากเรื่องราวความไม่ชอบมาพากล โดยเฉพาะเรื่องความอยุติธรรม ความไม่ถูกต้องของฝ่ายราชการ ทั้งข้าราชการการเมือง และข้าราชการประจำน่าจะยังเกิดขึ้นอีกในบ้านเรา และยาก จะหมดสิ้นไปได้ความจำเป็นที่จะต้องมี “นักร้องอาชีพ” เพื่อมา “ถ่วงดุล” จึงยังต้องมีต่อไปในความเห็นของผมทุกวันนี้เราก็ยังพอมี “นักร้อง” อีกหลายๆคนที่ยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ และเริ่มจะมีนักร้องน้องใหม่ขึ้นมาบ้างเช่นกันผมก็ได้แต่หวังว่าทุกๆคนจะยึดมั่นในความเป็นนักร้องอาชีพที่แท้จริง คือ ซื่อสัตย์สุจริต ร้องเรียนเพื่อประโยชน์โดยส่วนรวมของสังคมและประเทศชาติเป็นที่ตั้ง โดยไม่มีพฤติกรรม หรือพฤติการณ์ที่ส่อไปในทางที่จะแสวงหาประโยชน์ส่วนตน หรือการแสวงหาทรัพย์สินส่วนตนแต่อย่างใดโดยเฉพาะในเรื่อง “คอร์รัปชัน” นั้นน่าเป็นห่วงจริงๆครับ ยังคงเกิดขึ้นและแพร่เชื้ออย่างกว้างขวางทั่วประเทศในปัจจุบันนี้ในภาคราชการนั้นไม่ต้องพูดถึงละเป็นเรื่องที่มีเยอะอยู่แล้ว ขณะเดียวกันปรากฏว่าในภาคเอกชนก็เกิดขึ้นตามบริษัท องค์กรใหญ่ๆอยู่เสมอ จากข่าวที่มีการเผยแพร่ในสื่อมวลชนเยอะที่สุดก็คือ ในภาคการบริหารส่วนท้องถิ่น ซึ่งจะมีข่าวโกงกิน ในด้านก่อสร้างโน่นนี่เป็นประจำทั้งๆที่เราก็ถือเรื่องการปราบคอร์รัปชันเป็นเรื่องใหญ่และเป็นวาระแห่งชาติมาหลายสิบปีมีการจัดตั้ง ป.ป.ช. บ้าง ป.ป.ท.บ้าง ขึ้นมารับผิดชอบมีองค์กรภาคเอกชนมาช่วยต่อต้าน มีการฝึกอบรม มีการสั่งสอนลูกหลานอย่างกว้างขวาง ว่า “โตไปไม่โกง”แต่ก็ยังโกงกันจนทุกๆ “ป” งานล้นมือและถึงแม้จะมีการจับกุมมีการส่งฟ้อง มีการตัดสินถึงจำคุก…ก็ยังไม่มีใครเข็ดหลาบอาจเป็นเพราะติดคุกไม่กี่ปีก็พ้นโทษ…คุ้มค่ากับเงินหลายๆ ล้านที่โกงได้ ผู้คนจึงไม่กลัวเกรงที่จะทำผิดตราบใดที่การโกงกินในทุกระบบไม่ว่าภาคราชการ ภาคเอกชนหรือนิสัยคดโกงเอาเปรียบยังมีอยู่ในตัวของคนไทย บางกลุ่มบางเหล่า ซึ่งดูจะมีมากขึ้นในยุคนี้ ประเทศไทยเราเห็นจะก้าวไปไกลกว่านี้ค่อนข้างยากครับถือเป็นโรคร้ายอีกโรคหนึ่งที่ “เซาะกร่อน บ่อนทำลาย” ประเทศไทยของเราอยู่ตลอดเวลา จึงยังต้องการความร่วมมืออย่างแข่งขันของทุกฝ่าย ที่จะช่วยกันขจัดโรคนี้ให้ทุเลาลงผมจึงเห็นว่า “นักร้อง (เรียน)” มืออาชีพที่ซื่อสัตย์ สุจริต ทำงานเพื่อประเทศชาติและเพื่อสังคมโดยแท้จริง จึงยังจำเป็นที่จะต้องมี…เพียงแต่จะต้องร้องในเรื่องที่สมควรร้องจริงๆ โดยเฉพาะเรื่อง “คอร์รัปชัน” หรือประเด็นทางการเมืองบางประเด็น…ไม่ใช่ร้องเปรอะไปเสียทุกเรื่อง จนน่ารำคาญอย่างทุกวันนี้.“ซูม”คลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม
Related posts