Thursday, 19 December 2024

ปลัดมหาดไทย เผย ลงทะเบียนหนี้นอกระบบ กทม.มากสุด ไกล่เกลี่ยแล้ว ๑๔,๖๑๐ ราย

ปลัดมหาดไทย เผย ครบ ๗๘ วัน คนลงทะเบียนหนี้นอกระบบแล้วกว่า ๑.๔๓ แสนราย ยอดหนี้กว่า ๑๐,๒๐๕ ล้าน ไกล่เกลี่ยแล้ว ๑๔,๖๑๐ ราย มูลหนี้ลด ๗๑๓ ล้าน ย้ำ ให้ทุกจังหวัดบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งเจรจาไกล่เกลี่ยหนี้สินทันที เหลือเวลาอีก ๑๓ วัน ๒๙ ก.พ. วันสุดท้ายวันที่ ๑๖ ก.พ. ๒๕๖๗ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงผลการลงทะเบียนแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ วันที่ ๗๘ โดยเมื่อเวลา ๑๕.๐๐ น. สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง ได้รายงานผลการลงทะเบียน พบว่า มีประชาชนลงทะเบียนแล้ว ๑๔๓,๔๔๖ ราย มูลหนี้รวม ๑๐,๒๐๕.๑๕๐ ล้านบาท เป็นการลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ ๑๑๙,๘๓๐ ราย และการลงทะเบียน ณ ศูนย์อำนวยการแก้ไขหนี้นอกระบบ ๒๓,๖๑๖ ราย รวมจำนวนเจ้าหนี้ ๑๑๓,๘๔๒ ราย มีพื้นที่/จังหวัดที่มีผู้ลงทะเบียนมากที่สุด ๕ ลำดับแรก ดังนี้ ๑. กรุงเทพมหานคร ยังคงมีผู้ลงทะเบียนมากที่สุด ๑๑,๑๖๙ ราย เจ้าหนี้ ๘,๒๕๑ ราย มูลหนี้ ๙๐๖.๘๕๙ ล้านบาท ๒. จังหวัดนครศรีธรรมราช มีผู้ลงทะเบียน ๕,๗๘๑ ราย เจ้าหนี้ ๕,๔๓๕ ราย มูลหนี้ ๓๙๕.๘๑๗ ล้านบาท ๓. จังหวัดสงขลา มีผู้ลงทะเบียน ๕,๒๙๑ ราย เจ้าหนี้ ๔,๒๖๕ ราย มูลหนี้ ๓๔๘.๕๓๖ ล้านบาท ๔. จังหวัดนครราชสีมา มีผู้ลงทะเบียน ๔,๙๖๒ ราย เจ้าหนี้ ๔,๐๖๔ ราย มูลหนี้ ๔๓๐.๐๔๐ ล้านบาท ๕. จังหวัดสุรินทร์ มีผู้ลงทะเบียน ๓,๘๙๕ ราย เจ้าหนี้ ๒,๘๑๒ ราย มูลหนี้ ๓๕๘.๕๔๔ ล้านบาทขณะที่จังหวัดที่มีผู้ลงทะเบียนน้อยที่สุด ๕ ลำดับแรก ได้แก่ ๑. จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีผู้ลงทะเบียน ๒๓๖ ราย เจ้าหนี้ ๒๓๙ ราย มูลหนี้ ๑๔.๒๔๓ ล้านบาท ๒. จังหวัดระนอง มีผู้ลงทะเบียน ๓๓๗ ราย เจ้าหนี้ ๒๖๐ ราย มูลหนี้ ๒๓.๗๐๘ ล้านบาท ๓. จังหวัดสมุทรสงคราม มีผู้ลงทะเบียน ๓๘๐ ราย เจ้าหนี้ ๒๙๘ ราย มูลหนี้ ๑๔.๙๖๙ ล้านบาท ๔. จังหวัดตราด มีผู้ลงทะเบียน ๔๕๗ ราย เจ้าหนี้ ๓๓๕ ราย มูลหนี้ ๒๐.๐๖๕ ล้านบาท และ ๕. จังหวัดสิงห์บุรี มีผู้ลงทะเบียน ๔๖๑ ราย เจ้าหนี้ ๓๖๗ ราย มูลหนี้ ๒๕.๖๒๖ ล้านบาท“สำหรับข้อมูลการไกล่เกลี่ยหนี้นอกระบบทั่วประเทศพบว่า มีลูกหนี้เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยแล้ว ๒๓,๖๙๘ ราย ไกล่เกลี่ยสำเร็จ ๑๔,๖๑๐ ราย มูลหนี้ของลูกหนี้ก่อนการไกล่เกลี่ย ๒,๑๗๗.๖๓๑ ล้านบาท หลังการไกล่เกลี่ย ๑,๔๖๓.๗๓๖ ล้านบาท มูลหนี้ลดลง ๗๑๓.๘๙๔ ล้านบาท และจังหวัดที่สามารถนำลูกหนี้เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยได้มากที่สุดยังคงเป็นจังหวัดนครสวรรค์เช่นเดิม โดยมีลูกหนี้ที่เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย ๓,๒๔๑ ราย ไกล่เกลี่ยสำเร็จ ๓๙๑ ราย มูลหนี้ของลูกหนี้ก่อนไกล่เกลี่ย ๒๖๙.๙๓๖ ล้านบาท หลังการไกล่เกลี่ย ๓๙.๖๗๑ ล้านบาท ทำให้มูลหนี้ของพี่น้องประชาชนในจังหวัดนครสวรรค์ลดลง ๒๓๐.๒๖๕ ล้านบาท สำหรับกรณีที่ไม่ได้รับความร่วมมือกระทั่งไม่สามารถดำเนินการไกล่เกลี่ยได้ เจ้าหน้าที่ได้ส่งต่อเรื่องไปยังพนักงานสอบสวนของสถานีตำรวจในพื้นที่ดำเนินคดีไปแล้ว ๒๗๗ คดี ใน ๓๕ จังหวัด” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าว นายสุทธิพงษ์ กล่าวต่ออีกว่า กระทรวงมหาดไทยได้บูรณาการร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการ กระทรวงแรงงาน กระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตลอดจนกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ร่วมกันขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างเต็มที่ตามนโยบายของรัฐบาล