Thursday, 19 December 2024

อดีต ผบก.เมืองชล เข้ารับข้อหาเพิ่ม คดี "เป้รักผู้การเท่าไหร่" รีดเงิน ๑๔๐ ล้าน

คดี “เป้รักผู้การ” คืบไปอีกก้าว อดีตผู้การชลบุรีเข้ารับทราบข้อหาเพิ่มเติมในความผิดมาตรา ๗ พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ ยังให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ขอทำเอกสารชี้แจงข้อกล่าวหาภายใน ๑๕ วัน ส่วน “บอย พัทยา” และลูกน้องย่องเข้ารับทราบข้อหาเพิ่มเติมเช่นกัน “รองอธิบดีอัยการ” ผู้ควบคุมคดีเผย เตรียมสรุปสำนวนและมีความเห็นสั่งฟ้องคดีภายในวันที่ ๑๑ เมษายนนี้ ก่อนจะส่งสำนวนไปยังสำนักงานอัยการปราบปรามการทุจริตที่ห้องประชุมอมรวิวัฒน์ อาคารกองบังคับการกฎหมายและคดี กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค ๑ (กองบัญชาการตำรวจภูธร๑) เมื่อเวลา ๐๙.๐๐ น. วันที่ ๑๖ ก.พ. นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ ในฐานะหัวหน้าชุดคณะทำงานตรวจสอบหรือกำกับการสอบสวน พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผช.ผบ.ตร. พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผบช.ภ.๑ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.ประจำ สนง.ผบ.ตร. พล.ต.ท.กิติศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ ผบช.ภ.๖ พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.๑ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ รอง ผบช.ภ.๑ เข้าร่วมประชุมพร้อมชุดคณะทำงานตรวจสอบหรือกำกับการสอบสวนในคดี พล.ต.ต.กัมพล ลีลาประภาภรณ์ อดีต ผบก.ภ.จ.ชลบุรี กับพวก มีตำรวจและพลเรือน รวม ๓๓ คน แยกเป็นตำรวจ ๒๐ นาย และพลเรือน ๑๓ คน ในคดีร่วมรีดไถเงินเครือข่ายเว็บพนัน ๑๔๐ ล้านบาทต่อมาเวลา ๑๐.๐๐ น. พล.ต.ต.กัมพล ลีลาประภาภรณ์ อดีต ผบก.ภ.จ.ชลบุรี เข้ารับทราบข้อหาเพิ่มเติมตามเวลานัดหมายกับคณะพนักงานสอบสวนในความผิดตาม พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายฯ และความผิดเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จากคดีรีดทรัพย์เจ้าของเว็บพนัน ๑๔๐ ล้านบาท หรือคดี “เป้รักผู้การ” หลังได้ขอเลื่อนมาจากเมื่อวันที่ ๑๒-๑๓ ก.พ. ทันทีที่ พล.ต.ต.กัมพลเดินทางมาถึงได้เข้าทางประตูด้านหลังอาคาร เพื่อหลบกองทัพสื่อมวลชนที่มาปักหลักรอรายงานข่าว มีนายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ และ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผช.ผบ.ตร. ร่วมฟังการสอบสวนประมาณ ๑๕ นาที ก่อนเดินออกจากห้องพนักงานสอบสวนไปเข้าร่วมประชุมต่อกับคณะทำงาน ทั้งนี้ ชุดพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำ พล.ต.ต.กัมพลอย่างละเอียด ใช้เวลากว่า ๒ ชั่วโมงพล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผช.ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน เปิดเผยก่อนเข้าประชุมว่า ยังมีผู้ต้องหาที่ยังไม่เข้ารับทราบข้อหาอีก ๔ คน ในจำนวนนี้มี ๓ คนเลื่อนจากก่อนหน้ามาเป็นวันนี้ คือ พล.ต.ต.