Tuesday, 17 September 2024

“เศรษฐา” ติด “กับดัก”

ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้ ตรุษจีนปีนี้ฉลองกันอย่างคึกคักหวังเป็น “ปีมังกรทอง” ที่จะสร้างความร่ำรวยมั่งคั่งกันถ้วนหน้ามีตัวเลขระบุว่า ยอดเงินสะพัดราว ๕ หมื่น ล้านบาท สูงสุดในรอบ ๑๑ ปี เป็นการเริ่มต้นปีที่น่าจะพอมองเห็นอนาคตต่อไปข้างหน้าว่าจะเป็นอย่างไรแต่ในสถานการณ์ที่เป็นจริงซึ่งรัฐบาลกำลังประสบปัญหาติด “กับดัก” ของตัวเองโดยเฉพาะนโยบายที่หาเสียงเอาไว้ แต่ยังไม่สามารถขับเคลื่อนต่อไปได้“ดิจิทัลวอลเล็ต” แจกหัวละ ๑๐,๐๐๐ บาท ซึ่งจะต้องออก พระราชบัญญัติกู้เงิน ๕ แสน ล้านบาท แต่มีเสียงคัดค้านและท้วงติงว่า “ไม่คุ้มค่า”จึงยังไม่กล้าฟันธงจะเดินหน้าต่อทำให้ทุกอย่างสะดุดไปหมดจากเรื่องนี้ก็พันไปถึงเรื่อง “ดอกเบี้ย” ที่นายกรัฐมนตรี “เศรษฐา ทวีสิน” ประกาศเองว่าไม่เห็นด้วยที่แบงก์ชาติไม่ยอมลดดอกเบี้ยโดย กนง.มีมติ ๕ ต่อ ๒ ให้คงไว้ที่ ๒.๕๐%“ไม่เห็นด้วยแต่ไม่ก้าวก่าย”นายกรัฐมนตรีประกาศเสียงเข้มด้วยท่าทีที่ไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าใดนักจากบรรดาแกนนำ “เพื่อไทย” ก็ออกมาขย่มแบงก์ชาติเป็นระลอกไม่ต่างกับการที่แบงก์ชาติค้านนโยบาย “ดิจิทัลวอลเล็ต” เท่าใดนักtt ttเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒินับเป็นความขัดแย้งที่ชัดเจนระหว่างรัฐบาลกับแบงก์ชาติทั้ง ๒ ประเด็น จนทำท่าว่าจะเกิดปัญหาทิศทางในการดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจ “การเงิน” กับ “การคลัง” ที่ผ่านมาความเห็นต่างในเรื่อง “ดอกเบี้ย” ระหว่างแบงก์ชาติกับรัฐบาลเคยมีมาแล้วจนต้องแตกหัก ผู้ว่าการแบงก์ชาติถูกปลดมาแล้วยิ่งมติ กนง. ๕ ต่อ ๒ แบบนี้ ยิ่งทำให้รัฐบาลที่ผลักดันให้ลดดอกเบี้ยมีความมั่นใจว่าแนวคิดนี้น่าจะถูกต้องว่าไปแล้วแต่ละฝ่ายต่างก็มีความเห็นที่ไม่ผิด เพียงแต่ในสถานการณ์เศรษฐกิจที่เป็นจริงนั้นแนวคิดแบบไหนจะเหมาะสมมากกว่าแต่เนื่องจากเป็นประเด็นที่มีความสำคัญและเป็นทิศทางในด้านนโยบาย หากเกิดปัญหาอย่างนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่เพราะไม่สามารถดำเนินนโยบายได้จึงไม่แปลกที่มีกลิ่นโชยเข้าจมูกมาว่ารัฐบาลอาจจะต้องตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อแก้ปัญหานี้นั่นคือปลด “เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ” ผู้ว่าการแบงก์ชาติ เพื่อคลี่คลายปัญหาแต่เนื่องจากเป็นเรื่องใหญ่และมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของรัฐบาลจึงต้องหา จังหวะและเหตุผลให้ได้รับการยอมรับที่สำคัญต้องดูสถานการณ์การเมืองประกอบด้วยtt ttทักษิณ ชินวัตรเท่าที่ทราบน่าจะเป็นหลังจากที่ “ทักษิณ” ออกจากชั้น ๑๔ รพ.ตำรวจไปบ้านพักจันทร์ส่องหล้าเนื่องจากได้ “พักโทษ”เพราะไม่ต้องการให้เกิดศึก ๒ ด้านโดยเฉพาะแรงต่อต้าน“ดิจิทัลวอลเล็ต” กับดักอีกเรื่องหนึ่งหลังจาก ป.ป.ช.ให้คำแนะนำแล้ว ซึ่งเนื้อหาก็ยังคงเข้มข้นเหมือนเดิมไม่ได้อ่อนลงแต่อย่างใดแต่รัฐบาลน่าจะตัดสินใจแล้วระดับหนึ่งคือเดินหน้าต่อ ไม่ยอมเป็น “หมูไม่กลัวน้ำร้อน” อีกต่อไป เพราะจะทำให้เสียรังวัดและภาพลักษณ์ทางการเมืองคิดว่าไหนๆ เดินมาถึงตรงนี้แล้วจะถอยหลังกลับคงไม่มีประโยชน์อันใดสู้ไปตายเอาดาบหน้าดีกว่าการประชุมบอร์ดชุดใหญ่ “ดิจิทัลวอลเล็ต” สัปดาห์หน้าคงได้รู้ล่ะว่าจะเป็นอย่างไร เพราะขืนเก็บดองเอาไว้อย่างนี้มีแต่เสียกับเสียการตัดสินใจสำคัญคือการปลดผู้ว่าการแบงก์ชาติและเดินหน้าต่อนโยบายแจกเงินถือว่าเป็นการตัดสินใจทางการเมืองเป็นจุดชี้ถึงอนาคตของ “เศรษฐา” ด้วย!“ลิขิต จงสกุล”คลิกอ่านคอลัมน์ “สับรางวันอาทิตย์” เพิ่มเติม