Thursday, 14 November 2024

เหลืออีก ๑๕ วัน ลงทะเบียนหนี้นอกระบบ ล่าสุดยอดหนี้รวมกันทะลุหมื่นล้านบาทแล้ว

ปลัดมหาดไทย เผย หลังครบ ๗๖ วัน ประชาชนลงทะเบียนหนี้นอกระบบแล้วกว่า ๑.๔๒ แสนราย มียอดหนี้นอกระบบรวมกว่า ๑๐,๐๒๖ ล้านบาท ไกล่เกลี่ยสำเร็จแล้ว ๑๓,๙๑๓ ราย มูลหนี้ลดลง ๗๐๑ ล้านบาท ย้ำ เหลือเวลารับลงทะเบียนอีก ๑๕ วัน ปิดรับวันสุดท้าย ๒๙ ก.พ. ๖๗ นี้วันที่ ๑๔ ก.พ. ๒๕๖๗ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงผลการลงทะเบียนแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ วันที่ ๗๖ โดยเมื่อเวลา ๑๕.๐๐ น. สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง ได้รายงานผลการลงทะเบียน พบว่า มีประชาชนลงทะเบียนแล้ว ๑๔๒,๓๘๗ ราย มูลหนี้รวม ๑๐,๐๒๖.๖๘๕ ล้านบาท เป็นการลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ ๑๑๙,๒๕๘ ราย และการลงทะเบียน ณ ศูนย์อำนวยการแก้ไขหนี้นอกระบบ ๒๓,๑๒๙ ราย รวมจำนวนเจ้าหนี้ ๑๑๒,๔๓๔ ราย มีพื้นที่/จังหวัดที่มีผู้ลงทะเบียนมากที่สุด ๕ ลำดับแรก ดังนี้ ๑. กรุงเทพมหานคร ยังคงมีผู้ลงทะเบียนมากที่สุด ๑๑,๑๔๒ ราย เจ้าหนี้ ๘,๑๘๒ ราย มูลหนี้ ๘๗๑.๙๙๔ ล้านบาท ๒. จังหวัดนครศรีธรรมราช มีผู้ลงทะเบียน ๕,๗๓๕ ราย เจ้าหนี้ ๕,๓๖๓ ราย มูลหนี้ ๓๙๐.๓๘๙ ล้านบาท ๓. จังหวัดสงขลา มีผู้ลงทะเบียน ๕,๒๕๗ ราย เจ้าหนี้ ๔,๒๑๕ ราย มูลหนี้ ๓๔๕.๖๕๓ ล้านบาท ๔. จังหวัดนครราชสีมา มีผู้ลงทะเบียน ๔,๙๓๘ ราย เจ้าหนี้ ๔,๐๓๘ ราย มูลหนี้ ๔๒๘.๗๘๒ ล้านบาท ๕. จังหวัดสุรินทร์ มีผู้ลงทะเบียน ๓,๘๔๖ ราย เจ้าหนี้ ๒,๗๕๕ ราย มูลหนี้ ๓๔๘.๑๐๗ ล้านบาท ขณะที่จังหวัดที่มีผู้ลงทะเบียนน้อยที่สุด ๕ ลำดับแรก ได้แก่ ๑. จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีผู้ลงทะเบียน ๒๓๓ ราย เจ้าหนี้ ๒๓๕ ราย มูลหนี้ ๑๔.๑๑๐ ล้านบาท ๒. จังหวัดระนอง มีผู้ลงทะเบียน ๓๓๓ ราย เจ้าหนี้ ๒๕๘ ราย มูลหนี้ ๒๓.๖๖๓ ล้านบาท ๓. จังหวัดสมุทรสงคราม มีผู้ลงทะเบียน ๓๗๖ ราย เจ้าหนี้ ๒๙๓ ราย มูลหนี้ ๑๔.๔๓๙ ล้านบาท ๔. จังหวัดตราด มีผู้ลงทะเบียน ๔๕๖ ราย เจ้าหนี้ ๓๓๒ ราย มูลหนี้ ๒๐.๐๖๕ ล้านบาท และ ๕. จังหวัดสิงห์บุรี มีผู้ลงทะเบียน ๔๖๗ ราย เจ้าหนี้ ๓๖๓ ราย มูลหนี้ ๒๕.๗๑๐ ล้านบาท“สำหรับข้อมูลการไกล่เกลี่ยหนี้นอกระบบทั่วประเทศ พบว่า มีลูกหนี้เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยแล้ว ๒๒,๘๑๒ ราย ไกล่เกลี่ยสำเร็จ ๑๓,๙๑๓ ราย มูลหนี้ของลูกหนี้ก่อนการไกล่เกลี่ย ๒,๐๙๓.๔๘๙ ล้านบาท หลังการไกล่เกลี่ย ๑,๓๙๒.๒๔๙ ล้านบาท มูลหนี้ลดลง ๗๐๑.๒๓๙ ล้านบาท และจังหวัดที่สามารถนำลูกหนี้เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยได้มากที่สุดยังคงเป็นจังหวัดนครสวรรค์เช่นเดิม โดยมีลูกหนี้ที่เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย ๓,๒๓๖ ราย ไกล่เกลี่ยสำเร็จ ๓๘๖ ราย มูลหนี้ของลูกหนี้ก่อนไกล่เกลี่ย ๒๖๘.๕๘๘ ล้านบาท หลังการไกล่เกลี่ย ๓๘.๕๕๙ ล้านบาท ทำให้มูลหนี้ของพี่น้องประชาชนในจังหวัดนครสวรรค์ลดลง ๒๓๐.๐๒๙ ล้านบาท สำหรับกรณีที่ไม่ได้รับความร่วมมือกระทั่งไม่สามารถดำเนินการไกล่เกลี่ยได้ เจ้าหน้าที่ได้ส่งต่อเรื่องไปยังพนักงานสอบสวนของสถานีตำรวจในพื้นที่ดำเนินคดีไปแล้ว ๒๗๐ คดี ใน ๓๔ จังหวัด” นายสุทธิพงษ์ กล่าว ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวต่ออีกว่า กระทรวงมหาดไทยได้บูรณาการร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการ กระทรวงแรงงาน กระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตลอดจนกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ร่วมกันขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างเต็มที่ตามนโยบายของรัฐบาล