Thursday, 19 December 2024

"สุริยะ" ตรวจสุวรรณภูมิ เที่ยวบินขาเข้าทะลุ ๑,๐๔๐ เที่ยว/วัน กำชับรองรับทุกมิติ

“สุริยะ” ตรวจท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กำชับทุกหน่วยรองรับผู้โดยสารทุกมิติ เผยยอดเครื่องบินขาเข้าล่าสุดแตะ ๑,๐๔๐ เที่ยว/วัน ย้ำบริการต้องสะดวก-รวดเร็ว-ปลอดภัย เล็งขอกำลัง ตม.๒ เพิ่มรองรับ Visa Free เดินแผนเชิงรุกตั้งเป้าติด Top ๒๐ รันเวย์ ๓ เตรียมเปิด ก.ค. ๖๗ นี้เมื่อเวลา ๑๔.๐๐ น. วันที่ ๑๐ ก.พ. ๒๕๖๗ การท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ผู้บริหารระดับสูง ทสภ. ผู้แทนกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง ๒ (ตม.๒) สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมให้การต้อนรับและนำชมพื้นที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า วันนี้ได้เดินทางตรวจติดตามความคืบหน้าตามข้อสั่งการในการเตรียมพร้อมการให้บริการผู้โดยสารช่วงเทศกาลตรุษจีน และการแก้ไขปัญหาความหนาแน่นในการรอคิวตรวจหนังสือเดินทางรองรับผู้โดยสารช่วงเทศกาลตรุษจีน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) โดยในช่วงเทศกาลตรุษจีน ๒๕๖๗ ระหว่างวันที่ ๔-๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ คาดว่าจะมีผู้โดยสารเดินทางเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ดังนั้นจึงได้สั่งการให้ ทอท. ท่าอากาศยานสนามบินสุวรรณภูมิ และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมความพร้อมด้านความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกในทุกมิติ โดยให้มีการจัดเจ้าหน้าที่คอยกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การบริการผู้โดยสารในภาพรวมเป็นไปด้วยความสะดวกรวดเร็วtt tttt ttรมว.คมนาคม กล่าวต่อว่า จากที่ได้เริ่ม มาตรการ Visa Free ขณะนี้ได้มีเที่ยวบินขาเข้าสูงถึง ๑,๐๔๐ เที่ยวต่อวัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมคณะ ได้เดินทางตรวจติดตามความคืบหน้าตามข้อสั่งการในการเตรียมพร้อมการให้บริการผู้โดยสารช่วงเทศกาลตรุษจีน และการแก้ไขปัญหาความหนาแน่นในการรอคิวตรวจหนังสือเดินทางรองรับผู้โดยสารช่วงเทศกาลตรุษจีน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) โดยมี พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ ประธานกรรมการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย ด็อกเตอร์กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด มหาชน นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการมั่นใจว่าประเทศไทยจะสามารถดึงดูดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องtt tttt ttนายสุริยะ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้ทุกหน่วยงาน เตรียมแผนเผชิญเหตุกรณีเกิดเหตุขัดข้อง และให้ใช้เทคโนโลยีทันสมัย เพื่ออำนวยความสะดวกผู้ใช้บริการอย่างเต็มประสิทธิภาพ รองรับและสนับสนุนนโยบายการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวของรัฐบาล พร้อมกันนี้ยังได้ให้ทาง ตม.๒ เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ให้บริการจุดตรวจคนเข้าเมืองทุกช่องบริการให้เพียงพอในการรองรับการใช้บริการผู้โดยสารในช่วงเทศกาลตรุษจีน โดยได้มีการเสริมเจ้าหน้าที่เวรปฏิบัติงานนอกเวลา และได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ ตม. จากจังหวัดต่างๆ เข้ามาช่วยปฏิบัติงานที่ ทสภ. รวมถึงยังได้มีการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกหน่วยปฏิบัติงานมาเป็นเจ้าหน้าที่ ตม.๒ กว่า ๖๐ นาย นอกจากนี้ ตม.๒ ได้มีการบรรจุเจ้าหน้าที่ใหม่แล้วจำนวน ๒๐๐ อัตรา ขณะนี้อยู่ในระหว่างการอบรมภาคทฤษฎีคาดว่าจะสามารถเริ่มปฏิบัติงานได้จริงตั้งแต่ ๑ มีนาคมนี้ tt ttรมว.คมนาคม กล่าวว่า ทาง ตม.มีแผนที่จะขอบรรจุอัตรากำลังเพิ่มอีก ๔๐๐ อัตรา รวมเป็น ๖๐๐ อัตราในอนาคต ให้ตรวจสอบความพร้อมของช่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ หรือ Automatic channels โดยวางมาตรการในการป้องกันการขัดข้องของระบบ Biometric พร้อมจัดให้มีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของระบบตลอด ๒๔ ชม. รวมถึงได้มีการเปลี่ยนเครื่องลูกข่ายหน้าช่องตรวจทุกช่องทั้งขาเข้า ขาออก ทำให้ระบบการทำงานดีขึ้น และในระยะยาวทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) จะได้จัดหาระบบใหม่ทดแทนเป็นระบบเดียว คือ ระบบ TIS (Thailand Immigration System) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจลงตราซึ่งจะทำให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้นtt ttนายสุริยะ กล่าวถึงความคืบหน้าในการอัปเกรดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิว่า ในส่วนของการก่อสร้างทางวิ่งเส้นที่ ๓ นั้น เตรียมเปิดใช้งานได้ในเดือน ก.ค. ๒๕๖๗ เมื่อเปิดใช้งานจะเพิ่มศักยภาพในการรองรับเที่ยวบินของ ทสภ. จากเดิม ๖๗ เที่ยวบิน/ชั่วโมง เป็น ๙๔ เที่ยวบิน/ชั่วโมง ซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพของท่าอากาศยานหลักของไทย ในการรองรับเที่ยวบินและผู้โดยสารเพิ่มมากขึ้น สำหรับการเปิดใช้อาคารเทียบเครื่องบินรอง หลังที่ ๑ หรือ อาคาร SAT ๑ ขณะนี้มีสายการบินหลายสายได้ย้ายไปให้บริการที่อาคาร SAT ๑ เพิ่มมากขึ้น โดยปัจจุบันมีเที่ยวบินเฉลี่ยต่อวันกว่า ๘๖ เที่ยวบิน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ทั้งนี้คาดว่าภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์จะมีปริมาณเที่ยวบินเพิ่มขึ้นเป็น ๑๑๒ เที่ยวบิน และจะมีสายการบินมาใช้บริการเพิ่มขึ้นเป็น ๑๖ สายการบิน จากเดิม ๑๓ สายการบินtt tt”แผนงานทั้งหมดนี้ เพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย ตามแผนยกระดับประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบินภูมิภาค หรือ Aviation Upgrade ของรัฐบาลเพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านการบินของภูมิภาค ในช่วง ๒๐ ปีก่อน สนามบินสุวรรณภูมิ เคยติดอันดับ ๗ ของโลก แต่ในปัจจุบันนี้ตกไปอยู่อันดับที่ ๗๖ ของโลก สาเหตุจากการถดถอยของการให้บริการ ดังนั้นผมได้ให้นโยบายต่างๆ เพื่อปรับปรุงแก้ไข ต้องเร่งปรับเปลี่ยนโดยเร็ว เพื่อให้สนามบินสุวรรณภูมิเลื่อนอันดับขึ้นมาติด ๑ ใน ๒๐ ของโลกให้ได้” รัฐมนตรีว่าการคมนาคม กล่าว.