Thursday, 14 November 2024

กระทรวงมหาดไทยเผย ครบ ๘๔ วัน ลงทะเบียนหนี้นอกระบบ ๑.๔๖ แสนราย ยอดหนี้ กว่าหมื่นล้าน

ปลัดมหาดไทย เผย เหลือเวลารับลงทะเบียนหนี้นอกระบบอีก ๗ วัน หลังครบ ๘๔ วัน คนลงทะเบียนแล้วกว่า ๑.๔๖ แสนราย ยอดหนี้นอกระบบรวมกว่า ๑๐,๕๔๔ ล้าน ไกล่เกลี่ยสำเร็จ ๑๖,๕๙๖ ราย มูลหนี้ลดลง ๗๔๔ ล้าน ลงทะเบียนวันสุดท้าย ๒๙ ก.พ. ๖๗ วันที่ ๒๒ ก.พ. ๒๕๖๗ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงผลการลงทะเบียนแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ วันที่ ๘๔ โดยเมื่อเวลา ๑๕.๐๐ น. สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง ได้รายงานผลการลงทะเบียนพบว่า มีประชาชนลงทะเบียนแล้ว ๑๔๖,๑๒๑ ราย มูลหนี้รวม ๑๐,๕๔๔.๘๒๓ ล้านบาท เป็นการลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ ๑๒๑,๔๘๓ ราย และลงทะเบียน ณ ศูนย์อำนวยการแก้ไขหนี้นอกระบบ ๒๔,๖๓๘ ราย รวมจำนวนเจ้าหนี้ ๑๑๗,๓๒๙ รายมีพื้นที่/จังหวัดที่มีผู้ลงทะเบียนมากที่สุด ๕ ลำดับแรก ดังนี้ ๑. กรุงเทพมหานคร ยังคงมีผู้ลงทะเบียนมากที่สุด ๑๑,๑๙๘ ราย เจ้าหนี้ ๘,๔๖๓ ราย มูลหนี้ ๙๔๑.๗๙๓ ล้านบาท ๒. จังหวัดนครศรีธรรมราช มีผู้ลงทะเบียน ๕,๘๙๙ ราย เจ้าหนี้ ๕,๖๐๖ ราย มูลหนี้ ๔๐๔.๕๑๖ ล้านบาท ๓. จังหวัดสงขลา มีผู้ลงทะเบียน ๕,๓๙๖ ราย เจ้าหนี้ ๔,๓๙๒ ราย มูลหนี้ ๓๕๖.๗๑๒ ล้านบาท ๔. จังหวัดนครราชสีมา มีผู้ลงทะเบียน ๕,๐๗๕ ราย เจ้าหนี้ ๔,๑๙๗ ราย มูลหนี้ ๔๔๒.๖๖๖ ล้านบาท และ ๕. จังหวัดสุรินทร์ มีผู้ลงทะเบียน ๔,๐๓๐ ราย เจ้าหนี้ ๒,๙๕๗ ราย มูลหนี้ ๓๗๔.๓๖๐ ล้านบาทขณะที่จังหวัดที่มีผู้ลงทะเบียนน้อยที่สุด ๕ ลำดับแรก ได้แก่ ๑. จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีผู้ลงทะเบียน ๒๔๔ ราย เจ้าหนี้ ๒๔๔ ราย มูลหนี้ ๑๔.๘๔๔ ล้านบาท ๒. จังหวัดระนอง มีผู้ลงทะเบียน ๓๔๖ ราย เจ้าหนี้ ๒๖๘ ราย มูลหนี้ ๒๔.๐๕๘ ล้านบาท ๓. จังหวัดสมุทรสงคราม มีผู้ลงทะเบียน ๓๘๙ ราย เจ้าหนี้ ๓๐๓ ราย มูลหนี้ ๑๕.๓๐๘ ล้านบาท ๔. จังหวัดตราด มีผู้ลงทะเบียน ๔๖๔ ราย เจ้าหนี้ ๓๔๗ ราย มูลหนี้ ๒๐.๖๐๙ ล้านบาท และ ๕. จังหวัดสิงห์บุรี มีผู้ลงทะเบียน ๔๖๙ ราย เจ้าหนี้ ๓๘๐ ราย มูลหนี้ ๒๖.๕๖๐ ล้านบาท“สำหรับข้อมูลการไกล่เกลี่ยหนี้นอกระบบทั่วประเทศพบว่า มีลูกหนี้เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยแล้ว ๒๖,๔๐๖ ราย ไกล่เกลี่ยสำเร็จ ๑๖,๕๙๖ ราย มูลหนี้ของลูกหนี้ก่อนการไกล่เกลี่ย ๒,๓๙๗.๗๕๔ ล้านบาท หลังการไกล่เกลี่ย ๑,๖๕๒.๘๖๔ ล้านบาท มูลหนี้ลดลง ๗๔๔.๘๙๐ ล้านบาท และจังหวัดที่สามารถนำลูกหนี้เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยได้มากที่สุดยังคงเป็นจังหวัดนครสวรรค์เช่นเดิม โดยมีลูกหนี้ที่เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย ๓,๓๐๕ ราย ไกล่เกลี่ยสำเร็จ ๔๕๒ ราย มูลหนี้ของลูกหนี้ก่อนไกล่เกลี่ย ๒๗๙.๒๖๕ ล้านบาท หลังการไกล่เกลี่ย ๔๖.๔๖๓ ล้านบาท ทำให้มูลหนี้ของพี่น้องประชาชนในจังหวัดนครสวรรค์ลดลง ๒๓๒.๘๐๑ ล้านบาท สำหรับกรณีที่ไม่ได้รับความร่วมมือกระทั่งไม่สามารถดำเนินการไกล่เกลี่ยได้ เจ้าหน้าที่ได้ส่งต่อเรื่องไปยังพนักงานสอบสวนของสถานีตำรวจในพื้นที่ดำเนินคดีไปแล้ว ๒๘๕ คดี ใน ๓๘ จังหวัด” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวนายสุทธิพงษ์ กล่าวต่ออีกว่า กระทรวงมหาดไทยได้บูรณาการร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการ กระทรวงแรงงาน กระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตลอดจนกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ร่วมกันขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างเต็มที่ตามนโยบายของรัฐบาล โดยมีความมุ่งมั่นในการที่จะช่วยแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่เป็นหนี้นอกระบบ เพราะต้องชำระดอกเบี้ยสูงมากและเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด อีกทั้งยังมีกระบวนการวิธีการทวงหนี้ที่ใช้ความรุนแรงโหดร้ายทารุณ “ในส่วนของการนำเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย ปัจจุบันมีประชาชนที่มาลงทะเบียนหนี้นอกระบบบางส่วนที่ไม่สามารถให้ข้อมูลของเจ้าหนี้นอกระบบได้ครบถ้วนสมบูรณ์ ทำให้การติดตามเพื่อเชิญมาไกล่เกลี่ยหนี้ได้ยาก ซึ่งเราพบว่า เป็นข้อมูลของเจ้าหนี้นอกระบบซึ่งเป็นพวกปล่อยเงินกู้นอกระบบมืออาชีพ มีลูกน้องที่เรียกว่าแก๊งหมวกกันน็อก ไปปล่อยเงินกู้ตามตลาดตามชุมชน ทำให้ชาวบ้านทราบเฉพาะเพียงชื่อเล่นของเจ้าหนี้ ซึ่งใช้วิธีการทวงหนี้แบบเดินเก็บตามตลาดหรือในที่ที่ลูกหนี้ทำมาหากินอยู่ ในส่วนนี้กระทรวงมหาดไทยจะได้ส่งข้อมูลรายละเอียดของเจ้าหนี้นอกระบบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินการสืบสวนสอบสวน หาทางจับกุมต่อไป โดยเฉพาะข้อมูลรายละเอียด อาทิ รายชื่อ และสถานที่ที่คนกลุ่มนี้ไปปล่อยกู้ ซึ่งทั้งหมดเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย เพราะไม่มีใบอนุญาตให้ประกอบกิจการปล่อยกู้ ยิ่งไปกว่านั้นยังเก็บดอกเบี้ยที่เกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด รวมถึงได้ส่งข้อมูลการทวงหนี้แบบใช้ความรุนแรงหรือข่มขู่คุกคาม ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินการต่อไป” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวนายสุทธิพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยังได้เน้นย้ำให้ทุกอำเภอดำเนินการจัดกิจกรรม “ตลาดนัดแก้หนี้” อย่างน้อยเดือนละ ๔ ครั้ง หนุนเสริมเพิ่มเติมจากตลาดนัดแก้หนี้ระดับจังหวัดที่มีการจัดเดือนละ ๑ ครั้ง โดยบูรณาการกับทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงสถาบันการเงิน เป็นเหมือน “One Stop Service” ในการแก้หนี้นอกระบบแบบเบ็ดเสร็จจุดเดียว ซึ่งประชาชนที่มาลงทะเบียนและร่วมกิจกรรมตลาดนัดแก้หนี้ ภาครัฐจะได้ทำการให้การช่วยเหลืออย่างถูกต้อง ครบถ้วน และรวดเร็ว ซึ่งจากการดำเนินการที่ผ่านมามีผลตอบรับที่ดีและสามารถช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่เดือดร้อนได้จริง รวมถึงประชาชนที่ไม่ได้เป็นหนี้นอกระบบก็สามารถมารับคำปรึกษาจากสถาบันการเงินได้ อาทิ การปรึกษาเรื่องสินเชื่อเพื่อการลงทุน การประกอบอาชีพ นับเป็นการแก้ไขหนี้นอกระบบในเชิงป้องกันอีกทางหนึ่ง ด้วยแนวทางเพิ่มรายได้ ขยายโอกาส ทำให้พี่น้องประชาชนสามารถประกอบสัมมาชีพที่มีรายได้ที่ดีอย่างยั่งยืน ไม่ต้องไปเป็นหนี้นอกระบบ ตลอดจนถึงเรื่องกระบวนการไกล่เกลี่ย เราดำเนินการแก้ไขอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะครบทุกกรณี เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน“ขณะนี้เหลือเวลาอีก ๗ วันสุดท้าย ที่พี่น้องประชาชนยังคงสามารถลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือจากภาครัฐเพื่อแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ซึ่งเราจะรับลงทะเบียนถึงวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ นี้ ทั้งการเดินทางไปขอคำปรึกษาและลงทะเบียน ณ ศาลากลางจังหวัดทุกจังหวัด (ห้องศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด) ที่ว่าการอำเภอทุกแห่ง (ห้องศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ) สำนักงานเขตทั้ง ๕๐ เขตของกรุงเทพมหานคร ตลอดจนพื้นที่การจัดมหกรรมตลาดนัดแก้หนี้ระดับจังหวัด และตลาดนัดแก้หนี้อำเภอ หรือสามารถลงทะเบียนทางระบบออนไลน์ที่ https://debt.dopa.go.th โดยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนศูนย์ดำรงธรรม โทร. ๑๕๖๗ ตลอด ๒๔ ชั่วโมง” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวปิดท้าย