ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ การเมืองไทยจะเป็นอย่างไร จะมีนายกรัฐมนตรี ๒ คน หรือ ๓ คน หลังจากอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ได้กลับบ้าน จะทำให้นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน ไร้แสงหรือไม่ ได้รับคำตอบทันทีว่าไม่รู้สึกด้อยค่า ถ้าอยู่ได้ต่ออีกก็จะอยู่ต่อทุกเรื่องให้ครบทุกมิติ ไม่ใช่เศรษฐกิจอย่างเดียวนับแต่เข้ารับตำแหน่งได้ ๕ เดือนเศษ นายกรัฐมนตรีเศรษฐาได้รับยกย่องเป็นผู้นำประเทศที่กระตือรือร้น ขยันขันแข็ง เดินทางเยี่ยมประชาชนมาแล้วทุกภาค เกือบทุกจังหวัด บินไปต่างประเทศมาเกือบทั่วโลก ทำหน้าที่เป็น “ทูตการค้า” ชักชวนนานาประเทศมาค้าขาย ลงทุน และท่องเที่ยวไทยประสบความสำเร็จบ้าง ไม่สำเร็จบ้าง เป็นเรื่องปกติของการทำงาน โดย เฉพาะงานระดับชาติและระดับนานาชาติ เรื่องสำคัญๆที่ยังไม่บรรลุเป้าหมาย ได้แก่โครงการแจกเงินหมื่นผ่านดิจิทัลวอลเล็ต โครงการแลนด์บริดจ์ เชื่อมโยงทะเลอันดามันกับอ่าวไทย ระหว่างจังหวัดระนองกับชุมพรภารกิจสำคัญอีกอย่างที่ยังไม่สัมฤทธิผล คือการเจรจาความตกลงการค้าเสรีกับนานาประเทศ ที่เพิ่งทำสัญญากันได้เพียงประเทศเดียวคือศรีลังกา แต่เรื่องที่นายกรัฐมนตรีแทบจะไม่สนใจเลย คือปัญหาการเมืองหรือกฎหมาย เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นมักจะโยนให้เป็น “เรื่องของกฎหมาย” นายกฯบอกว่าอยากทำให้ครบทุกมิตินายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าฝ่ายบริหาร น่าจะให้ความสนใจปัญหาการเมืองและกฎหมายมากกว่าที่ผ่านๆมา ไม่ใช่ว่าพอมีปัญหาเกิดขึ้นก็จะโบ้ยให้เป็นเรื่องของฝ่ายกฎหมาย เพราะการทำตามกฎหมายไม่ถูกต้องเสมอไป ถ้าเป็นกฎหมายที่ไม่ถูกต้อง หรือกฎหมายที่มีความเห็นต่างตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด คือกรณีอดีตนายกฯทักษิณที่เดินทางกลับประเทศ ในขณะที่มีสถานะเป็นนักโทษตามคำพิพากษาศาล ไม่เคยติดคุกแม้แต่วันเดียว แต่ได้รับการพักโทษและกลับบ้านได้อย่างเสรี คนไทยส่วนใหญ่ต่างงุนงงทำได้อย่างไร คำชี้แจงของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อ้ำๆอึ้งๆทุกคนมีสิทธิเหมือนนายทักษิณหรือไม่ตัวอย่างที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งแสดงว่า “กฎหมาย” ไม่ได้ “ถูกต้อง” เสมอไป เช่น รัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์นับแต่ประกาศใช้เมื่อปี ๒๕๖๐ ว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่ขัดต่อหลักประชาธิปไตย เขียนขึ้นมาเพื่อสืบทอดอำนาจคณะรัฐประหาร นายกรัฐมนตรี น่าจะเป็นผู้นำในการแก้ไขให้เป็นประชาธิปไตยแท้.คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม
Related posts