Thursday, 19 September 2024

นิก เดอะสตาร์ รักทำชีวิตพัง แฟนมีกิ๊กเป็นคนใกล้ตัวที่ยกมือไหว้มา ๑๐ ปี

เรียกว่าเจอมรสุมชีวิตลูกใหญ่ไม่น้อย สำหรับนักร้องหนุ่ม นิก เดอะสตาร์  หรือ นิก รณวีร์ ที่ล่าสุด เจ้าตัวมานั่งเปิดใจเล่าเรื่องราวชีวิตในรายการ SING WITH ME ร้องกับซี ให้ฟังแบบหมดเปลือกกับหลายเรื่องที่ไม่เคยมีใครรู้ ซึ่งนิกเล่าว่า“เพลงเธอคือหัวใจของฉัน น่าจะ ๑๘ ปีแล้ว ทุกวันนี้ก็ยังหากินกับเพลงนี้อยู่ เพลงนี้แต่งเองกับเพื่อนคนนึง ถามว่าทำไมมีสกิลการแต่งเพลง เพราะว่าคุณพ่อเป็นครูสอนดนตรี เราเติบโตขึ้นมาโดยเห็นพ่อเล่นดนตรีกลางคืน และสอนหนังตอนกลางวัน (ครูพลศึกษา) ก็จะดูว่าพ่อร้องเพลงยังไง เล่นดนตรียังไง พ่อก็สอนมาตั้งแต่เด็ก จริงๆ ตอนเด็ก อยากเป็นตลก (หัวเราะ) ผมเคยเข้ามากรุงเทพฯ และไปพระราม ๙ พลาซ่า เห็นพี่ๆ ตลกเดินมาโคตรเท่เลย ส่วนการเป็นนักร้องเป็นภาพที่เราเห็นจนชินชาสำหรับเส้นทาง The Star คือตอนเรียน ม.ปลาย เราเริ่มมีเพื่อนที่เริ่มเกเร พ่อเลยคิดว่าน่าจะไม่รอดถ้ายังใช้ชีวิตแบบนี้อยู่ เลยมีกุศโลบายว่าไหนลองประกวด The Star ให้ดูสิ ถ้าเก่งจริงต้องชนะ เราที่หนึ่งจังหวัดแต่ไม่เคยประกวดร้องเพลงมาเลย The Star เวทีแรกเลย ก็ไปนั่งรอแบบไม่วอร์มด้วยนะ พอถึงคิวก็เข้าไปร้อง ร้องแค่ ๓๐ วินาทีแล้วออกมาเลย ก็คิดในใจนะว่าหรือตกรอบ ทีมงานก็บอกว่าพรุ่งนี้ให้มาใหม่พอเข้ารอบและมาเรื่อยๆ (รองแชมป์ เดอะสตาร์ ๒) จนมีเพลงเธอคือหัวใจของฉัน เอามาเสนอแกรมมี่ เขาบอกยังไม่ดีให้กลับไปแต่งใหม่ จริงๆ ก็ไม่ได้เปลี่ยนนะ อันเดิม (หัวเราะ) แต่อาจจะมีเนื้อฮุกที่ไม่เหมือนกัน เปลี่ยนประโยคเดียว แล้วผมก็มีอัลบั้มเดี่ยว โดนดราม่าอีก เป็นที่ ๒ แต่ได้ออกอัลบั้มก่อน ถามว่าเหตุผลที่ทำให้หลง เหลิง อย่างที่เคยบอกว่าตอนอยู่มหาสารคาม พ่อแม่เลี้ยงอยู่ในกรอบตลอด พอมาอยู่กรุงเทพฯ ต้องดูแลตัวเอง เงินต้องบริหารเอง ความสามารถของเราก็มีขนาดนี้ เรานี่แหละเป็นคนดูแลตัวเอง จะรู้ว่าผมเก่งแค่ไหน ก็เฉิดฉาย เละเทะมาก งานเนี่ยมีมารองรับตลอดช่วงพีกถามเรื่องความรัก ยอมรับว่าเจ้าชู้ เพรามีตังค์ด้วย และด้วยความที่มั่นใจในตัวเองด้วยว่าเป็น นิก เดอะสตาร์ เมื่อก่อนใช้ชีวิตปาร์ตี้ทุกวัน เจอผู้หญิงก็เลี้ยงดูปูเสื่อเต็มที่ เป็นสายเปย์ ช่วงพีกก็มีความรักที่ดีแต่หลังจากนั้นมาช่วงนึงก็ได้ไปเจอคนรักคนนึง เขาดูแลเราดีมาก ทำให้รู้สึกว่าเรามีคนนี้อยู่ เขาจะคอยดูแลจัดการชีวิตให้เรา เราก็มองข้ามความดีของเขาไป เริ่มผยองพองขนว่า เอ้ย มีคนดูแลแล้วด้านนี้จนวันนึงแอบไปมีกิ๊ก คนนั้นอยู่ในสังคมอีกโลกที่เราไม่เคยไปสัมผัส ปกติเราจะเป็นสายเปย์ แต่อันนี้เขาเปย์เรา ก็เริ่มใช้ชีวิต High-end ตามเขา ตอนนั้นก็รู้สึกว่ามันผิด