Thursday, 19 December 2024

ครอบครัวชินวัตร ทานข้าว “ทักษิณ” เย็นนี้ “จ่าประสิทธิ์” อดพบ ไม่ได้นัดล่วงหน้า

บ้านจันทร์ส่องหล้า คึกคักแต่เช้า เตรียมสถานที่รับกิจกรรมครอบครัวชินวัตร ทานข้าวกับ “ทักษิณ” เย็นวันนี้ ทางด้าน “จ่าประสิทธิ์” มาขอพบ แต่อดเข้าบ้านเพราะไม่ได้นัดล่วงหน้า เชื่ออดีตนายกฯ ป่วยจริง หนุนนิรโทษคดีทางการเมืองวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศจากบริเวณหน้าบ้านจันทร์ส่องหล้า ในซอยจรัญสนิทวงศ์ ๖๙ แขวงบางพลัด เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นบ้านพักของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่อยู่ระหว่างการพักโทษเป็นวันที่ ๘ (เริ่มพักโทษ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗) คึกคักตั้งแต่ช่วงเช้า แม้ไม่มีรายงานข่าวว่าจะมีบุคคลสำคัญเดินทางมาเยี่ยม นายทักษิณ โดยมีการว่าจ้างคนงานให้เข้ามาฉีดยาไล่ยุงภายในบ้านจันทร์ส่องหล้า จ้างรถมาส่งไอศกรีม และมีรถยนต์ของบ้านจันทร์ส่องหล้าเข้า-ออกตลอดเวลา ทั้งนี้ เพื่อเตรียมกิจกรรมรับประทานอาหารเย็นพร้อมหน้าของครอบครัวชินวัตร ร่วมกับ นายทักษิณ ในช่วงเย็นวันนี้ ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจนครบาลบางพลัด ยังสลับสับเปลี่ยนมาดูแลความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกการจราจรให้ประชาชนที่อาศัยและสัญจรในซอยจรัญสนิทวงศ์ ๖๙ ไม่ให้ได้รับความเดือดร้อนจากคณะสื่อมวลชนจำนวนมากที่ยังคงเดินทางมาเกาะติดสังเกตการณ์บริเวณหน้าบ้านจันทร์ส่องหล้า  ต่อมาเวลา ๑๑.๒๐ น. จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ อดีต สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย และอดีตผู้ต้องหาคดีประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ เดินทางมาจาก จ.ศรีสะเกษ เพื่อมาขอเข้าเยี่ยม นายทักษิณ ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า โดยไม่ได้นัดหมายล่วงหน้า แต่ นายทักษิณ ไม่ได้อนุญาตให้เข้าพบ เนื่องจากไม่ได้มีการนัดหมายล่วงหน้า โดยเจ้าตัวยืนยันว่าจะมีการประสานมาเรื่อยๆ เพื่อขอเข้าพบให้ได้จ.ส.ต.ประสิทธิ์ กล่าวว่า วันนี้ตั้งใจมาพบกับ นายทักษิณ เพื่อให้กำลังใจ เพราะ นายทักษิณ เป็นคนที่ทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศไทยและคนไทยมากมาย และที่ผ่านมา นายทักษิณ ก็ได้ให้ความเมตตากับตนเองมาตลอด แม้จะเคยถูกตัดสิทธิทางการเมือง ไม่สามารถทำกิจกรรมทางการเมืองได้ ที่ผ่านมามีโอกาสได้เข้าไปพบหลายครั้งตั้งแต่อยู่ที่ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และสิงคโปร์ วันนี้ นายทักษิณ กลับมาที่ประเทศไทยแล้ว จึงถือโอกาสเข้ามาเยี่ยมเพื่อแสดงความสำนึกบุญคุณ  พร้อมกล่าวต่อไป ส่วนตัวเชื่อว่าคนไทยหลายคนดีใจที่ นายทักษิณ กลับมา และเชื่อมั่นในตัวของ นายทักษิณ อยากให้รักษาสุขภาพให้ดี และการกลับมาครั้งนี้เชื่อว่าจะทำให้คนไทยอยู่ดีกินดี ซึ่งไม่ว่าจะกลับมารับตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีได้ในอนาคตก็ดี หรือเป็นที่ปรึกษา หรือจะดำรงตำแหน่งอะไร