ชาวจีนโบราณมีความเชื่อเกี่ยวกับ สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ๔ ชนิด คือ กิเลน หงส์ เต่า มังกร โดยเชื่อว่า “มังกร” เป็นสัตว์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ซึ่งมังกรจีนหรือที่ชาวจีนเรียกกันว่า “เล้ง–เล่ง–หลง–หลุง” จะมีความแตกต่างกันไปตามลักษณะของการออกเสียงของในแต่ละท้องถิ่นทว่า… “ชาวจีน” ถือว่ามังกรนั้นเป็นสัญลักษณ์ของพลัง อำนาจ ความยิ่งใหญ่ และเพศชาย เนื่องจากมังกรจีนเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์…เป็นสัตว์แห่งเทพเจ้าในสรวงสวรรค์และเป็นตัวแทนของจักรพรรดิว่ากันด้วยเรื่องลักษณะมังกรจีน…เป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ลักษณะหัวคล้ายอูฐ มีเขาคล้ายเขากวาง ดวงตาคล้ายดวงตากระต่ายป่าหูคล้ายหูวัว ปีกคล้ายนกอินทรี มีลำคอยาวคล้ายงู ช่วงท้องมีลักษณะคล้ายกบหรือหอยกาบ และเกล็ดเหมือนของปลาคาร์ป รูปร่างคล้ายกับปลาตัวใหญ่ เท้าคล้ายกับเท้าเสือเสียงร้องคล้ายเสียงตีฆ้อง เมื่อหายใจลมหายใจมีลักษณะคล้ายเมฆ ซึ่งบางครั้งก็ออกมาเป็นฝน บางครั้งก็เป็นเปลวไฟ“มังกรจีน” มีเขี้ยวขนาดใหญ่หนึ่งคู่อยู่ที่ขากรรไกรบน มีหนวดยาวลักษณะเหมือนไม้เลื้อย และมีแผงคอเหมือนของสิงโตอยู่บนคอ…คาง…ข้อศอก มีเกล็ด ๑๑๗ แผ่น แบ่งออกเป็น “หยิน” และ “หยาง”โดย ๘๑ แผ่นเป็นหยางมีความดี… ๓๖ แผ่นเป็นหยินมีความชั่ว เขาสันหลังทอดยาวไปตามหลังและหางเป็นหนามยาวและสั้นสลับกัน มีโหนกอยู่บนหัวไว้สำหรับบิน แต่ถ้าเขาไม่มีโหนก มังกรก็จะกำคทาเล็กๆไว้ใช้ในการบินแทน…นอกจากนี้แล้วสีของมังกรจีนก็มีหลายสี ตั้งแต่แกมเขียวจนถึงทอง หรือบางแหล่งก็ว่ามังกรจีนมีสีน้ำเงิน ดำ ขาว แดง เขียว หรือเหลืองว่ากันว่า…“มังกรจีน” ในตำนานมีอิทธิฤทธิ์ สามารถทำตัวเองให้ใหญ่เท่ากับจักรวาลหรือให้เล็กเท่ากับหนอนไหม นอกจากนี้ยังมีนิสัยเมตตากรุณา เป็นมิตร ทะเยอทะยาน และมองโลกในแง่ดี ที่สำคัญ…มังกรจีนยังฉลาดมีปัญญามาก มีความเด็ดขาด และมีพลัง จึงถูกยกย่องให้เป็นที่ปรึกษาของผู้นำสำหรับการนำสัญลักษณ์มังกรมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นรูปวาด รูปปั้น หรือประดับตามข้าวของเครื่องใช้ หากเป็นของจักรพรรดิ มังกรจะมี ๕ เล็บ…ของขุนนางจะมี ๔ เล็บ…ถ้าสามัญชนจะมี ๓ เล็บเท่านั้น๐ ๐ ๐ ๐ ศรัทธา “เหรียญมังกรทอง” ปลุกเสกที่วัดเล่งเน่ยยี่ เพื่อเป็นสิริมงคลและเตือนสติไม่ให้ประมาทในโอกาสเทศกาลตรุษจีน บรรจุในซองสีแดง มีข้อความภาษาจีน “อู่ฝู ฉางโช่ว ฟู้กุ้ย คังหนิง ฮ่าวเต๋อ ฮั่นจง” และข้อความภาษาไทย “ประทานทรัพย์ โชคลาภ สุขภาพ ร่ำรวย การงานมั่นคง การเงินมั่งคั่ง”สำหรับคนปีมะโรง เกิด พ.ศ.๒๔๗๑, ๒๔๘๓, ๒๔๙๕, ๒๕๐๗, ๒๕๑๙, ๒๕๓๑, ๒๕๔๓, ๒๕๕๕, ๒๕๖๗, ๒๕๗๙, ๒๕๙๑ “มูลนิธิเมาไม่ขับ”…แจกให้ประชาชนในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ผ่านมา ไม่มีการเช่าหาแต่อย่างใด“มังกรทอง” หรือ “พญามังกร” เป็นมังกร ๔ ตัว ซึ่งปกครองอยู่เหนือทะเลทั้ง ๔ คือ ทะเล ตะวันออก (ตัง), ใต้ (น้ำ), ตะวันตก (ไซ) และเหนือ (ปัก) กล่าวกันว่าพญามังกรนั้นอาศัยอยู่ในปราสาทมหาสมุทรหรูหรา…วังใต้ทะเลและกินไข่มุกเจียงตู หรือไข่มุกและโอปอลเป็นอาหารพญามังกรทั้งสี่เป็นพี่น้องกัน แต่บางแหล่งข้อมูลก็บอกว่า