โดยมีความมุ่งมั่นในการที่จะช่วยแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่เป็นหนี้นอกระบบ เพราะต้องชำระดอกเบี้ยสูงมากและเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด อีกทั้งยังมีกระบวนการวิธีการทวงหนี้ที่ใช้ความรุนแรงโหดร้ายทารุณ“ในส่วนของการนำเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย ปัจจุบันมีประชาชนที่มาลงทะเบียนหนี้นอกระบบบางส่วนที่ไม่สามารถให้ข้อมูลของเจ้าหนี้นอกระบบได้ครบถ้วนสมบูรณ์ ทำให้การติดตามเพื่อเชิญมาไกล่เกลี่ยหนี้ได้ยาก ซึ่งเราพบว่า เป็นข้อมูลของเจ้าหนี้นอกระบบซึ่งเป็นพวกปล่อยเงินกู้นอกระบบมืออาชีพ มีลูกน้องที่เรียกว่าแก๊งหมวกกันน็อก ไปปล่อยเงินกู้ตามตลาดตามชุมชน ทำให้ชาวบ้านทราบเฉพาะเพียงชื่อเล่นของเจ้าหนี้ ซึ่งใช้วิธีการทวงหนี้แบบเดินเก็บตามตลาดหรือในที่ที่ลูกหนี้ทำมาหากินอยู่ ในส่วนนี้ กระทรวงมหาดไทยจะได้ส่งข้อมูลรายละเอียดของเจ้าหนี้นอกระบบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินการสืบสวนสอบสวน หาทางจับกุมต่อไป โดยข้อมูลรายละเอียด อาทิ รายชื่อ และสถานที่ที่คนกลุ่มนี้ไปปล่อยกู้ ซึ่งทั้งหมดเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย เพราะไม่มีใบอนุญาตให้ประกอบกิจการปล่อยกู้ ยิ่งไปกว่านั้นยังเก็บดอกเบี้ยที่เกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด รวมถึงได้ส่งข้อมูลการทวงหนี้แบบใช้ความรุนแรงหรือข่มขู่คุกคาม ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินการต่อไป” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยังได้เน้นย้ำให้ทุกอำเภอดำเนินการจัดกิจกรรม “ตลาดนัดแก้หนี้” อย่างน้อยเดือนละ ๔ ครั้ง หนุนเสริมเพิ่มเติมจากตลาดนัดแก้หนี้ระดับจังหวัดที่มีการจัดเดือนละ ๑ ครั้ง โดยบูรณาการกับทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงสถาบันการเงิน เป็นเหมือน “One Stop Service” ในการแก้หนี้นอกระบบแบบเบ็ดเสร็จจุดเดียว ซึ่งประชาชนที่มาลงทะเบียนและร่วมกิจกรรมตลาดนัดแก้หนี้ ภาครัฐจะได้ทำการให้การช่วยเหลืออย่างถูกต้อง ครบถ้วน และรวดเร็ว ซึ่งจากการดำเนินการที่ผ่านมามีผลตอบรับที่ดีและสามารถช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่เดือดร้อนได้จริง รวมถึงประชาชนที่ไม่ได้เป็นหนี้นอกระบบก็สามารถมารับคำปรึกษาจากสถาบันการเงินได้ อาทิ การปรึกษาเรื่องสินเชื่อเพื่อการลงทุน การประกอบอาชีพ นับเป็นการแก้ไขหนี้นอกระบบในเชิงป้องกันอีกทางหนึ่ง ด้วยแนวทางเพิ่มรายได้ขยายโอกาส ทำให้พี่น้องประชาชนสามารถประกอบสัมมาอาชีพที่มีรายได้ที่ดีอย่างยั่งยืน ไม่ต้องไปเป็นหนี้นอกระบบ ตลอดจนถึงเรื่องกระบวนการไกล่เกลี่ย เราดำเนินการแก้ไขอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะครบทุกกรณี เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน“ขณะนี้ยังเหลือเวลาอีก ๑๓ วันที่พี่น้องประชาชนยังคงสามารถลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือจากภาครัฐเพื่อแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ซึ่งเราจะรับลงทะเบียนถึงวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ นี้ ทั้งการเดินทางไปขอคำปรึกษาและลงทะเบียน ณ ศาลากลางจังหวัดทุกจังหวัด (ห้องศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด) ที่ว่าการอำเภอทุกแห่ง (ห้องศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ) สำนักงานเขตทั้ง ๕๐ เขตของกรุงเทพมหานคร ตลอดจนพื้นที่การจัดมหกรรมตลาดนัดแก้หนี้ระดับจังหวัด และตลาดนัดแก้หนี้อำเภอ หรือสามารถลงทะเบียนทางระบบออนไลน์ที่ https://debt.dopa.go.th โดยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนศูนย์ดำรงธรรม โทร. ๑๕๖๗ ตลอด ๒๔ ชั่วโมง” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวปิดท้าย