ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้เป็นฉากทัศน์การเมืองใหม่ เมื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ได้รับการ “พักโทษ” พ้นจากการ ถูกจองจำ แม้จะเหลือโทษอยู่อีก ๖ เดือนก็ตามเท่ากับเป็นการ “ฟอกขาว” ไม่มีมลทินติดตัว สามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ หากไม่ไปละเมิดข้อห้ามคงจะออกจากชั้น ๑๔ รพ.ตำรวจสู่บ้านพักจันทร์ส่องหล้า ซึ่งเป็นที่พำนักในอ้อมกอดของครอบครัว หลังจากหลบหนีไปอยู่ต่างประเทศเสีย ๑๗ ปีวงจรชีวิตมันก็เป็นอย่างนี้ ไม่มีอะไรแน่นอนความแน่นอนคือความไม่แน่นอนใครจะไปคิดว่าคนที่ร่ำรวยมหาศาล อยู่บนอำนาจการเมืองสูงสุดจะต้องระเห็จไปอยู่เมืองนอกเมืองนาโดยไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไรแต่ถึงเวลาหนึ่งได้กลับมาอยู่ในจุดเดิมที่มีอำนาจบารมีอย่างไม่เป็นทางการ แต่สภาพความเป็นจริงเขายืนอยู่ในจุดนั้นในฐานะผู้มากบารมีที่มีอำนาจผ่านทางรัฐบาล และ “เพื่อไทย” ซึ่งเป็น พรรคการเมืองของเขาเอง ถือเป็นพลัง ค้ำยันที่สำคัญก่อนที่จะคืนกลับมาสู่สภาพเช่นนี้ได้อีกครั้งก็ต้องมีพันธกิจที่จะต้องปฏิบัติ ตามเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้เพราะทุกอย่างไม่มีอะไรที่ได้มาฟรีๆแต่ละยุคแต่ละสมัยในทางการเมืองนั้นมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน เขาเคย เป็นนายกรัฐมนตรีในยุคสมัยหนึ่งที่มีอำนาจและได้รับการยอมรับจากประชาชนกินยาวมาถึงทุกวันนี้!ในความรับผิดชอบในครั้งนั้นก็เพียง เพื่อให้พรรคการเมืองของเขาชนะการเลือกตั้ง กุมอำนาจการเมืองเอาไว้ในมือทว่าวิถีใหม่จากนี้ไปเขาจะต้องรับผิดชอบในระดับที่สูงขึ้นคือ ทุกองคา พยพของประเทศไทย ดังนั้น การทำทุกสิ่งทุกอย่างจึงมีข้อจำกัดในตัวของมันเองพูดง่ายๆว่าไม่สามารถเอาใจตัวเอง เป็นที่ตั้งได้นี่ถือเป็นภารกิจสำคัญและสูงสุดในชีวิตอีกส่วนหนึ่งสำหรับชีวิตครอบครัวที่ได้วางฐานทางการเมืองเอาไว้ค้ำจุนคือ “เพื่อไทย” โดยให้ลูกสาวคนเล็กเป็นหัวหน้าพรรคโดยแบ่งเป็น ๒ ส่วนสำคัญ๑. “อุ๊งอิ๊งค์” คุมพรรค๒. “เศรษฐา ทวีสิน” คุมทำเนียบโดยวางกำหนดไทม์ไลน์เอาไว้คือ ให้รัฐบาลชุดนี้อยู่ครบเทอม ๔ ปี หลังจากนั้นเป็นคิวของ “อุ๊งอิ๊งค์” ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีเป็นแผนงานที่วางไว้ นอกจากจะเกิด “อุบัติเหตุ” บางอย่างค่อยว่ากันใหม่แน่นอนว่า สิ่งที่สำคัญเพื่อให้บรรลุเป้าหมายก็คือ การผลักดันให้รัฐบาลชุดนี้สามารถบริหารประเทศไปให้ถึงจุดนั้นให้ได้ด้วยการสร้างผลงานให้ได้รับการยอมรับเพราะคู่แข่งการเมืองที่ชัดเจนในเวลานี้คือ “ก้าวไกล” พรรคของคนรุ่นใหม่ที่มาแรงและมีวิธีการต่อสู้ที่ต่างจากพรรคการเมืองเก่าๆเพียงแต่ว่าเมื่อมี “จุดแข็ง” ก็ต้องมี “จุดอ่อน”วันนี้ “ก้าวไกล” กำลังถูกสังคมมองว่ามีพฤติกรรม “คาบลูกคาบดอก” อันเกี่ยวกับ “สถาบัน” ที่อาจจะทำให้พรรคนี้ไปไม่ถึงฝั่งฝันก็เป็นได้กอปรกับเชิงยุทธ์ที่มากด้วยประสบการณ์ของ “ทักษิณ” ยิ่งจะทำให้ “ก้าวไกล” ต้องเจอคู่ต่อสู้ที่ยากจะประมือได้ง่ายๆกว่าจะถึงเวลาอีก ๔ ปีข้างหน้า ทั้งสองฝ่ายจึงต้องคิดกลยุทธ์และวิธีการเพื่อเอาแพ้-ชนะกันอย่างเต็มที่ที่สุดแล้วประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน!“ลิขิต จงสกุล”คลิกอ่านคอลัมน์ “สับรางวันอาทิตย์” เพิ่มเติม
Related posts