มังกร ๔ ตัวนี้ มีผู้ควบคุมชื่อว่า “ฉินแท็ง” เป็นมังกรที่มีสีแดงเลือด มีแผงคอเป็นไฟยาว ๙๐๐ ฟุตย้ำว่า “มังกร”… เป็นสัตว์อมตะ แถมยังมีอิทธิฤทธิ์มาก เนื่องจากมีลูกแก้ววิเศษอยู่ในปาก ทำให้สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ หรือจะเดินดิน ดำน้ำก็ได้เช่นกัน นอกจากนี้แล้วยังสามารถล่องหนหายตัว แปลงกายเล็กใหญ่ได้ตามใจ ทั้งยังเป็นพาหนะของ “เจ้าแม่กวนอิม” อีกด้วย…ชาวจีนจึงยกย่องให้เป็นเทพเจ้าองค์หนึ่ง๐ ๐ ๐ ๐ “มังกร” จากความเชื่อในตำนานสู่สัญลักษณ์มงคล พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สวรรควรนายก สุโขทัย เผยแพร่ไว้ว่า คำว่า “มังกร” ภาษาจีนอ่านว่า “หลง” เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะสัตว์วิเศษในตำนานและวรรณกรรมของโลกตะวันออกและโลกตะวันตก หากแต่มีลักษณะแตกต่างกันไปตามความเชื่อของแต่ละชนชาติโดยมังกรปรากฏเด่นชัดในดินแดนแถบเอเชียตะวันออก ได้แก่ จีน เกาหลี ญี่ปุ่น โดยเฉพาะในวัฒนธรรมจีนให้ความสำคัญกับมังกรจนถึงกับยกย่องเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติเลยทีเดียว“มังกร” ที่พบในตำนานของทางยุโรปและของทางเอเชียแตกต่างกันทั้งในแง่ของลักษณะและสัญลักษณ์ โดยลักษณะของมังกรในดินแดนเอเชียตะวันออกเป็นสัตว์ผสมจากสัตว์ ๙ ชนิด จัดอยู่ในประเภทสัตว์เลื้อยคลานหรืองู ไม่มีปีกแต่สามารถบินไปในอากาศได้ ขณะที่มังกรทางยุโรปจะมีขา มีปีก สามารถพ่นไฟได้ในแง่สัญลักษณ์ในคติความเชื่อของจีนซึ่งแผ่ขยายไปยังวัฒนธรรมเกาหลีและญี่ปุ่นด้วยนั้น จะถือว่ามังกรเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่เกี่ยวข้องกับฟ้าฝนและแหล่งน้ำ มีสถานะเป็นเทพเจ้ารวมถึงเป็นสัญลักษณ์ของ “จักรพรรดิ” ซึ่งเป็นสมมติเทพ ดังจะเห็นได้จากการสงวนให้มังกร ๕ เล็บ ใช้ประดับตกแต่งบนข้าวของเครื่องใช้ของ จักรพรรดิและรัชทายาทลำดับที่ ๑–๒ เท่านั้น สำหรับรัชทายาทในลำดับถัดมาหรือขุนนางในระดับต่างๆจะจำแนกด้วยการประดับมังกรที่มีรายละเอียดแตกต่างกันนอกจากนี้มังกรยังถูกกำหนดให้เป็นสัตว์ประจำทิศตะวันออกใน “ศาสตร์ฮวงจุ้ย” อีกด้วย ขณะที่ตำนานทางยุโรปจะถือมังกรเป็นสัตว์อันตรายและน่าสะพรึงกลัวสำหรับมนุษย์ เป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้ายซึ่งเป็นคติที่สืบมาจากความหวาดกลัวงูของชาวยุโรปและยังเป็นศัตรูตัวฉกาจของเหล่า วีรบุรุษ ผู้ใดสามารถสังหารมังกรได้จะได้รับการยอมรับและขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์ เหตุนี้มังกรจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของกษัตริย์ทั้งที่มีตัวตนจริงและกษัตริย์ในตำนานจากความเชื่อในวัฒนธรรมจีน มังกรจึงติดตัวชาวจีนไปทุกหนทุกแห่งและได้แผ่ขยายความเชื่อไปยังดินแดนที่ไปถึง โดยปรากฏในงานศิลปกรรมจีนทุกแขนง ไม่ว่าจะเป็นจิตรกรรม สถาปัตยกรรม ประติมากรรมหรือ…แม้แต่ของใช้อย่างเครื่องถ้วยก็ตาม ซึ่งนอกจากจะใช้ในชีวิตประจำวันแล้วยังใช้เป็น เครื่องประดับตกแต่งอาคารสถานที่เพื่อเสริมบารมีและความเป็นสิริมงคลให้กับเจ้าของและผู้อยู่อาศัยเช่นกัน“ศรัทธา” นำมาซึ่ง “ปาฏิหาริย์” เชื่อไม่เชื่ออย่างไรโปรดอย่าได้ “ลบหลู่”.รัก-ยมคลิกอ่านคอลัมน์ “เหนือฟ้าใต้บาดาล” เพิ่มเติม
Related posts