เปิดประวัติ ‘ปราโบโว ซูเบียนโต’ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของอินโดนีเซีย วัย ๗๒ ปี ผลการนับคะแนนแบบ Quick Countในการเลือกตั้งเมื่อ ๑๔ ก.พ. ๒๕๖๗ ออกมาได้คะแนนนำเป็นอันดับหนึ่ง ทิ้งห่าง ๒ ผู้สมัครคู่แข่งคนสำคัญแบบเท่าตัวปราโบโว ‘กำช้อนเงินช้อนทองมาตั้งแต่ลืมตาดูโลก’ เกิดในครอบครัวที่ทรงอิทธิพลที่สุดครอบครัวหนึ่งในอินโดนีเซีย ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ตอนวัยเด็กในต่างประเทศ จนพูดได้หลายภาษา เรียนจบมาได้เป็นทหารในกองทัพบกจนมียศตำแหน่งถึงระดับพลโท ผู้บัญชาการกองกำลังพิเศษปราโบโว แต่งงานกับลูกสาวคนหนึ่งของอดีต ปธน.ซูฮาร์โต จนชีวิตพลิกผันต้องลี้ภัยตัวเองไปอยู่ต่างแดน ก่อนกลับมาทำธุรกิจจนมั่งคั่งร่ำรวย ตัดสินใจก้าวสู่ถนนการเมือง ปราโบโวเคยพบกับความผิดหวังในการลงสมัครเลือกตั้งชิง ปธน.มาแล้ว ก่อนจะได้รับความไว้วางใจได้เป็น รัฐมนตรีว่าการกลาโหมในรัฐบาล ปธน.โจโก วิโดโด และกำลังมีความหวังมากที่สุดที่จะได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่อินโดนีเซียในการเลือกตั้งครั้งนี้’ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จย่อมอยู่ที่นั่น’ ยังคงเป็นจริงเสมอ เมื่อในที่สุด ‘ปราโบโว ซูเบียนโต โจโยฮาดิกูซูโม’ วัย ๗๒ ปี หรือมีชื่อเรียกสั้นว่า ‘ปราโบโว ซูเบียนโต’ รัฐมนตรีว่าการกลาโหมของอินโดนีเซียคนปัจจุบัน ได้ออกมาประกาศชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี เมื่อวันที่ ๑๔ ก.พ. ๒๕๖๗ผลการนับคะแนนแบบ Quick Count อย่างไม่เป็นทางการของหลายสำนักออกมาว่า ปราโบโว ได้คะแนนเสียงถึงประมาณ ๕๗-๕๙% ทิ้งห่างเหนือคู่แข่งคนสำคัญอีกสองคนอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ปราโบโว กำลังเข้าใกล้ความสำเร็จมีโอกาสจะชนะเลือกตั้ง ได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของอินโดนีเซีย หลังจากเขาต้องพบกับความผิดหวัง พ่ายแพ้แก่ ‘โจโก วิโดโด’ ในการลงสมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีที่ผ่านมา ถึง ๒ ครั้ง ๒ หน’ไทยรัฐออนไลน์’ จึงขอพาคุณผู้อ่านมาทำความรู้จักกับ ปราโบโว ซูเบียนโต ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่อินโดนีเซีย ผู้ที่สร้างปรากฏการณ์ทางการเมืองครั้งสำคัญอีกครั้งในการเลือกตั้งประธานาธิบดีของประเทศ ปราโบโว ซูเบียนโตเปิดประวัติ ‘ปราโบโว ซูเบียนโต’ปราโบโว เกิดเมื่อวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๔๓๔ ที่กรุงจาการ์ตา เขาเป็นบุตรคนที่ ๓ ในจำนวน ๔ ของครอบครัวที่ทรงอิทธิพลที่สุดครอบครัวหนึ่งในอินโดนีเซีย เพราะซูมิโตร โจโยฮาดิกูซูโม พ่อของปราโบโว เป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่มีชื่อเสียง และเป็นนักการเมืองซึ่งเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีหลายกระทรวงในสมัยรัฐบาลอดีตประธานาธิบดีซูการ์โนและซูฮาร์โต ขณะที่ โดรา มาเรีย สีรีจาร์ แม่ของปราโบโว เป็นแม่บ้าน ซึ่งจบการศึกษาด้านการพยาบาลศัลยกรรมในเนเธอร์แลนด์ปู่ของปราโบโว คือ มาร์โกโน โจโยฮาดิกูซูโม เป็นผู้ก่อตั้งธนาคารเนการา อินโดนีเซีย (Negara Indonesia) หรือ (BNI) ซึ่งเป็นธนาคารรัฐแห่งแรกของอินโดนีเซีย อีกทั้งปู่ของเขายังเป็นคนแรกที่ได้เป็นหัวหน้าสภาที่ปรึกษาสูงสุดของอินโดนีเซียอีกด้วย