ลิสทีเรีย เชื้อแบคทีเรียมรณะ กำลังระบาดใน ๑๑ รัฐของสหรัฐฯ มีผู้เสียชีวิตแล้ว ๒ ศพ ขณะที่ผู้ผลิตเรียกคืนผลิตภัณฑ์จากนมวัวหลายชนิด หลังพบว่าพวกมันคือต้นตอของการระบาดสำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อ ๗ ก.พ. ๒๕๖๗ ว่า บริษัท Rizo-López Foods Inc ของสหรัฐฯ ประกาศเรียกคือผลิตภัณฑ์จากนมวัวหลายสิบรายการ รวมถึงชีส เกโซ เฟรสโก (queso fresco) และชีสโคติฆา (Cotija) หลังการสืบสวนพบว่าพวกมันเป็นต้นเหตุการระบาดของเชื้อลิสทีเรียในหลายรัฐ จนมีผู้เสียชีวิตแล้ว ๒ ศพ เข้าโรงพยาบาลอีก ๒๓ รายตามประกาศของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ (CDC) ผลิตภัณฑ์ที่ถูกเรียกคืนนั้น ถูกกระจายไปทั่วประเทศ โดยมีทั้งชีส, โยเกิร์ต และ ซาวร์ครีม ซึ่งขายภายใต้ยี่ห้อ Tio Francisco, Don Francisco, Rizo Bros, Rio Grande, Food City, El Huache, La Ordena, San Carlos, Campesino, Santa Maria, Dos Ranchitos, Casa Cardenas, และ ๓๖๕ Whole Foods MarketCDC ระบุว่า ขอบเขตของการระบาดอาจกว้างกว่าตัวเลขที่รายงาน เนื่องจากผู้ติดเชื้อบางรายอาจหายได้เองโดยไม่ต้องรับความช่วยเหลือทางการแพทย์ หรืออาจไม่ได้ตรวจหาเชื้อลิสทีเรีย ซึ่งพวกเขากำลังสืบสวนการระบาดครั้งนี้ร่วมกันสำนักงานอาหารและยาแห่งสหรัฐฯ (FDA)ทั้งนี้ ลิสทีเรีย คือแบคทีเรียที่สามารถก่อให้เกิดความเจ็บป่วยรุนแรง และบางครั้งถึงขั้นเสียชีวิตได้ หากผู้ติดเชื้อเป็นเด็ก, คนชรา และผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ หรือหากติดเชื้อระหว่างตั้งครรภ์ ก็อาจนำไปสู่การแท้ง และทารกเสียชีวิตในครรภ์ได้ แต่ผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรงอาจมีอาการป่วยในระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้นอาการของผู้ติดเชื้อลิสทีเรียมีตั้งแต่ มีไข้, ปวดกล้ามเนื้อ, เหนื่อยล้าผิดปกติ, ปวดหัวรุนแรง, คลื่นไส้, ปวดท้อง หรือท้องเสีย โดยอาการเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้ภายในวันเดียวกับที่ทานอาหารปนเปื้อน หรือหลังจากนั้นนานถึง ๑๐ สัปดาห์ โดยอาหารที่มีความเสี่ยงปนเปื้อนคือผลิตภัณฑ์จากนม เช่น ชีส หรือ โยเกิร์ต แต่อาหารที่ทำจากนมดิบ มีโอกาสมีลิสทีเรียมากกว่าปกติ ๕๐-๑๖๐ เท่าลิสทีเรียยังเป็นแบคทีเรียที่อึดมาก มันสามารถเกาะติดบนอาหารและเติบโตได้แม้จะอยู่ในตู้เย็น ซึ่งเป็นสิ่งที่แบคทีเรียตัวร้ายอื่นๆ อย่าง แซลโมเนลลา และอีโคไล ทำไม่ได้ โดย FDA ระบุว่า อัตราการทำให้เสียชีวิตของเชื้อตัวนี้สูงราว ๒๐% ถึง ๓๐% และทำให้มีผู้เสียชีวิตในสหรัฐฯ เฉลี่ยปีละ ๒๖๐ ศพติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreignที่มา : cnn
