ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้ กันทั้งเมืองไปแล้ว วันนี้ สนามพระวิภาวดี ขอส่งท้ายตรุษจีนเฮงๆ ปีมังกรทอง กันด้วย พระสมเด็จ พิมพ์ใหญ่ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) วัดระฆังฯ ที่มีฉายาแบบจีนๆว่า “องค์กวนอู” ซึ่งอยู่ในทำเนียบ “พระพันตา” เป็นหนึ่งในพระสมเด็จ “องค์ครู” ที่มีชื่อเสียงว่ามีความสมบูรณ์ งดงาม มีจุดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ที่ผิวเนื้อมี สีแดง ซึ่งถือเป็นสีแห่งความมั่งคั่ง มั่นคง ซึมจับแน่นเข้าผิวเนื้อ และเป็นที่มาของฉายา “องค์กวนอู” ที่ชาวจีนนับถือเป็นเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์ ยุติธรรม…..tt ttพระสมเด็จ พิมพ์ใหญ่ “องค์กวนอู” สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) วัดระฆังฯ.พอปรากฏในวงการ องค์กวนอู ก็ได้รับการยกย่องเป็น ๑ ใน ๑๐ “พระสมเด็จวัดระฆังฯ” ที่สมบูรณ์งดงามเป็นที่สุด เป็น “จักรพรรดิพระเครื่อง” ที่ใช้เป็นองค์มาตรฐานในการพิจารณาพระแท้ได้ทุกชาติ สำหรับประวัติความเป็นมา ที่ ท่านบุญยงค์ นิ่มสมบูรณ์ เจ้าของพระ อดีตนายกเทศมนตรีนครธนบุรีคนสุดท้าย เป็นนักนิยมพระสมเด็จคนดังยุคแรก ให้สัมภาษณ์ในนิตยสารพระเครื่องสปิริตฯ ซึ่งนำภาพพระนี้ขึ้นปกฉบับปฐมฤกษ์ เมื่อ ๒๐ ปีก่อนว่า เดิมพระองค์นี้เป็นของ คุณฉลี ยงสุนทร ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งศรัทธา “พระสมเด็จ” เป็นพิเศษต่อมาเปลี่ยนมือเป็นของ เสี่ยก้อนหน่ำ แซ่ใช้ นักนิยม “พระสมเด็จ” ผู้มีชื่อเสียงอยู่ในขณะนั้น ซึ่งได้นำพระมาอวด พอเห็นแล้วก็ชอบ เพราะนอกจากองค์พระงามสมบูรณ์แล้ว ยังมีจุดเด่นเป็นเอกลักษณ์ที่ หน้าพระ มีสีแดง เจือเนื้อจางๆ…..n แต่เจรจาขอเช่าแล้วไม่ยอมขายให้ เพราะเห็นว่ามีพระสมเด็จอยู่หลายองค์แล้ว จึงต้องใช้ วิธีอ้อมซื้อ ให้คนอื่นเป็น นอมินี เจรจาแทน ซึ่งใช้เวลาอยู่ถึงปี พ.ศ.๒๕๐๐ จึงสำเร็จ ได้มาในราคาสูงถึง ๒๐,๐๐๐ บาท ขณะที่สมัยนั้นพระสมเด็จองค์อื่นๆ ราคาอยู่ที่ ๓,๐๐๐-๕,๐๐๐ บาท–จึงเป็นประวัติศาสตร์การเช่าพระแพงสะเทือนวงการพระ…..พอได้พระแล้ว ก็นำไปให้พรรคพวกดู คนหนึ่งเป็นคนจีน เห็นองค์พระมีหน้าเป็นสีแดง ก็ขอเรียกเป็น องค์กวนอู ตามชื่อเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์ มั่งคั่ง มั่นคง ที่มีเอกลักษณ์ใบหน้าสีแดง จึงเป็นชื่อเรียกติดองค์พระว่า “องค์กวนอู” แต่นั้นมา และจนวันนี้ยังไม่มีข่าวเคลื่อนไหวย้ายรัง ขอแถมเคล็ดลับจากซินแสมาฝากว่าตรุษจีนปีนี้ เป็นปีมังกรทอง ให้หมั่นไหว้บูชาองค์เจ้าแม่กวนอิมกับ องค์เทพเจ้ากวนอู เพื่อบันดาลความสุข ๕ ประการ คือ ๑.