เมื่อเร็วๆนี้ ศาสตราจารย์ทอดด์ ซูโรเวลล์ นักโบราณคดีจากมหาวิทยาลัยไวโอมิง ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งทำงานร่วมกับสำนักงานนักโบราณคดีรัฐไวโอมิง มหาวิทยาลัยเวเบอร์ สเตต ในรัฐยูทาห์ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย สเตต ในรัฐแคลิฟอร์เนีย และมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ ในอังกฤษ รายงานการค้นพบ “ลูกปัด” รูปทรงท่อ ในการขุดค้นในแหล่งโบราณคดี La Prele Mammoth อันห่างไกลในเขตคอนเวิร์ส เคาน์ตี รัฐไวโอมิงจากการหาอายุจากคาร์บอนกัมมันตรังสีจากลูกปัดดังกล่าว ทีมนักโบราณคดีระบุว่า ลูกปัดนี้มีอายุประมาณ ๑๒,๙๔๐ ปี ทำจากกระดูกกระต่าย มีความยาวราว ๗ มิลลิเมตร เส้นผ่าศูนย์กลางภายในเฉลี่ย ๑.๖ มิลลิเมตร พื้นผิวด้านนอกมีลักษณะเป็นร่อง ทำให้ยืนยันได้ว่าลูกปัดนี้สร้างขึ้นด้วยฝีมือมนุษย์ การค้นพบนี้ถือเป็นหลักฐานแรกที่เชื่อได้ว่ามีการใช้กระดูกระต่ายในวัฒนธรรมโคลวิส (Clovis Culture) ซึ่งเป็นวัฒนธรรมยุคก่อนประวัติศาสตร์ในทวีปอเมริกาเหนือเมื่อประมาณ๑๒,๐๐๐ ปีก่อน ทำให้ลูกปัดที่พบนี้ขึ้นแท่นเป็นลูกปัดที่เก่าแก่ที่สุดในอเมริกาไปโดยปริยาย นักโบราณคดีเผยว่า การค้นพบลูกปัดที่เก่าแก่ที่สุดในอเมริกา มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักโบราณคดีและนักประวัติศาสตร์ เพราะจะให้ข้อมูลเชิงลึกที่มีคุณค่าเกี่ยวกับความสามารถทางศิลปะและแบบปฏิบัติทางวัฒนธรรมของผู้คนในอารยธรรมโบราณในอเมริกา สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าสังคมยุคแรกๆในอเมริกาได้พัฒนางานฝีมือที่ซับซ้อน ซึ่งจะช่วยให้เข้าใจแง่มุมทางสังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรมของสังคมโบราณได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น และให้เบาะแสเกี่ยวกับเครือข่ายการค้า ประเพณีทางศิลปะ รวมถึงความเชื่อทางศาสนาหรือสัญลักษณ์ของพวกเขา.อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่