กัมพล อดีตผู้การชลบุรี กับนายบอย พัทยา และลูกน้องนายบอยอีก ๑ คน ได้นัดหมายทั้งหมดให้มาให้ปากคำในวันนี้เวลาประมาณ ๑๔.๐๐ น. หากภายใน ๑๖.๐๐ น. ผู้ต้องหาที่เหลือไม่เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนจะดำเนินการออกหมายจับต่อไปด้านนายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน หัวหน้าชุดคณะทำงานตรวจสอบหรือกำกับการสอบสวน กล่าวว่า วันนี้คณะทำงานทั้งฝ่ายตำรวจและอัยการ จะประชุมใหญ่สรุปการแจ้งข้อหาผู้ต้องหาทุกคน และประชุมแนวทางการสรุปสำนวนว่าเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหารายใดบ้าง หรือไม่ฟ้องอย่างไร และจะสรุปสำนวนแล้วเสร็จเมื่อไหร่ อย่างไร คาดว่าจะสามารถสรุปสำนวนได้เร็วกว่ากำหนดการเดิม ๖๐ วัน ที่คาดการณ์ไว้ตอนแรกผู้สื่อข่าวถามว่าผู้ต้องหาบางส่วนยื่นร้องขอความเป็นธรรมมาจะพิจารณาอย่างไร นายวัชรินทร์บอกว่าคณะทำงานชุดนี้มี พล.ต.ท.อัคราเดชเป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน ร่วมกับคณะทำงานของอัยการ ถือเป็นคณะทำงานที่ให้ความเป็นธรรมเต็มที่กับทั้งผู้ต้องหาและผู้เสียหาย ไม่ได้รับฟังพยานหลักฐานแต่เพียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ผู้ต้องหาสามารถยื่นพยานหลักฐานเข้ามาได้ทั้งหมดหากเป็นพยานหลักฐานที่เป็นประโยชน์ต่อคดี แต่หากเป็นการยื่นขอความเป็นธรรมในประเด็นเดิม หรือไม่มีประเด็นสำคัญ เช่น การอ้างว่าผู้ต้องหาคดีนี้เป็นข้าราชการ คณะทำงานชุดนี้ไม่มีอำนาจการสอบสวน แต่เป็นอำนาจของ ป.ป.ช. จริงๆแล้ว แม้จะมีความผิดเกี่ยวกับเจ้าพนักงาน แต่หากมีความผิดตาม พระราชบัญญัติอุ้มหายฯ พนักงานสอบสวนสามารถดำเนินการต่อไปได้ เพียงแต่ต้องแจ้งให้ ป.ป.ช.ทราบนายวัชรินร์กล่าวต่อว่า ประเด็นลักษณะนี้เป็นการตีความข้อกฎหมายที่คณะทำงานพิจารณาได้ ไม่มีประเด็นให้ต้องสอบสวนเพิ่ม หากอ้างพยานหลักฐานอื่น เอกสารอื่นเข้ามา คณะทำงานยินดีที่จะรับฟัง ยกตัวอย่างเช่น กรณีตำรวจไซเบอร์ ๒ นายที่ตกเป็นผู้ต้องหาความผิดเกี่ยวกับเจ้าพนักงานจากคดีนี้ แต่ไม่ได้ถูกแจ้งข้อหาตาม พระราชบัญญัติอุ้มหายฯ เพราะทั้ง ๒ นายไม่ได้เดินทางไปที่ จ.ชลบุรี คณะทำงานได้ออกหมายเรียกไปเพราะมีความจำเป็นต้องแจ้งรายละเอียดข้อเท็จจริงเพิ่มเติมในบางประเด็นให้ครบถ้วน ตำรวจไซเบอร์ทั้ง ๒ นายมาให้การตามนัด ชี้แจงข้อเท็จจริงเพิ่มเติมและยื่นพยานเอกสารเพิ่มเติมให้คณะทำงานด้วย คณะทำงานรับไว้พิจารณาภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมที่ใช้เวลาประมาณ ๓ ชั่วโมง พล.ต.ท.อัคราเดช ออกมาให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า เมื่อช่วงเช้า พล.ต.ต.กัมพล ลีลาประภาภรณ์ อดีต ผบก.ภ.จ.