สุขภาพแข็งแรง ปลอดโรค ปลอดภัย ๒.โชคลาภทรัพย์สินเงินทอง ๓.เพื่อความสมบูรณ์พูนสุขในครอบครัว ๔.เพื่อเป็นนิรันตราย ๕.เพื่อความสำเร็จสมปรารถนาองค์ที่สอง เป็น พระรูปหล่อหลังเตารีด พิมพ์ใหญ่ A รุ่นแรก พ.ศ.๒๕๐๕ หลวงปู่ทวด วัดช้างให้ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี พระยอดนิยมอันดับ ๑ ของเมืองใต้ ที่ได้รับการบัญญัตินามเป็น “พระสมเด็จเมืองใต้” องค์นี้เป็น พระพิมพ์รูปจำลององค์หลวงปู่ทวด ที่ได้ภาพจากนิมิตของท่านพระครูวิสัยโสภณ (ทิม) เจ้าอาวาสขณะนั้น มาออกแบบสร้างเป็น พระเนื้อผงว่านยา ออกหารายได้บูรณะวัดเป็น รุ่นแรก เมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๗…..tt ttพระรูปหล่อหลังเตารีด พิมพ์ใหญ่ A รุ่นแรก พ.ศ.๒๕๐๕ หลวงปู่ทวด ของ สก.กฤษฎ์ คงวุฒิปัญญา.พอคนใช้บูชาประจักษ์ในอานุภาพพุทธคุณเป็นนิรันตรายอย่างวิเศษสุดเป็นที่เลื่องลือ จึงมีคนไปทำบุญบูชาพระจนหมดจากวัด ถึงปี พ.ศ.๒๕๐๕ พระอาจารย์ทิม จึงได้ตั้งกรรมการจัดสร้าง พระรุ่น ๒ เป็นเหรียญหล่อเนื้อโลหะผสม ในรูปแบบเดิม ซึ่งมีแม่พิมพ์แยก เป็น พิมพ์ใหญ่ พิมพ์กลาง พิมพ์เล็ก โดยแต่ละพิมพ์ยังมีรายละเอียดแยกย่อยอีกมาก ล้วนได้รับความนิยมสูง อย่างองค์ในภาพนี้ ของ สก.กฤษฎ์ คงวุฒิปัญญา เป็น พระพิมพ์ใหญ่ A ที่ได้รับความนิยมเป็นพิมพ์มาตรฐานสูงสุด สภาพองค์สมบูรณ์สวยแชมป์เดิมๆ แบบนี้ราคาอยู่ที่หลักล้านกลางแน่นอนต่อไปเป็น พระรูปหล่อหลังเตารีด ปั๊มซ้ำ สองชาย รุ่นแรก พ.ศ.๒๕๐๕ หลวงปู่ทวด วัดช้างให้ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี อีกพิมพ์ในรุ่นที่ได้รับความนิยมเล่นหาเป็นมาตรฐานแถวหน้า โดยเฉพาะองค์สภาพสมบูรณ์งามเยี่ยมเดิมๆ แบบ “แกะกล่อง” อย่างองค์นี้ ของ สมาชิกสภาจังหวัดมนตรี เกียรติก้องชูชัย แห่งร้านเจริญฟาร์มาซี จ.ชัยภูมิtt ttพระรูปหล่อหลังเตารีด ปั๊มซ้ำ สองชาย รุ่นแรก พ.ศ. ๒๕๐๕ หลวงปู่ทวด ของ สมาชิกสภาจังหวัดมนตรี เกียรติก้องชูชัย เจริญฟาร์มาซี ชัยภูมิ.อีกรายการเป็น เหรียญหล่อพระพุทธ เนื้อเมฆสิทธิ์ พิมพ์ข้างรัศมี หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท ของ เสี่ยนิธิศ นนท์วราเวช ที่มีมาให้ชมต่อเนื่อง ตามที่บอกไปว่าเป็นนักนิยมพระรุ่นใหม่ไฟแรง ตัวจริง อีกคน ที่มีรสนิยมในการสะสมแบบใจถึง ตาถึง มือถึง รู้ลึก รู้จริง และรู้รอบ–ยืนยันด้วยพระที่ส่งมาทุกองค์ล้วนมีโปรไฟล์เป็นพระแท้องค์จริง ที่มีชื่อเสียงล้วนๆtt ttเหรียญหล่อพระพุทธ เนื้อเมฆสิทธิ์ พิมพ์ข้างรัศมี หลวงปู่ศุข ของนิธิศ นนท์วราเวช.