แต่เราทำไปแล้ว เราไม่อยากเสียเขาไปทั้ง ๒ คนจนวันนึงที่ต้องมานั่งเลือกว่าจะต้องทำยังไงดี เราคิดว่าตัวจริงของเราไม่รู้ จนวันที่บอกเลือกกับตัวจริง เพื่อไปคบกับอีกคนนึง แต่เขารู้ว่าเราคบกับอีกคนอยู่ แล้วก็บอกว่ารออยู่ว่าเมื่อไรจะมาบอก ยิ่งเขารู้ทันเรายิ่งเสียเซลฟ์ เสียหน้า พูดตรงๆ เป็นคนไม่ดี แต่สุดท้ายก็เลิกกัน แล้วไปใช้ชีวิตกับอีกคนนึงอย่างมีความสุขจนวันที่เริ่มมีงานเข้ามามากขึ้น มีเงินเข้ามามากขึ้น เราอาจจะดูแลเขาน้อยเกินไปหรืออาจจะบกพร่องในหน้าที่ จนเขาก็เลยไปมีกิ๊กเหมือนกัน รู้เพราะคนที่ร้านทักว่าไม่กลับพร้อมแฟนเหรอ เราก็แบบ เรามาคนเดียว แต่เขาบอกว่าแฟนเราก็มา แต่มารถคนละคัน คนนั้นเป็นคนใกล้ตัวเรา เป็นหุ้นส่วนร้านของเรา ที่ผมยกมือไหว้มาเป็น ๑๐ ปีถามว่ากับเหตุการณ์นี้ ทำให้ชีวิตดิ่งไหม ก็ใช่ครับ เราเสียใจมาก ปล่อยเนื้อปล่อยตัว ถ่ายละครเสร็จก็ปาร์ตี้กับเพื่อน แล้วไปร้องเพลงต่อ พอร้องเพลงเสร็จก็ไปถ่ายละคร ก็มีไปสายบ้าง หลับในกองถ่าย จำบทไม่ได้ พอไปร้องเพลงก็ไม่มีเสียง เสียงพัง จนเจ้าของร้านบอกว่าพักก่อนไหม เมื่อก่อนผมเคยมีเงินหลักล้าน จนไม่เหลือเลยสักบาท วันที่ไม่ได้เห็นผลงานตัวเอง ผมรู้สึกน้อยใจโชคชะตา น้อยใจทุกคนทำไมถึงไม่ยอมให้โอกาสผมในสิ่งที่เคยทำได้ บางงานที่ผมไปร้องและก็ร้องเพลงประกอบละคร วันนั้นเสียงไม่พร้อมที่จะอัดเสียง กลับกลายเป็นว่าเขาตัดโอกาสเลย เสียงไม่พร้อมเอาคนอื่นมาร้อง ทั้งๆ ไม่ใช่ว่าผมร้องไม่ไหวนะ มันแค่วันนี้เราร้องไม่ได้ ทำไมเขาไม่ให้โอกาสเราเลย คือไม่มีใครเชื่อมั่นในตัวเราอีกเลยน้อยใจในชีวิตก็เลยกลับไปอยู่บ้านที่มหาสารคาม ผมถามพ่อว่าทำไมทุกวันนี้ยังร้องเพลงอยู่ ทำไมเขาให้เงินพ่อน้อย พ่อต้องร้องเพลงเที่ยงถึงสี่โมงเย็น ไปเตรียมตัวตั้งแต่ ๑๐ โมงเรามองว่ามันนานไป แต่พ่อบอกว่าในเมื่อเขาให้ความเชื่อมั่นกับเราแล้ว ว่าเราคือคนที่สามารถสร้างบรรยากาศให้กับร้านเขามีความสุนทรีได้ เขาสร้างความเชื่อมั่นกับเรา ทำไมเราไม่ตอบแทนเขาด้วยสิ่งที่เราทำได้ทำให้เรารู้สึกว่าพ่อไม่เคยทรยศกับงานเขาเลย ไม่เคยบ่น ไม่สบายก็ไปร้องเพลง แขนหักใส่เฝือกข้างนึงก็เล่นคีย์บอร์ด ร้องเพลงได้ หลังจากนั้นผมรู้สึกว่าพ่อยังไม่ยอมแพ้เลยเราจะยอมแพ้ได้ยังไง เราคือความหวังเดียวที่ในใจพ่อที่อยากจะให้เราเป็นนักร้อง เราสามารถทำไปได้ครึ่งนึงแล้ว เราก็น่าจะกลับมาทำในสิ่งที่เรารักเหมือนเดิมได้อีกวันที่ความเชื่อมั่นเรากลับมา งานก็ดีขึ้น มีเข้ามาเรื่อยๆ ละครก็เริ่มมีแล้ว ส่วนเพลงก็ทำ ผมก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด ถึงแม้ว่าได้มากน้อยแค่ไหนก็ไม่เป็นไร แต่อย่างน้อยเราตั้งใจทำก็ยังดีกว่าเราไม่ตั้งใจเลย”คลิกเพื่ออ่าน “ข่าวบันเทิง” เพิ่มเติม