คนไทย ไฟความหวังลุกโชนกันถ้วนหน้า หลังจากได้ร่วมรับชมรับฟัง เวทีแถลง “Thailand Vision วิสัยทัศน์ประเทศไทย” โดย “นายกฯเศรษฐา ทวีสิน” ในหัวข้อ “IGNITE THAILAND” จุดพลัง รวมใจ ไทยต้องเป็นหนึ่ง”ทั้งเคลิ้มทั้งฝันตามผู้นำเดี่ยวไมโครโฟน ๑ ชั่วโมงเต็มๆเห็นภาพอนาคตในยุครัฐบาลเพื่อไทย จะพัฒนาบ้านเมืองเฟื่องฟู ยกระดับอัปเกรด เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ขยายโอกาสให้ชาวบ้านโดยเฉพาะที่ปักหมุด จุดพลังศักยภาพประเทศไทย เป็นที่ ๑ ในภูมิภาควางเป้าหมายเป็นสารพัด “ฮับ” ของโลก ทั้งศูนย์กลางการท่องเที่ยว การแพทย์และสุขภาพ เกษตรกรรมและอาหารศูนย์กลางการบิน การขนส่ง ผลิตยานยนต์แห่งอนาคต เศรษฐกิจดิจิทัล และการเงินไม่เท่านั้น ยังมีคำสวยๆ “นอกจากใส่เงิน จะต้องใส่ใจ”ยิ่งปลุกใจแฟนๆ ฟูฟ่องกันเลยอย่างไรก็ดี คิวปลุกพลังครั้งนี้ ดูจากกำหนดการจัดขึ้นวันที่ ๒๒ ก.พ. อาจเหมารวมได้ว่าเป็นเวทีแถลงผลงานครบ ๖ เดือนของรัฐบาล เพียงแต่ว่าเมื่อถึงเวลาผู้นำก็ไม่ได้ลงลึกรายละเอียดมากนักไม่มีชิ้นโบแดงมาโชว์ อะไรที่ทำมา ไม่ได้บอกว่าทำเข้าเป้าแค่ไหนที่ชัดมากหน่อยคือการส่งสัญญาณ ถึงสิ่งที่จะต้องทำต่อๆไป ปักหมุดประเทศไทยให้เห็นกันรวมทั้งที่โชว์เด่นและหลายคนก็ไม่ปฏิเสธ คือเรื่อง “ความตั้งใจ” และชื่นชมสไตล์ “แข็ง นอก-นุ่มใน” หลายโจทย์ยาก ไม่ใช้วิธีแตกหัก แต่ออกลูกประนีประนอม โน้มน้าวหาแนวร่วมแต่แน่นอนที่หลายคนเอะใจวาระที่ซ่อนอยู่ ทั้งในคิวนี้และคิวก่อนหน้า “นายกฯเศรษฐา” จะเอ่ยหลายครั้งถึงความตั้งใจ “ทำงานต่อ” ชนิดมั่นใจลุยยาวครบ ๔ ปีรัฐบาลนั่นก็อาจเป็นอาการในห้วงที่คนจับจ้อง ภาวะ “อำนาจซ้อนอำนาจ” หลังจาก “อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร” ศูนย์รวมจิตใจคนพรรคเพื่อไทย ได้รับการพักโทษทัณฑ์กลับไปอยู่บ้านจันทร์ส่องหล้า ทำผู้คนมโนฉากทัศน์ไปถึงการสถาปนาศูนย์กลางอำนาจอีกแห่งเลยพากันจับตาสูตรพิเศษ “๑ รัฐบาล ๒ นายกฯ”เรื่องนี้แม้ว่าผู้นำจะเข้าใจบริบทการเมือง การเข้ามาเป็นหน้าใหม่ ไม่มีฐานรองรับ ในพรรคการเมืองที่อยู่มานาน และยังติด “แบรนด์นายห้าง”อะไรเป็นอะไร “นายกฯเศรษฐา” ก็คงรู้ดี และมองแง่ดี คิวนี้ถือว่าได้อดีตผู้นำมาเป็น “ตัวช่วยวีไอพี”ที่สำคัญโจทย์ยากๆ ทั้งงานบริหารเดินหน้าเติมเงินอัดฉีดเศรษฐกิจ แจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต เติมเงินครัวเรือน ๑ ครอบครัว ๑ ซอฟต์พาวเวอร์ (OFOS) ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ไปจนกระทั่งปั้นเมกะ โปรเจกต์แลนด์บริดจ์ได้ระดับพลัง “ทักษิณ” ก็มีลุ้นฝ่าด่านต้านนอกจากนี้ จ๊อบพิเศษ คุมเฮี้ยวการเมืองพันธุ์เสือสิงห์กระทิงแรด ต้องพึ่งพา “ลูกเขี้ยว” ของ “นายใหญ่” คุมเกมเช่นเดียวกับคิวจัดคนลงงาน บรรดาบิ๊กเนมพรรคการเมือง “ตัวใหญ่” ที่ต้องการขยับปรับเปลี่ยน “นายกฯเศรษฐา” ต้องอาศัยดีกรีเพาเวอร์ระดับคนชื่อ “ทักษิณ”ช่วยเพิ่มดุลเจรจาต่อรองจัดเกลี่ยโควตาเก้าอี้ ยกเครื่องคิว “ปรับ ครม.”นั่นก็มองมุมบวก ได้บิ๊กเนมมาแบ็กอัป แต่ถ้ามองอีกด้าน แน่นอนดุลอำนาจที่ถูกแชร์ ถ้ามองว่าเป็นปัญหาก็เป็นปัญหา “ศูนย์อำนาจ” ไม่ชัด การบริหารงานก็อิหลักอิเหลื่อมีคำถามเรื่องร้อนเรื่องด่วน ถึงบทสรุปใครจะ “เคาะ”แน่นอนอย่างไร “อำนาจพร่องมือ” แน่ แต่นั่นก็อยู่ที่ว่า ทั้งอดีตนายกฯ และนายกฯจะต้องคุยกันใหม่อีกหลายรอบให้ตกผลึก ถึงสัญญาใจเอ็มโอยูครั้งก่อนตั้งรัฐบาลต้องเคลียร์ปม “อำนาจบริหาร” กันให้ชัดคิวนี้ ด้วยสไตล์ไม่ต่างกัน เพราะทั้งคู่ต่างเป็นอดีตผู้บริหารภาคธุรกิจเศรษฐกิจพูดคุยฉบับ “ซีอีโอทอล์ก” คลิกลงตัวได้ไม่ยากถ้าหาก “ท่านประธานใหญ่” กับ “มือบริหารอาชีพ” ยึดตามข้อตกลง “สัญญาการงาน” ที่มีต่อกันไว้ปล่อยฟรีให้โชว์ฝีมือ ในเงื่อนเวลาตามที่ “ตั๋ว” กำหนด.ทีมข่าวการเมืองคลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม
Related posts