แต่สภาฯ แห่งนี้ได้ถูกยุบในปี ๒๕๔๖จาการ์ตาโพสต์ สื่อภาษาอังกฤษในอินโดนีเซียรายงานว่า ปราโบโว ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในวัยเด็กในต่างประเทศ เนื่องจากพ่อของปราโบโวเกี่ยวข้องในรัฐบาลปฏิวัติแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย (Revolutionary Government of the Republic of Indonesia) ซึ่งจัดตั้งขึ้นเมื่อปี ๒๕๐๑ เพื่อต่อต้านรัฐบาลกลางสมัยอดีตประธานาธิบดีซูการ์โน จึงทำให้ปราโบโวสามารถพูดได้หลายภาษาทั้งฝรั่งเศส เยอรมัน อังกฤษและภาษาดัตช์จากการที่ ปราโบโว เกิดมาในครอบครัวที่ทรงอิทธิพลครอบครัวหนึ่งในอินโดนีเซีย ทำให้เขาได้รับสิทธิพิเศษในการเดินตามความฝันมาโดยตลอด เพราะหลังจากจบการศึกษาจากสถาบันการทหาร (AKABRI)ในปี ๒๕๑๗ ได้ไม่นานนัก ปราโบโวได้เข้าเป็นทหารในกองทัพบกอินโดนีเซียเพียง ๒ ปีต่อมา ปราโบโวได้รับเลือกให้อยู่ในกองกำลังพิเศษ ก่อนจะได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการกองกำลังพิเศษ Kostrad ที่มีกำลังพล ๒๗,๐๐๐ ราย เมื่อปี ๒๕๔๑ ระหว่างเขาเป็นทหารในกองทัพนานถึง ๒๘ ปี ปราโบโวมีผลงานทั้งด้านขาวและด้านดำ กระทั่งถูกปลดประจำจากกองทัพอย่างไม่สมศักดิ์ศรี หลังการปกครองในยุคระเบียบใหม่ของซูฮาร์โตล่มสลายในปี ๒๕๔๑ปราโบโว ขณะดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองกำลังพิเศษ ถูกกล่าวหามีส่วนเกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนในปาปัว และติมอร์ตะวันออก รวมทั้งการลักพาตัวนักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยที่ต่อต้านซูฮาร์โตระหว่างปี ๒๕๔๐-๒๕๔๑ จนสูญหายหลายคน แต่ปราโบโวได้ปฏิเสธข้อกล่าวหามาโดยตลอดเพียงสองเดือนหลังจาก ซูฮาร์โตถูกพลังประชาชนออกมาประท้วงขับไล่จนต้องยอมลงจากตำแหน่ง หลังจากเป็นประธานาธิบดีอินโดนีเซียยาวนานถึง ๓๒ ปีในปี ๒๕๔๑ และในเดือนสิงหาคมปีนั้น ปราโบโว ก็ถูกปลดออกจากตำแหน่ง ยุติอาชีพทหาร และลี้ภัยตัวเองไปอยู่ในจอร์แดน ปราโบโวและนายทหารอีกหลายคนถูกรัฐบาลสหรัฐฯ ห้ามเดินทางเข้าประเทศด้วยข้อกล่าวหาละเมิดสิทธิมนุษยชนในติมอร์ตะวันออก จนกระทั่งรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ยกเลิกแบล็กลิสต์ให้แก่ปราโบโวในปี ๒๕๖๕ ในขณะที่เขาดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกลาโหมของอินโดนีเซียในรัฐบาลประธานาธิบดีโจโก วิโดโด และเดินทางไปเยือนสหรัฐฯ ปราโบโว ซูเบียนโต และ ยิบราน รากาบูมิงแต่งงานกับลูกสาวอดีต ปธน.ซูฮาร์โตปราโบโวแต่งงานกับ Siti Hediati Hariyadi บุตรสาวของซูฮาร์โต ในปี ๒๕๒๖ และมีบุตรชายด้วยกัน ๑ คน แต่ทั้งสองได้จดทะเบียนหย่ากันทันทีหลังจากอดีตประธานาธิบดีซูฮาร์โตถูกพลังประชาชนขับไล่ออกจากตำแหน่งเมื่อปี ๒๕๔๑ จึงทำให้เชื่อกันว่าการหย่าของปราโบโวกับภรรยา เป็นการหย่ากันทางนิตินัยเท่านั้นจากนั้น ปราโบโวได้ลี้ภัยตัวเองไปอยู่ในประเทศจอร์แดนหลายปี ก่อนจะกลับมาอินโดนีเซียในปี ๒๕๕๔ และก้าวเดินตามรอยพี่ชาย ด้วยการทำธุรกิจ ตั้งบริษัทผลิตเยื่อกระดาษและกระดาษพิมพ์ บริษัทพลังงาน Nusantara Energy และต่อมา ได้ตั้งกลุ่มบริษัท Nusantara Group (นูซันตารา กรุ๊ป) ซึ่งมีบริษัทลูกหลายบริษัทที่ทำธุรกิจหลายอย่าง ทั้งน้ำมันปาล์ม ถ่านหินและก๊าซ เหมืองแร่ อุตสาหกรรมเกษตรและประมง ใช้พลังโซเชียลในการหาเสียงสื่อสารกับคนรุ่นใหม่ก้าวสู่เส้นทางการเมืองถึงแม้ปราโบโวจะโชคดีในการทำธุรกิจ แต่เขากลับไม่ประสบความสำเร็จในการได้เป็นตัวแทนของพรรคโกลคาร์ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี ๒๕๔๗ ทำให้ ๔ ปีต่อมา เขาร่วมก่อตั้งพรรคเกอรินดราในขณะที่ปราโบโวได้รับเลือกให้ลงสมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี คู่กับประธานาธิบดี เมกาวตี ซูการ์โนบุตรี บุตรสาวของอดีตประธานาธิบดีซูการ์โน จากพรรคประชาธิปไตยอินโดนีเซียของการต่อสู้ (PDI-P) ที่สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัยในการเลือกตั้ง ปี ๒๕๕๒ แต่ต้องพบกับความพ่ายแพ้จากนั้น ปราโบโว ได้รับเลือกให้เป็นประธานพรรคเกอรินดรา ในปี ๒๕๕๗ ปราโบโว ซูเบียนโต และยิบราน รากาบูมิง’ คู่ลงสมัครชิงรองประธานาธิบดี ออกมาประกาศชัยชนะหลังผลการนับคะแนนแบบ Quick Count ออกมาว่าปราโบโว ได้คะแนนนำอันดับหนึ่ง ทิ้งห่างสองผู้สมัครคนสำคัญอย่างมีนัยสำคัญนักการเมืองรวยสุดที่ลงชิงตำแหน่ง ปธน.ปราโบโว เป็นนักการเมืองที่มีฐานะร่ำรวยที่สุดในบรรดาผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี ๒๕๖๗ โดยมีการคาดประมาณทรัพย์สินเมื่อ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๖ ว่า เขาครอบครองทรัพย์สินเป็นมูลค่ามหาศาลถึง ๒ ล้านล้านรูเปียห์ หรือประมาณ ๑๒๘ ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว ๔,๖๐๐ ล้านบาท คิดในอัตราแลกเปลี่ยน ๑ ดอลลาร์ เท่ากับ ๓๖ บาท)จากอดีตผู้บัญชาการกองกำลังพิเศษ ปราโบโวได้เปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ของตัวเองให้ดูมีความน่ารัก เป็นผู้ใหญ่ใจดี มีความนุ่มนวลขึ้น นับตั้งแต่ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมคนปัจจุบันในรัฐบาลโจโกวีนักวิเคราะห์การเมืองมีความเห็นว่า ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ปราโบโวได้ปรับภาพลักษณ์ของตัวเองให้เป็นรัฐบุรุษที่มีเสน่ห์ มีความน่ารักน่าชื่นชม เป็นผู้ใหญ่ใจดี ใช่ผู้นำที่ดูดุดันและมีความคิดชาตินิยมที่เคร่งศาสนาเหมือนก่อน โดยเฉพาะการใช้สื่อโซเชียลอย่าง TikTok และการ์ตูน ปรับภาพลักษณ์ให้เป็น ‘คุณปู่ผู้น่ารัก’เพื่อหวังครองใจเยาวชนอินโดนีเซีย ในยุค Gen Z ซึ่งถือเป็นกลุ่มประชากรกลุ่มใหญ่ที่มีสิทธิ์ในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งในครั้งนี้กระทั่งในที่สุด จากผลการนับคะแนนเลือกตั้ง แบบ Quick Count ออกมาว่า ปราโบโว ได้คะแนนเสียงนำเป็นอันดับหนึ่ง ทิ้งห่าง ‘อานีส บาสเวดัน’ อดีตผู้ว่าการกรุงจาการ์ตา และ ‘กันจาร์ ปราโนโว’ อดีตผู้ว่าการจังหวัดชวากลาง จากพรรครัฐบาล PDI-P ไปแบบขาดลอย ทำให้ปราโบโว และ ‘ยิบราน รากาบูมิง’ คู่ชิงรองประธานาธิบดีของเขา ซึ่งเป็นบุตรชายของประธานาธิบดีวิโดโดออกมาประกาศชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้และทำให้ความฝันของปราโบโว ที่จะได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของอินโดนีเซียอยู่ใกล้จนสามารถจะเอื้อมถึงในไม่ช้าผู้เขียน: อรัญญา ศรีจันทรนิตย์ที่มา :thejakartapost,reuters
เปิดประวัติ 'ปราโบโว ซูเบียนโต' ว่าที่ ปธน.คนใหม่อินโดนีเซีย
Related posts