ด้วยแนวทางการผลักดันทรัพย์สินคืนประชาชนของ “ก้าวไกล” โดยเน้นไปที่การครอบครองของกองทัพ ได้ออกดอกออกผลอย่างเป็นรูปธรรม จากการที่กองทัพอากาศยอมมอบ พื้นที่ให้รัฐบาล ๔ แห่ง โดยนายกรัฐมนตรีได้พูดคุยกับ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศแล้วซึ่งกองทัพอากาศยินดีที่จะโอนที่ดินของกองทัพอากาศ ให้เป็นสาธารณประโยชน์ทั้งหมด ๔ จุด ทั้งใน กทม.และต่างจังหวัดเรื่องแรกคือสนามกอล์ฟ (สนามงู) ที่ดอนเมือง จะมีการตั้งคณะกรรมการพัฒนาร่วมกัน เพื่อกำหนดแนวทางคืนให้ประชาชน ซึ่งจะใช้เป็นส่วนหนึ่งของการยกระดับ ท่าอากาศยานดอนเมืองและเส้นทางการบินเรื่องที่ ๒ กองทัพอากาศยินดีให้ความร่วมมือ จัดตารางการฝึกบินให้เหมาะสม ให้รบกวนการขึ้นลงของเครื่องบินพาณิชย์น้อยที่สุด ให้สามารถเพิ่มเที่ยวบินได้มากขึ้น รองรับการท่องเที่ยวที่จะขยายตัวเรื่องที่ ๓ สนามบินโคราช ซึ่งเป็นสนามบินของกองทัพอากาศ จะมีการเปิดพื้นที่ให้สายการบินพาณิชย์ได้ใช้ประโยชน์ร่วมกันเรื่องที่ ๔ ถนนวงแหวนรอบที่ ๑ ที่ต้องผ่านบริเวณของกองบิน ๔๑ ที่เชียงใหม่ กองทัพอากาศยินดีให้มีการพัฒนาร่วมกัน เพื่ออำนวยความสะดวกในการสัญจรของประชาชนลดความแออัดความจริงแล้วเรื่องนี้เป็นหน้าที่ และภารกิจของรัฐบาลที่จะต้องมีนโยบายโดยตรงอยู่แล้ว แต่เนื่องจากประเทศไทยมีข้อจำกัดอย่างหนึ่งที่เรียกกัน“เขตทหารห้ามเข้า” ทำให้รัฐบาลที่ผ่านไม่กล้าเข้าไปยุ่งแต่เมื่อ “ก้าวไกล” ได้นำเรื่องนี้ไปอภิปรายในสภา เท่ากับเป็นการ “จุดพลุ” ทำให้รัฐบาลกล้าที่จะเปิดเจรจาและกองทัพก็ยินดีถือว่าชาติและประชาชนได้ประโยชน์!ลายแทงที่ “ก้าวไกล” ได้นำไปอภิปรายในสภา ยังมีพื้นที่อีกหลายที่เป็นของทหารบก ทหารเรือทั้งใน กทม. และต่างจังหวัด ซึ่งรัฐบาลน่าจะลองไปดูว่าจะทำประโยชน์อะไรได้บ้างก็น่าจะดีเพราะวันนี้ด้วยสถานการณ์การเมือง ที่เปลี่ยนแปลงไปที่ชัดเจนก็คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นนักการเมืองเต็มตัว และทำงานร่วมกับทหารได้เป็นอย่างดีอะไรที่จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศได้ ก็ควรพูดคุยทำความเข้าใจกันง่ายขึ้นว่าไปแล้วน่าจะเป็นบรรยากาศที่สร้างสรรค์กว่าที่ผ่านมา ซึ่งต่างฝ่ายต่างอยู่และไม่ค่อยเป็นมิตรกันเท่าใดนักพูดถึง “ก้าวไกล” ที่นำประเด็นคืนทรัพย์สินกองทัพให้ประชาชนนั้น ถือว่าถูกจังหวะเพราะสถานการณ์เอื้ออำนวยหากเป็นแต่ก่อนอาจจะเกิดปฏิกิริยาบางอย่างก็ได้แต่นี่เป็นข้อเสนอที่สร้างสรรค์ และประเทศได้ประโยชน์ จึงสอดคล้องกันพอดีในฐานะนักการเมืองและพรรคการเมือง อะไรที่คิดและทำเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ล้วนเป็นเรื่องดีทั้งนั้นแต่อะไรที่ทำให้เกิดปัญหาสร้างความขัดแย้งคนในชาติย่อมไม่ดีแน่อย่างเหตุที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ ในฐานะพรรคการเมืองฝ่ายค้าน ต้องคิดและไตร่ตรองให้รอบคอบ อย่าทำให้สังคมคิดว่าอยู่เบื้องหลังการกระทำที่มิบังควรเพราะเป็นเรื่องที่ล่อแหลม ก่อให้เกิดความแตกแยกและไม่ทำให้อะไรดีขึ้นมาสักนิด มีแต่สร้างปัญหาและความร้าวฉานทุกคนต่างก็รู้อยู่แก่ใจดีแล้ว มันไม่ต่างกับการเอาหัวชนฝาเท่าใดนักหันมาทำสิ่งที่เป็นไปได้และสร้างสรรค์ไม่ดีกว่าหรือ?“สายล่อฟ้า”คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม