Thursday, 19 December 2024

“อุเทน” อัด “สนธิญา-ธีรยุทธ” ยื่น ป.ป.ช. สอบ ๔๔ สส.ก้าวไกล ไม่เข้าใจคำวินิจฉัยศาลรธน.

“อุเทน ชาติภิญโญ” ชี้ ประเด็นกรอบคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ยันศาลไม่ได้บอก แก้ ม.๑๑๒ ไม่ได้ แต่สั่งให้หยุดเพราะกลัวบานปลาย ซัด “สนธิญา สวัสดี-ธีรยุทธ สุวรรณเกษร” ยื่น ป.ป.ช. สอบจริยธรรม ๔๔ สส. ไม่เข้าใจคำวินิจฉัย วันที่ ๕ ก.พ. ๒๕๖๗ นายอุเทน ชาติภิญโญ อดีตหัวหน้าพรรคคนไทย กล่าวแสดงความคิดเห็นกรณีศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกล ยุติการกระทำเกี่ยวกับการแก้ไข ม.๑๑๒ เนื่องจากเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพล้มล้างการปกครองว่า ขณะนี้ปรากฏว่าเกิดความสับสน หรือเข้าใจผิดต่อคำวินิจฉัยของศาล และมีผลต่อเนื่องให้เกิดเสียงวิพากษ์ และมีความเห็นแตกต่างกันออกไป แม้กระทั่งเรื่องที่ พรรคก้าวไกล ถอดนโบายหาเสียงแก้ไข ม.๑๑๒ ออกจากหน้าเพจเฟซบุ๊ก ขณะที่ฝั่งผู้ร้องยังมองว่าผลที่เกิดตามมาแตกต่างกัน ต้องการให้ยุบพรรค หรือไม่ยุบพรรคนายอุเทน กล่าวว่า ตนในฐานะที่เป็นคนหนึ่งที่เรียนมาทางด้านกฎหมาย ได้ฟังคำวินิจฉัยของศาลหลายรอบ จับประเด็นในชุดแรกได้ว่า ศาลพยายามตีวงในเหตุการณ์ต่างๆ ที่บรรดาสาวกของก้าวไกลตั้งแต่หัวหน้าพรรค สส.พรรค และหรือบรรดามวลชนผู้สนับสนุนพรรค มีการออกมาชูนิ้ว และอะไรต่างๆ หลายอย่างที่ได้พูดถึง และอาจจะพูดว่านำไปผูกข้อหา ๑๑๒ แต่ปรากฏว่าศาลไปผูกโยงว่าเหตุการณ์ต่างๆเหล่านั้น หากยังปล่อยไว้จะกระทบไปถึงการล้มล้างระบอบการปกครอง เพราะฉะนั้นจึงให้พรรคก้าวไกล และคุณพิธา หยุดการ กระทำที่ผ่านมา โดยเหตุที่สั่งให้หยุดการกระทำต่างๆ ที่ผ่านมา เพราะกลัวว่าจะก่อให้เกิดการล้มล้างระบบการปกครอง ซึ่งศาลไม่ได้บอกว่าที่ทำสิ่งต่างๆ ข้างต้นมานั้นถือเป็นการล้มระบบการปกครอง แต่ให้หยุดซะ ก่อนที่มันจะบานปลายไปส่วนชุดที่ ๒ ศาลก็บอกว่า ม.๑๑๒ หรือกฎหมายในหมวด ๒ ไปแตะต้องไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องสำคัญ ความมั่นคงของรัฐ ซึ่งไม่ได้บอกว่า ม.๑๑๒ แตะต้องไม่ได้ แต่ยังบอก ม.๑๑๒ สามารถแก้ไขได้ แต่บอกว่าจะดำเนินการแก้ไขได้โดยสภานิติบัญญัติ โดยชอบ นั่นก็คือการใช้กระบวนการผ่านสภาฯ แล้วเหตุนี้บรรดานักร้องเรียนทั้งหลายที่ไปร้องป.ป.ช.ให้ออกใบดำบรรดา สส. ๔๔ คน ที่เสนอแก้ไข ม.๑๑๒ จะไปร้องได้อย่างไรในเมื่อศาลบอกแล้วว่าแก้ไขได้ถ้าผ่านสภานิติบัญญัติโดยชอบ ซึ่ง สส.ทั้ง ๔๔ คนนั้นก็ทำตามกระบวนการตามขั้นตอนของสภาฯ จึงเป็นการกระทำโดยชอบที่ สส.