Thursday, 19 December 2024

ช็อก ภริยาม่ายโดนฟ้อง ‘สมรู้ร่วมคิด’ ลอบสังหารสามี อดีตปธน.เฮติ

‘มาร์ติน โมอิส’ อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของเฮติ เป็นหนึ่งในผู้ต้องหา ๗๐ คน ที่ถูกอัยการสั่งฟ้องในคดี อดีตประธานาธิบดีโฌเวเนล โมอิสแห่งเฮติ ถูกกลุ่มคนร้ายบุกลอบสังหารอย่างเหี้ยมโหด ที่บ้านพักส่วนตัวในกรุงปอร์โตแปรงซ์ เมืองหลวงของเฮติ เมื่อ ๗ ก.ค. ๒๕๖๔ ผู้พิพากษา วอลเธอร์ เวสเซอร์ โวลแตร์ ได้เปิดเผยสำนวนฟ้องของอัยการความยาว ๑๒๒ หน้าเมื่อวันจันทร์ที่ ๑๙ ก.พ. ๒๕๖๗ สั่งฟ้องผู้ต้องหา ๗๐ คนในคดีอดีตประธานาธิบดีโฌเวเนล โมอิสแห่งเฮติถูกลอบสังหารเมื่อ ๒ ปีก่อน โดยนางโมอิส วัย ๔๙ ปี ภริยาม่าย เป็นหนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกสั่งฟ้องในคดีนี้ด้วย รวมทั้งนายโคลด โจเซฟ อดีตนายกรัฐมนตรีและลีออง ชาร์ลส์ อดีตผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติของเฮตินางโมอิสไม่ได้ถูกฟ้องในข้อหาเป็นคนวางแผนโดยตรงในการลอบสังหารอดีตประธานาธิบดีโมอิส ผู้เป็นสามี แต่เธอถูกฟ้องในข้อหาสมรู้ร่วมคิด อีกทั้งผู้พิพากษาโวลแตร์ ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะผู้พิพากษาคนที่ ๕ แล้วในคดีนี้ ยังพบว่าแถลงการณ์ของนางโมอิส มีความขัดแย้งกันเอง และมีหลักฐานบางอย่างบ่งชี้ว่าเธอรู้เกี่ยวกับแผนลอบสังหารอดีตประธานาธิบดีโมอิส อดีตประธานาธิบดีโฌโวเนล โมอิสแห่งเฮติถูกลอบสังหารที่บ้านพักในกรุงปอร์โตแปงซ์ เมื่อก.ค.๒๕๖๔ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ วอลล์สตรีท เจอร์นัล ในสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ผู้พิพากษาโวลแตร์ ระบุการสอบปากคำจำเลย ๒ คน อ้างว่า นางโมอิสต้องการจะลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีหลังสามีถูกลอบสังหารอย่างไรก็ตาม ทนายความของนางโมอิสได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด ส่วนรายงานการสอบสวนของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ที่มีการสอบสวนคดีคู่ขนานไปกับกระบวนการยุติธรรมของเฮติ ก็ระบุว่า ไม่พบหลักฐานบ่งชี้ นางโมอิสเกี่ยวข้องในการลอบสังหารอดีตประธานาธิบดีโมอิส นางมาร์ติน โมอิส อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ภรรยาม่ายของอดีตประธานาธิบดีโฌเวเนล โมอิสแห่งเฮติ ซึ่งถูกลอบสังหารเมื่อปี ๒๕๖๔‘พวกเราไม่เชื่อว่าเธอมีส่วนเกี่ยวข้องในการลอบสังหาร หรือเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีนี้’ พอล เทอร์เนอร์ ทนายความของนางโมอิส กล่าว พร้อมกับบอกว่านางโมอิสตกเป็นเหยื่อ เพราะเธอและลูกๆ ก็อยู่ในบ้านขณะเกิดเหตุ และนางโมอิสก็ได้รับบาดเจ็บถูกกระสุนปืนเข้าที่แขน ขณะที่นักวิเคราะห์ด้านกฎหมายยังมีความเห็นว่า นางโมอิส ตกเป็นเหยื่อของการเมืองที่เต็มไปด้วยการคอร์รัปชันในเฮติอ่านข่าวต่างประเทศได้ที่:https://www.thairath.co.th/news/foreignที่มา : dailymail