Saturday, 28 September 2024

“พิชิต” แจง ยาบ้า ๕ เม็ดไม่เป็นผู้เสพทุกราย หากพิสูจน์ได้ว่าค้า โทษหนักขึ้น

“พิชิต” ที่ปรึกษานายกฯ ชี้แจงข้อกฎหมาย อย่าเข้าใจว่ามียาบ้า ๕ เม็ดแล้วจะถือว่าเป็นผู้เสพทั้งหมด เป็นข้อสันนิษฐานไม่เด็ดขาด หากเจ้าหน้าที่มีพยานหลักฐานหักล้างได้ว่ามีไว้เพื่อการค้า ผู้ต้องหาต้องเจอโทษหนักขึ้นผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อกลางดึกของคืนวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ที่ผ่านมา นายพิชิต ชื่นบาน ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ชี้แจงเรื่องข้อกฎหมายกรณีการมียาบ้า ๕ เม็ด ถือเป็นผู้เสพหรือผู้ค้า ว่า ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นกฎหมายให้สิทธิและคุ้มครองสิทธิผู้กระทำความผิดโดยคัดกรองผู้กระทำผิดว่าเป็น ผู้ค้ารายใหญ่ ผู้ค้ารายย่อย หรือผู้ติดยาเสพติด ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องพิสูจน์การกระทำผิดต่างๆ ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น อัยการก็ต้องใช้ดุลพินิจในการเลือกฟ้องคดีให้ถูกต้องสมเหตุสมผลกับพฤติการณ์ และศาลก็สามารถใช้ดุลพินิจในการพิจารณาพิพากษาคดีตามพยานและหลักฐาน ในภาพรวมคือทำให้ผู้บังคับใช้กฎหมายต้องมีความระมัดระวังมากขึ้นในการพิจารณาการกระทำความผิดของผู้ต้องหานายพิชิต ระบุต่อไปว่า ประเด็นมียาบ้าไว้ในครอบครองจำนวนไม่เกิน ๕ เม็ด เพื่อเสพ ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๖๗ และประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา ๑๐๗ ห้ามผู้ใดมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๑ (ยาบ้า) เพื่อเสพ การมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๑ ในปริมาณเล็กน้อยซึ่งไม่เกินปริมาณที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขกำหนดในกฎกระทรวง (ไม่เกิน ๕ เม็ด) ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ มาตรา ๑๖๔ ผู้ใดมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๑ (ยาบ้า) เพื่อเสพ อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา ๑๐๗ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน ๒ ปี หรือปรับไม่เกิน ๔๐,๐๐๐ บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ ตามมาตรา ๑๐๗ วรรคสอง เป็นการ “ครอบครองเพื่อเสพโดยบทสันนิษฐานของกฎหมาย” (การครอบครองยาเสพติดไม่เกินจำนวน ๕ เม็ด ที่กำหนดในกฎกระทรวงสาธารณสุข) เป็นข้อสันนิษฐานไม่เด็ดขาด อย่าเข้าใจว่ามียาบ้า ๕ เม็ดแล้วจะถือว่าเป็นผู้เสพเสียทุกรายนั้นไม่ถูกต้อง กฎหมายมีผลเพียงเป็นการผลักภาระการพิสูจน์ไปให้เจ้าหน้าที่ที่จะต้องนำพยานหลักฐานสืบหักล้างข้อสันนิษฐานนั้น“อธิบายให้เข้าใจง่ายๆ คือ หากเจ้าหน้าที่ตำรวจไปจับกุมผู้ต้องหาที่มียาบ้าไว้ในครอบครองไม่เกิน ๕ เม็ด ผู้ต้องหาได้ประโยชน์จากข้อสันนิษฐานว่า มียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อเสพโดยบทสันนิษฐานของกฎหมาย แต่เมื่อข้อสันนิษฐานดังกล่าวเป็นข้อสันนิษฐานไม่เด็ดขาด หากเจ้าหน้าที่มีพยานหลักฐานหักล้างได้ว่าผู้ต้องหามียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อการค้า ผู้ต้องหาย่อมไม่ได้รับประโยชน์จากข้อสันนิษฐาน แต่ต้องรับผิดฐานเป็นผู้ค้า ซึ่งต้องรับโทษหนักขึ้น ไม่ใช่ผู้เสพ”