มีสิทธิ์เสนอแก้ไข ปรับปรุงกฎหมายได้และประการสุดท้าย ศาลไม่ได้ชี้เลยว่าผิดอะไรบ้าง เพียงแต่บอกว่า “เกรงว่าหากปล่อยไปไม่กำราบให้หยุด ก็เกรงว่าต่อไปจะทำให้เกิดการล้มล้างการปกครอง” ศาลกำลังพูดไปข้างหน้าว่าเกรงว่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้นจึงได้สั่งว่าให้ยุติการกระทำซะ ห้ามปลุกระดม ห้ามประกาศ ห้ามอะไรอย่างเนี่ยพูดง่ายๆ แต่ก็จะเห็นว่าบรรดานักร้องทั้งหลายไปโยนว่ามีความผิดแล้ว ผิดตรงไหน ศาลไม่ได้บอกว่าผิดเลย ไม่ได้บอกว่าทำไม่ได้ แต่ศาลเกรงว่าที่ผ่านมาทำแล้วนี่บ้านเมืองมันจะวุ่นวายลุกเป็นไฟ แล้วเดี๋ยวเกิดกระบวนการทำให้เกิดการล้มล้างการปกครอง ก็อยากจะฝากถึงบรรดานักร้ององค์กรอิสระทั้งหลายว่าท่านเป็นใครมาจากไหน เพราะฉะนั้นอย่าทำจนเกินเลยหน้าที่ อย่าทำจนน่าเกลียด สักวันหนึ่งลูกหลานจะถามแล้วท่านจะตอบไม่ได้“ทุกวันนี้ที่มีปัญหาคือคนที่ไม่รู้กฎหมายแล้วมาวิพากษ์ผิดๆ โดยที่ไม่ได้อ่านไม่ได้ฟัง เอาแต่ที่เขาว่ามาบอกต่อ ว่าล้ม แต่ไม่จำว่าศาลรัฐธรรมนูญเขียนยังไง เขาไม่ได้บอกเลย บอกเพียงว่า หากไม่หยุดการกระทำ หากปล่อยไว้ให้กระทำต่อไปเช่นนี้จะทำให้เกิดการล้มล้างการปกครอง..” ประโยคชัดๆ ประเด็นอย่างนี้ เขาไม่ได้บอกเลยว่าก้าวไกลล้มล้างการปกครอง เขาบอกว่าถ้าปล่อยไปสังคมจะถูกนำพาไปสู่ตรงจุดนั้น เพราะฉะนั้นจึงให้หยุดการกระทำเสีย วันนี้ที่ผมออกมาแสดงความเห็นเพียงอยากกระตุ้นสังคมให้เห็นว่าศาลยังไม่ได้บอกว่าอะไรผิด อะไรถูก ไม่ได้บอกว่าแก้ ม.๑๑๒ ไม่ได้” นายอุเทน กล่าวส่วนกรณีที่ นายสนธิญา สวัสดี, นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ไปยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้ตรวจสอบมาตรฐานจริยธรรมตามรัฐธรรมนูญ ของสส.พรรคก้าวไกล ๔๔ คน หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยล่าสุดนั้น นายอุเทน กล่าวว่า เขาอ่านคำวินิจฉัยของศาลไม่เข้าใจ ซึ่งกฎหมายประเทศไทยเป็นกฎหมายลายลักษณ์อักษรแบบกล่าวหา ตนจึงให้ไปถามว่า ศาลรัฐธรรมนูญท่านสั่งตรงไหนว่า ๔๔ สส.ยื่นไม่ได้ เป็น สส.แล้วยื่นแก้กฎหมายไม่ได้“ซึ่งคำว่า “โดยชอบ” ในความหมายของตน คือ โดยชอบตามข้อบังคับกฎระเบียบของรัฐสภาของสภาผู้แทนฯ ส่วนหากการเสนอแก้ไขกฎหมายไม่ได้รับเสียงข้างมากในสภาฯ เห็นชอบให้ผ่านนั้น ก็ไม่เป็นไร กฎหมายที่เสนอแก้ไขก็ตกไป ก็นั่นก็เป็นเพราะจำนวนมือที่ยกน้อยกว่าเขา แต่ถ้าประชาชนอยากได้ คราวหน้าก็เลือกมากหน่อย นี่คือกระบวนการทางรัฐสภา” นายอุเทน กล่าวย้ำ.