เด็กหญิงวัย ๖ ขวบ ผู้โทรศัพท์ขอความช่วยเหลือ หลังจากรถที่เธอโดยสารโดนยิงถล่มในกาซา ซิตี้ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงก็พบว่าเธอเสียชีวิตแล้วเช่นเดียวกับญาติๆ ของเธอสำนักข่าวต่างประเทศรายงานในวันที่ ๑๐ ก.พ. ๒๕๖๗ ว่า เมื่อช่วงปลายเดือนมกราคม ด.ญ.ไฮนด์ ราจาบ (Hind Rajab) วัย ๖ ขวบ กำลังหลบหนีออกจากกาซา ซิตี้ พร้อมกับป้า, ลุง และลูกพี่ลูกน้องอีก ๓ คน ก่อนที่รถยนต์ที่พวกเขาโดยสารจะเผชิญหน้ากับรถถัง ซึ่งเชื่อว่าเป็นของอิสราเอล และถูกยิงถล่ม โดยในระหว่างนั้นเด็กน้อยได้โทรศัพท์เพื่อขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่จากเทปบันทึกเสียงการสนทนาระหว่าง ด.ญ.ไฮนด์ กับพนักงานตอบรับสายแจ้งเหตุฉุกเฉิน ชี้ให้เห็นว่า เด็กหญิงรายนี้น่าจะเป็นผู้เหลือรอดชีวิตเพียงคนเดียวบนรถคันนั้น และเธอกำลังซ่อนตัวจากกองทัพอิสราเอลท่ามกลางศพของญาติๆ โดยเด็กน้อยพยายามร้องขอความช่วยเหลือ ก่อนที่สายจะตัดไปท่ามกลางเสียงปืนอย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่แพทย์ฉุกเฉินจากสมาคมเสี้ยววงเดือนแดงปาเลสไตน์ (PRCS) เพิ่งสามารถเข้าถึงที่เกิดเหตุได้ในวันเสาร์ที่ ๑๐ กุมภาพันธ์เท่านั้น เนื่องจากเป็นพื้นที่สู้รบและถูกปิดกั้น โดยพวกเขาพบรถยนต์ยี่ห้อ KIA สีดำ ที่ไฮนด์โดยสารมา ในสภาพ กระจกบังลมกับแผงหน้าปัดพังเสียหายยับเยิน ด้านข้างตัวรถมีรอยกระสุนเป็นจำนวนมากtt ttรถยนต์ที่ ด.ญ.ไฮนด์โดยสารมาเสียหายยับเยินหนึ่งในเจ้าหน้าที่ที่ไปถึงบอกกับผู้สื่อข่าวว่า ไฮนด์เป็น ๑ ใน ๖ ศพผู้เสียชีวิตที่พวกเขาพบภายในรถ ขณะที่ห่างไปไม่กี่เมตร มีรถยนต์อีกคัน อยู่ในสภาพถูกไฟไหม้เกรียม โดย PRCS ยืนยันว่า นี่คือรถพยาบาลที่ถูกส่งมารับไฮนด์ก่อนหน้านี้ แต่กลับถูกอิสราเอลยิงถล่ม ทำให้เจ้าหน้าที่บนรถ ๒ คนคือนาย ยูซุฟ อัล-เซโน กับนาย อาเหม็ด อัล-มาดูน เสียชีวิตPRCS กล่าวหาอิสราเอลว่า จงใจโจมตีรถพยาบาลคันนี้ ทันทีที่รถมาถึงจุดเกิดเหตุเมื่อวันที่ ๒๙ มกราคมที่ผ่านมา ทั้งที่มีการติดต่อประสานงานขอเข้าพื้นที่ก่อนแล้ว เพื่อช่วยเหลือ ด.ญ.ไฮนด์ โดยพวกเขาต้องใช้เวลานานหลายชั่วโมงในการติดต่อกับกองทัพอิสราเอล กว่าจะได้รับอนุญาต“เราติดต่อไปแล้ว เราได้รับไฟเขียวแล้ว” ไนบาล ฟาร์ซักห์ โฆษกหญิงของ PRCS บอกกับผู้สื่อข่าวของ บีบีซี เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา “เมื่อไปถึง เจ้าหน้าที่ยืนยันว่าเห็นรถยนต์ที่ไฮนด์ติดอยู่ และพวกเขาเห็นเธอด้วย แต่สิ่งสุดท้ายที่เราได้ยินคือเสียงปืนที่ดังอย่างต่อเนื่อง”ด้านมารดาของไฮนด์ ที่ก่อนหน้านี้รอฟังข่าวลูกสาวอย่างใจจดใจจ่อ ต้องการให้ใครสักคนรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับลูกสาวของเธอ “เนทันยาฮู, ไบเดน และทุกคนที่ร่วมมือกันทำร้ายพวกเรา, ทำร้ายกาซา และผู้คนในนั้น ฉันขอสวดภาวนาเพื่อต่อต้านพวกเขาจากก้นบึ้งของหัวใจ”ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreignที่มา : bbc