โดยมีความมุ่งมั่นในการที่จะช่วยแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่เป็นหนี้นอกระบบ เพราะต้องชำระดอกเบี้ยสูงมากและเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด อีกทั้งยังมีกระบวนการวิธีการทวงหนี้ที่ใช้ความรุนแรงโหดร้ายทารุณ “ในส่วนของการนำเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย ปัจจุบันมีประชาชนที่มาลงทะเบียนหนี้นอกระบบบางส่วนที่ไม่สามารถให้ข้อมูลของเจ้าหนี้นอกระบบได้ครบถ้วนสมบูรณ์ ทำให้การติดตามเพื่อเชิญมาไกล่เกลี่ยหนี้ได้ยาก ซึ่งเราพบว่า เป็นข้อมูลของเจ้าหนี้นอกระบบซึ่งเป็นพวกปล่อยเงินกู้นอกระบบมืออาชีพ มีลูกน้องที่เรียกว่าแก๊งหมวกกันน็อก ไปปล่อยเงินกู้ตามตลาด ตามชุมชน ทำให้ชาวบ้านทราบเฉพาะเพียงชื่อเล่นของเจ้าหนี้ ซึ่งใช้วิธีการทวงหนี้แบบเดินเก็บตามตลาดหรือในที่ที่ลูกหนี้ทำมาหากินอยู่ ในส่วนนี้ กระทรวงมหาดไทยจะได้ส่งข้อมูลรายละเอียดของเจ้าหนี้นอกระบบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินการสืบสวนสอบสวน หาทางจับกุมต่อไป โดยข้อมูลรายละเอียด อาทิ รายชื่อ และสถานที่ที่คนกลุ่มนี้ไปปล่อยกู้ ซึ่งทั้งหมดเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย เพราะไม่มีใบอนุญาตให้ประกอบกิจการปล่อยกู้ ยิ่งไปกว่านั้นยังเก็บดอกเบี้ยที่เกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด รวมถึงได้ส่งข้อมูลการทวงหนี้แบบใช้ความรุนแรงหรือข่มขู่คุกคาม ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินการต่อไป” นายสุทธิพงษ์ กล่าวปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยังได้เน้นย้ำให้ทุกอำเภอดำเนินการจัดกิจกรรม “ตลาดนัดแก้หนี้” อย่างน้อยเดือนละ ๔ ครั้ง หนุนเสริมเพิ่มเติมจากตลาดนัดแก้หนี้ระดับจังหวัดที่มีการจัดเดือนละ ๑ ครั้ง โดยบูรณาการกับทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงสถาบันการเงิน เป็นเหมือน “One Stop Service” ในการแก้หนี้นอกระบบแบบเบ็ดเสร็จจุดเดียว ซึ่งประชาชนที่มาลงทะเบียนและร่วมกิจกรรมตลาดนัดแก้หนี้ ภาครัฐจะได้ทำการให้การช่วยเหลืออย่างถูกต้อง ครบถ้วน และรวดเร็ว ซึ่งจากการดำเนินการที่ผ่านมามีผลตอบรับที่ดี และสามารถช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่เดือดร้อนได้จริง รวมถึงประชาชนที่ไม่ได้เป็นหนี้นอกระบบก็สามารถมารับคำปรึกษาจากสถาบันการเงินได้ อาทิ การปรึกษาเรื่องสินเชื่อเพื่อการลงทุน การประกอบอาชีพ นับเป็นการแก้ไขหนี้นอกระบบในเชิงป้องกันอีกทางหนึ่ง ด้วยแนวทางเพิ่มรายได้ขยายโอกาส ทำให้พี่น้องประชาชนสามารถประกอบสัมมาอาชีพที่มีรายได้ที่ดีอย่างยั่งยืน ไม่ต้องไปเป็นหนี้นอกระบบ ตลอดจนถึงเรื่องกระบวนการไกล่เกลี่ย เราดำเนินการแก้ไขอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะครบทุกกรณี เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน“ขณะนี้ยังเหลือเวลาอีก ๑๕ วันที่พี่น้องประชาชนยังคงสามารถลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือจากภาครัฐเพื่อแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ซึ่งเราจะรับลงทะเบียนถึงวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ นี้ ทั้งการเดินทางไปขอคำปรึกษาและลงทะเบียน ณ ศาลากลางจังหวัดทุกจังหวัด (ห้องศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด) ที่ว่าการอำเภอทุกแห่ง (ห้องศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ) สำนักงานเขตทั้ง ๕๐ เขตของกรุงเทพมหานคร ตลอดจนพื้นที่การจัดมหกรรมตลาดนัดแก้หนี้ระดับจังหวัด และตลาดนัดแก้หนี้อำเภอ หรือสามารถลงทะเบียนทางระบบออนไลน์ที่ https://debt.dopa.go.th โดยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนศูนย์ดำรงธรรม โทร. ๑๕๖๗ ตลอด ๒๔ ชั่วโมง” นายสุทธิพงษ์ กล่าว