ก็เชื่อว่าจะทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศ อีกทั้งมองว่าหากประเทศไทยมีทั้ง นายทักษิณ และ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก็จะทำให้คนไทยอยู่ดีกินดี และประเทศจะดีขึ้นผู้สื่อข่าวถามต่อ จะไม่ถูกมองว่าประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรี ๒ คนหรือไม่ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ตอบว่า นั่นเป็นเพียงความคิดของคนที่ไม่เห็นด้วย ตนอยากให้ความขัดแย้งจบลง อยากให้ นายทักษิณ กลับมาบริหารประเทศ เพราะประเทศบอบช้ำมามากแล้ว มีสภาพเหมือนเมืองร้าง ไม่อยากให้ประเทศแย่ไปกว่านี้ จึงต้องถามกลับว่า การที่เราจะได้คนที่มีความรู้ ความสามารถ มาช่วยพัฒนาประเทศ มันไม่ดีอย่างนั้นหรือ หลายประเทศอยากได้ นายทักษิณ ไปช่วย อย่างไรก็ตาม การที่ นายเศรษฐา เข้าพบกับ นายทักษิณ ก็ไม่ได้เข้ามาพบ นายทักษิณ เพียงคนเดียว แต่ที่ผ่านมาก็มีการเดินสายพบทุกอดีตนายกรัฐมนตรีหลายคน จึงอยากให้ทุกคนเปิดใจกว้าง และมองเรื่องการพัฒนาประเทศ ส่วนคำถาม มีคนมองว่า นายทักษิณ เป็นต้นตอของความขัดแย้ง เนื่องจากมีการใช้อภิสิทธิ์ในการได้รับการพักโทษนั้น จ.ส.ต.ประสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ ทำไมไม่มองย้อนกลับไปเมื่อ ๑๗ ปีที่แล้ว การที่ นายทักษิณ ถูกยึดอำนาจ และยังมีการตั้งองค์กรต่างๆ ขึ้นมาทำร้าย นายทักษิณ มีการยุบพรรคอยู่ฝ่ายเดียว อีกฝั่งทำผิดกลับไม่เคยโดนอะไรเลย เพราะฉะนั้น นายทักษิณ ได้รับความยุติธรรมตั้งแต่แรก วันนี้พอกลับมาแล้วก็ถูกมาหาเรื่องต่อ เพราะฉะนั้น คนที่มาหาเรื่องก็คือคนที่ไม่ชอบ นายทักษิณ แบบเข้าสมอง เข้าจิตใจ แต่กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าอะไรจริงหรือไม่จริง มีหลายคนที่เปลี่ยนใจมารัก นายทักษิณ ก็เยอะ จากที่เคยเกลียดขณะที่คำถามว่า หลายคนไม่เชื่อ นายทักษิณ มีอาการป่วยจริง จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ระบุว่า คนที่พูดแบบนี้คือคนที่ไม่เปิดใจและไม่ชอบอยู่เบื้องลึก ยืนยันว่า นายทักษิณ มีอาการป่วยจริง เพราะตั้งแต่ที่ตนไปพบที่ดูไบ ก็ป่วยเป็นโควิด-๑๙ ใครจะคิดอย่างไรก็ได้ แต่หลักฐานทางการแพทย์ มีทั้งใบรับรองแพทย์ และเชื่อว่าบุคลากรทางการแพทย์มีจรรยาบรรณ ไม่มีใครเอาศักดิ์ศรีมาแลกกับเรื่องแบบนี้ หากเป็นเรื่องที่ไม่จริง และคนอายุ ๗๐ กว่าปี อะไรก็เสื่อมลง ในช่วงท้าย จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ยังกล่าวด้วยว่า ตนเห็นด้วยกับการแก้กฎหมายนิรโทษกรรม อยากให้ผู้มีอำนาจโดยเฉพาะสภาฯ พิจารณา โดยไม่อยากให้การนิรโทษกรรมเป็นการเลือกปฏิบัติ อยากให้นิรโทษกรรมทุกฝ่าย โดยเฉพาะคดีทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นคดีอะไรก็ช่าง รวมถึงผู้ต้องคดีมาตรา ๑๑๒ ถ้าเราไม่ให้โอกาสลูกหลานเรา คนที่มีความคิดต่างทางการเมือง บางทีอาจจะด้วยเจตนาหรือไม่เจตนา จะถูกกล่าวหาอย่างไรก็ช่าง ตนคิดว่าการให้โอกาส การให้อภัยเป็นเรื่องที่ดี ต่อให้คนนั้นผิดก็ช่าง หากคนมีจิตสำนึกก็จะไม่ไปทำอีก เขาจะภูมิใจและร่วมกันพัฒนาบ้านเมืองของเรา จากนั้นเจ้าตัวจึงเดินทางกลับโดยรถแท็กซี่.