อย่างองค์นี้ ก็เป็น พระพิมพ์นิยม เนื้อนิยมหายากสุดๆ ในสกุลพระหลวงปู่ศุข ที่มีภาพเป็น “องค์ดารา” ในตำราเล่มมาตรฐานมาแต่อดีตถึงปัจจุบัน เป็นพระดีมีตำนานว่า ท่านสร้างเป็นเนื้อเมฆสิทธิ์ ตามสูตรเนื้อตำรับหลวงพ่อทับ วัดอนงค์ ที่ท่านได้รับสืบทอด เพราะสนิทนับถือเป็นพระสหมิกธรรมกับสมเด็จพระพุฒาจารย์นวม วัดอนงค์ ซึ่งเป็นชาวชัยนาทด้วยกันเมื่อเข้ากรุงเทพฯ นอกจากจะไปพักค้างที่วังนางเลิ้งแล้ว ก็มักจะมาพักค้างจำวัดที่วัดอนงค์ ซึ่ง หลวงพ่อทับ อยู่เป็นพระอาวุโส มีชื่อเสียงเป็นพระเกจิฯผู้มีวิชาอาคมเข้มขลัง เป็นเจ้าตำรับวิชาเล่นแร่แปรธาตุ ซึ่งเป็นเนื้อโลหะผสมวิเศษมีความศักดิ์สิทธิ์ในตัว แบบ “ทนสิทธิ์” ซึ่งมีคุณวิเศษด้านเสริมดวงชะตา ทำให้ได้แลกเปลี่ยนเรียนวิชากันเอามาสร้างเป็นองค์พระปรากฏมีอานุภาพ คุ้มครองป้องกันภัย เสริมดวงชะตา ได้รับความนิยมสูง องค์นี้ส่งมาพร้อมภาพกรอบทอง ที่เลี่ยมจับขอบองค์พระ มาเป็นหลักฐานว่าเป็นเจ้าขององค์จริงไม่ใช่แค่ภาพองค์ที่ ๕ เป็น พระพุทธรูปบูชา พุทธศิลป์สมัยเชียงแสน สิงห์สาม หน้าตัก ๗´พุทธศตวรรษที่ ๒๐-๒๓ พระแท้ถึงยุคองค์งามสภาพเยี่ยมองค์นี้ ของ เสี่ยปรีดา คูวิบูลย์ศิลป์tt ttพระพุทธรูปบูชา พุทธศิลป์สมัยเชียงแสน สิงห์สาม หน้าตัก ๗´ พุทธศตวรรษที่ ๒๐-๒๓ ของปรีดา คูวิบูลย์ศิลป์.ตามมาด้วย พระราหูกะลาแกะ หลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม สุดยอดเครื่องรางยอดนิยมองค์สำคัญ ที่น่าจะมี เพียง ๑ เดียว ในวงการ เพราะลำพัง พระราหูกะลาแกะ อายุถึงยุคองค์แท้ๆดูง่ายๆ ลายมือจารอักขระถูกต้องชัดเจนแบบเจ๋งๆ ก็หาดูหาชมได้ยากสุดๆ หาซื้อยิ่งยากมากๆ แต่องค์นี้ของ เสี่ยนิธิศ นนท์วราเวช บอกได้ว่าเลยว่า สายตรงเครื่องรางได้เห็นต้องตาโต เพราะเป็นองค์สร้างพิเศษ แบบคู่ประกบสุริยัน-จันทรา ด้วยรูปทรงเสมา ลวดลายวิจิตร นิยมสุดด้วยฝีมือช่างศรี (ช่างคู่บุญหลวงพ่อน้อย) เหมือนกัน ที่เจ้าของเดิมเลี่ยมประกบไว้เป็นองค์เดียว ตามภาพที่นำมาถ่ายแยกให้เห็นกันแบบจะจะว่ามีอยู่จริงtt ttพระราหูกะลาแกะ หลวงพ่อน้อย ของนิธิศ นนท์วราเวช.อีกรายการเป็น ล็อกเกตสี่เหลี่ยมลายเซ็น ฉากขาว หลังผงดำ ยันต์ตรีนิสิงเห พ.ศ.๒๕๒๑ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี กรุงเทพฯ ล็อกเกตภาพถ่ายรุ่นนิยม สร้างน้อยหาพบยากถึงยากมากๆ ในปัจจุบัน โดยเฉพาะองค์งามๆ สภาพสมบูรณ์สวยเดิม โค้ดชัดแบบองค์นี้ ของ เสี่ยมาร์ค ดอนเมือง ที่มีจุดพิจารณาชัดเจนครบถ้วน–เป็นองค์แท้ดูง่ายแบบนี้ราคาหลักแสนชัวร์tt ttล็อกเกตสี่เหลี่ยมลายเซ็น ฉากขาว หลังผงดำ ยันต์ตรีนิสิงเห พ.ศ. ๒๕๒๑ หลวงปู่โต๊ะ ของมาร์ค ดอนเมือง.