ชลบุรี ได้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมในความผิดมาตรา ๗ พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ เรียบร้อยแล้ว และในช่วงบ่ายวันนี้จะมีพลเรือน ๒ คน คือ นายบอย พัทยา และลูกน้องเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ส่วนผู้ต้องหาที่เป็นพลเรือนอีกรายคือ นายต้น ตัวการผู้สนับสนุนให้กระทำความผิดทั้งหมด ทั้งการเรียกรับ การกักขังหน่วงเหนี่ยว หรือการวางแผนต่างๆ คาดว่าได้หลบหนีไปแล้ว จะให้เจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมต่อไป ผู้ต้องหาในคดีนี้ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาความผิดตาม พระราชบัญญัติอุ้มหายฯ มีทั้งหมด ๓๓ ราย เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาแล้วทั้งหมด ๓๐ รายขณะที่นายวัชรินทร์กล่าวเพิ่มเติมว่า พล.ต.ต.กัมพลให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และจะจัดทำเอกสารหลักฐานชี้แจงข้อกล่าวหา ทั้งในความผิดเกี่ยวกับตำแหน่งหน้าที่ และความผิดตาม พระราชบัญญัติอุ้มหายฯ มามอบให้พนักงานสอบสวนอีกครั้งภายใน ๑๕ วัน ถือเป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหาทุกคน ยืนยันจะไม่ทำให้สำนวนในคดีนี้ช้าลง เพราะคณะพนักงานสอบสวนได้แบ่งกลุ่มการตรวจสอบเกี่ยวกับการกระทำผิดแต่ละส่วนชัดเจน ทำให้การดำเนินการในส่วนของสำนวนมีความรวดเร็วขึ้นมาก ตั้งเป้าว่าให้พนักงานสอบสวนสรุปสำนวนและมีความเห็นสั่งฟ้องในคดีภายในวันที่ ๑๑ เมษายนนี้ ก่อนจะส่งสำนวนไปยังสำนักงานอัยการปราบปรามการทุจริตเพื่อพิจารณาต่อไปต่อมาเวลา ๑๔.๐๐ น. นายวีระ นาทรัพย์ หรือบอย พัทยา พร้อมทนายความเดินทางเข้าให้ปากคำตามเวลาที่นัดหมายกับชุดพนักงานสอบสวน เพื่อให้ปากคำในคดี ๑๔๐ ล้าน ในความผิดตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายฯ มีนายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ ในฐานะหัวหน้าชุดคณะทำงานตรวจสอบหรือกำกับการสอบสวน และ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผช.ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน ร่วมฟังการสอบสวนใช้เวลากว่า ๑ ชั่วโมงหลังเสร็จสิ้นการสอบปากคำ นายบอย พัทยา ออกมาเปิดใจกับผู้สื่อข่าวด้วยอาการน้ำตาคลอเบ้าว่า เรื่องนี้ยืนยันตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือเคยกักขังหน่วงเหนี่ยวใคร ที่ผ่านมาตนถูกคณะทำงานในคดีชุดแรกกดดันและชี้นำให้พูดในสิ่งที่ชี้นำไว้ ตนไม่สามารถพูดความจริงหรือความในใจได้ และชี้นำให้พาดพิงไปถึงบุคคลอื่นด้วยเช่นกัน ที่ผ่านมาเคยร้องขอความเป็นธรรมไปแล้ว แต่ไม่เคยมีโอกาสได้ชี้แจงถึงประเด็นต่างๆที่เกิดขึ้น วันนี้รู้สึกดีใจที่ได้ออกมาพูดถึงประเด็นที่เกิดขึ้น ในส่วนของคณะชุดทำงานใหม่ไม่รู้สึกถูกกดดันหรือข่มขู่แต่อย่างใด และเชื่อมั่นในพยานหลักฐานที่มี ในอีก ๑๕ วัน จะนำมายื่นให้กับคณะพนักงานสอบสวน“ผมยอมรับว่ารู้จักกับอดีตผู้การ จ.ชลบุรี แต่ไม่สนิทเป็นผู้ใหญ่ที่เคารพ เจอกันตามงานสังคม ส่วนประเด็นนายเป้ เพิ่งมารู้จักกัน ได้พูดคุยกันบ้าง นายเป้เป็นรุ่นพี่ที่น่ารัก รู้แค่เพียงว่านายเป้ทำธุรกิจเกี่ยวกับอะไรเพียงเท่านั้น ส่วนนายต้น ยืนยันว่ารู้จักในที่เกิดเหตุ ก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน” นายบอยกล่าวอ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่