บริบทการเมืองที่มองกันว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไปน่าจะเป็น ๒ พรรคการเมืองที่จะแย่งชิงที่นั่งเพื่อความเป็นหนึ่งแล้วเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล“ก้าวไกล” ที่ชนะเลือกตั้งที่ผ่านมาด้วยอันดับ ๑ แต่ไม่สามารถเป็นแกนนำรัฐบาลได้“เพื่อไทย” พรรคอันดับ ๒ ได้เป็นแกนนำตั้งรัฐบาล ๓๑๔ เสียง ๑๑ พรรคนั่นแสดงว่า “ก้าวไกล” ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนในแนวทางที่ต้องการให้เกิดความเปลี่ยนแปลงสังคมอย่างมีเป้าหมายที่แน่นอนไม่ใช่เพราะแรงจูงใจอย่างอื่นอย่างนโยบายประชานิยมและฐานเสียงที่เรียกกันว่า “บ้านใหญ่” ด้วยแนวทางการเมืองแบบเก่าการที่ “ก้าวไกล” ไม่ได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลนั้นเหตุมาจากแนวคิดทางการเมืองที่สุดโต่งจึงไม่ได้รับการสนับสนุนจากพรรคการเมืองอื่นๆและวุฒิสมาชิกม.๑๑๒ คือปัจจัยสำคัญในสถานการณ์ปัจจุบัน “ก้าวไกล” ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า “ล้มล้างการปกครอง” ผลที่ตามมาอาจจะถูกยุบพรรค และ สส. ๔๔ คนถูกตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิตที่จะรู้ผลได้ในอีกไม่นานนี้เอาเป็นว่า “ก้าวไกล” ตกอยู่ในฐานะไม่ค่อยจะดีนักเป็นเรื่องที่ “เพื่อไทย” คู่แข่งสำคัญทางการเมืองกำลังรอลุ้นอยู่ด้วยเช่นกัน หากเป็นไปตามนี้ย่อมได้เปรียบอย่างชัดเจนแม้เวลาจะยังอีกไกลก็ตามแน่นอนว่าในเกมการเมืองหากไม่ถึงที่สุดไม่มีใครยอม “ธงขาว” แน่ เพราะยังมีอีกหลายช่องหลายประตูที่จะปรับท่าเพื่อจุดมุ่งหมายนำไปสู่ชัยชนะได้เบื้องต้นก็ต้องวัดเสียงจากประชาชนในภาวะการณ์ที่ “ก้าวไกล” เผชิญอยู่ ณ เวลานี้ยังให้การสนับสนุนอีกหรือไม่คำตอบตรงนี้แหละจะเป็นตัวบ่งชี้ทุกอย่างในอีกไม่นานนี้จะมีการเลือกตั้งท้องถิ่นระดับนายก อบจ.ที่ผ่านมาการเมืองท้องถิ่นส่วนใหญ่จะอยู่ใต้อิทธิพลของนักการเมืองรุ่นเก่า ในจำนวนนี้ “เพื่อไทย” ก็มีบทบาทและอิทธิพลอยู่ไม่น้อย“ก้าวไกล” ได้วางแผนการเมืองเพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายนี้ในทุกระดับ หวังจะตัดฐานเสียงเดิมของพรรคการเมืองเก่า“เพื่อไทย” ก็มองเห็นความสำคัญตรงนี้เหมือนกันแม้กำลังพยายามสร้างนักการเมืองจากคนรุ่นใหม่แต่ก็ไม่ทิ้ง “บ้านใหญ่” ซึ่งเป็นฐานเสียงหลักมาก่อนว่ากันชัดๆก็คือสนามเลือกตั้งการเมืองท้องถิ่นโดยเฉพาะระดับนายก อบจ.ทุกพรรคการเมืองคงให้ความสำคัญกว่าที่ผ่านมาเพราะจะเป็นฐานการเมืองที่มีความสำคัญต่ออนาคตการเมืองข้างหน้า“ก้าวไกล” นั้นชัดเจน นอกจากคนรุ่นใหม่ที่ให้การสนับสนุนแน่นอนอยู่แล้ว แต่หากได้ฐานเสียงระดับนายก อบจ.ทั่วประเทศเท่ากับเป็นการตัดมือตัดเท้าคู่แข่งไปโดยปริยายที่เป็นรูปธรรมวันนี้ “ก้าวไกล” ลงไปเคลื่อนไหวที่ภูเก็ตแล้วเพื่อหวังสร้างเป็น “ต้นแบบ” ของพรรคแล้วขยายไปทั่วประเทศซึ่งจะเป็นยุทธศาสตร์ของพรรคในการบริหารท้องถิ่นด้วยแนวทางนี้ทำให้ “ก้าวไกล” มั่นใจว่าแม้เจอปัญหาที่เกิดขึ้นแต่ถ้าประชาชนยังให้การสนับสนุนอันรวมถึงบุคลากรทางการเมืองของพรรคด้วย“ก้าวไกล” จะฟื้นคืนชีพกลับมาได้อย่างแน่นอนและจะเป็นตัวชี้วัดทิศทางและอนาคตการเมืองของประเทศไทยด้วย!“สายล่อฟ้า”คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม
Related posts