สุดท้ายเป็น มีดหมอเทพศาสตรา ด้ามงาตัด ปลอกงา ขนาด ๘´หลวงพ่อเดิม พุทฺธสโร วัดหนองโพ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ๑ ใน ๕ เครื่องรางยอดนิยมท็อป ๕ ที่เป็นเครื่องรางเอกลักษณ์สร้างชื่อ หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ ให้เป็น มีดหมอยอดนิยมอันดับ ๑ มีสร้างไว้ทั้งแบบด้ามไม้-ฝักไม้ ด้ามงา-ฝักไม้ ด้ามงา-ฝักงา ขนาดใหญ่เรียกมีดควาญช้าง ขนาดกลางเรียกมีดพก (อีเหน็บ) ขนาดเล็กเรียกมีดปากกา–ขนาดจิ๋วเรียกมีดสาริกา อย่างด้ามนี้ ของ พระไทรัฐ คำปาน พระที่นิยมพระเครื่อง-ของขลังคุณภาพ ซึ่งบวชอยู่ระยอง และมีพระ เครื่อง-ของขลังองค์เยี่ยมๆ เป็นหนึ่งใน พระรังใหญ่ ที่โดนใจท่านผู้ชมมาอย่างต่อเนื่องtt ttมีดหมอเทพศาสตรา ด้ามงาตัด ปลอกงา ขนาด ๘´หลวงพ่อเดิม ของพระไทรัฐ คำปาน.มาถึงเรื่องส่งท้ายเทศกาลปีใหม่จีน ของ ลุงดำ ซึ่งเกษียณจากครูมา ๕ ปีแล้ว แต่เงินบำนาญไม่พอใช้ จึงคิดหารายได้เพิ่ม โดยเอารถกระบะมาตกแต่งเป็นรถขายกาแฟ ตระเวนขายไปกับคาราวานเปิดท้ายขายของ แต่ขายได้ไม่ค่อยดี เพราะเป็นกาแฟโบราณ ไม่มีแบรนด์ หนุ่มสาวไม่ค่อยนิยม วันหนึ่งก็มีกูรูสอนการตลาด มาซื้อกาแฟ และถามว่าขายดีไหมลุง แกก็ตอบว่า พอขายได้ แต่ไม่ค่อยดี จึงได้รับคำแนะนำว่า สมัยนี้จะมายืนขายเฉยๆไม่ได้ ลุงต้องมีการตลาด สร้างแบรนด์ (ยี่ห้อ) ให้สินค้า สร้างกิมมิก (จุดเด่น) ในการขายเป็นเอกลักษณ์ เพื่อดึงความสนใจ เห็นได้จากร้านขายของอื่นๆ รู้จักแต่งร้านมีป้ายยี่ห้อ เจ้าของแต่งตัวสวยงามเป็นจุดเด่น มีลูกค้าแน่นร้านลุงก็บอกว่าไม่มีทุน อาจารย์ก็บอกว่าไม่ต้องใช้ทุน ใช้สมองคิด ว่าลุงมีอะไรที่เก็บรักษาไว้พอที่จะนำมาแต่งตัวมาสร้างเป็นจุดเด่นเรียกความสนใจได้ ก็เอาของนั้นมาโชว์ หลังจากฟังคำแนะนำจนเข้าใจ ลุงดำ ก็หยุดขายกาแฟไป ๑ สัปดาห์ จนคาราวานเปิดท้ายขายของถามถึง ก็ไม่มีใครรู้ว่าลุงดำไปไหนผ่านไปอีก ๑ อาทิตย์ ลุงดำ จึงกลับมาเปิดรถขายกาแฟ และสร้างความแปลกตาด้วยป้ายชื่อ กาแฟลุงดำ แบบเก๋ไก๋ ที่มีการ ลงยันต์ และที่สร้างความฮือฮาอย่างโกลาหลคือ การแต่งตัวที่โดดเด่นด้วยชุดข้าราชการครู สวมทับด้วยเสื้อยันต์ รอบคอคล้องพระเครื่องล้นคอนับร้อยองค์ หลายคนเห็นก็นึกขำร้องแซวว่า มาครั้งนี้ลุงต้องเล่นของขลังช่วยเลยหรือ ลุงดำ ยิ้มตอบอย่างภูมิใจว่า ทู อิน วัน เฟ้ย เพราะเล่นของน่ะส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งเป็นแผนการตลาด สร้างแบรนด์สร้างกิมมิกของข้าไง ซึ่งเห็นผลทันตา เพราะพวกเอ็งเห็นยังฮือฮามาสนใจ–และแกยังมีนโยบายใหม่ ใครซื้อกาแฟให้ส่องพระฟรีด้วย เจ้าค่ะ อามิตตพุทธ.สีกาอ่างคลิกอ่านคอลัมน์ “สนามพระ” เพิ่มเติม
