ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้ ด้วยอานิสงส์แห่ง “ดีลลับ” ระดับอภิมหาโปรเจกต์ ทำให้การเมืองไทยก้าวไปสู่ฉากทัศน์ใหม่อย่างไม่น่าเชื่อแต่ก็ต้องเชื่อ…เพราะผลแห่งการนี้ได้เป็นไปอย่างที่เห็นๆกันอยู่ ด้วยปรากฏการณ์ที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจนอย่างหนึ่งคือบ้านเมืองเกิดความสงบร่มเย็นขึ้นรัฐบาลใหม่ที่มี “เศรษฐา ทวีสิน” เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยเสียงสนับสนุน ๓๑๔ เสียง ๑๑ พรรค ที่เคยเป็นคู่ขัดแย้งก็มาอยู่ร่วมกัน“แดง-เหลือง” ที่เคยห้ำหั่นเลือดโชก กันมานานจนไม่นึกว่าวันดีคืนดีบรรยากาศจะกลายมาเป็นอย่างนี้ไปได้แม้จะมีบางส่วนที่ยังปรับทิศปรับทางไม่ถูกหลงเหลืออยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีผลอะไรที่แน่นอนก็คือ “ทักษิณ ชินวัตร” จากนักโทษหนีคุกต้องระเหเร่ร่อนไปอยู่ต่างประเทศถึง ๑๗ ปี ก็ได้กลับคืนสู่เหย้าที่บ้านจันทร์ส่องหล้าอีกทั้งยังได้สวมหมวกในบทบาท “ซุปเปอร์นายกฯ” ที่มีบุญบารมีมากกว่าเก่าเสียอีก เพราะนอกจากได้อิสรภาพไร้มลทินโทษยังเป็นหัวหน้ารัฐบาลตัวจริงเสียงจริง เนื่องจากเป็นเจ้าของพรรคแกนนำรัฐบาลที่มี “อุ๊งอิ๊งค์” บุตรสาวคนเล็กเป็นหัวหน้าพรรคทำให้รัฐบาลมั่นคงมีเสถียรภาพที่จะนำพาการเมืองไปสู่ความราบรื่นที่ว่าอย่างนี้ก็เพราะในสถานการณ์การเมืองที่เป็นจริงนั้น หากรัฐบาลต้องมีอันเป็นไปอย่างใดอย่างหนึ่งหาใช่ฝ่ายอื่นไม่…แต่เพราะทำตัวเองทั้งนั้นเนื่องจากฝ่ายค้านที่มี “ก้าวไกล” เป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน เนื่องจากมีเสียงมากที่สุด ทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านแต่เนื่องจากความไม่มีเอกภาพในหมู่พวกเดียวกัน จึงไม่มีพลังที่จะทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์แบบแม้จะมี “ประชาธิปัตย์” เกาะกลุ่มรวมอยู่ด้วย แต่เนื่องจาก ๒ พรรคนี้อุดมการณ์การเมืองค่อนข้างจะต่างกัน เพราะอยู่คนละยุคสมัยจึงเหลือแต่ภาพในอดีตเท่านั้น!๒ พรรคนี้ดูเหมือนจะมีความพยายาม ที่จะร่วมใจกันทำหน้าที่ แต่เมื่อมุมมองการเมืองต่างกัน จึงได้แต่เพียงสร้างภาพให้สังคมเห็นว่าพวกเขาไปด้วยกันได้แต่ไม่ว่ามุมไหนก็ไปด้วยกันไม่ได้ เพราะหลักคิดที่ต่างกัน“ประชาธิปัตย์” นั้นยังมีปัญหาภายใน จากความขัดแย้งที่ผ่านมา ถึงวันนี้ยังเคลียร์กันไม่ได้ ทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจ ในประเด็นฝ่ายค้าน แต่ใจไปอยู่ข้างรัฐบาลทำให้พลังที่จะคืนกลับมาคงเป็นไปได้ยาก“ก้าวไกล” พรรคคนรุ่นใหม่ไฟแรง หลังจากพลาดท่าไม่สามารถเป็นแกนนำรัฐบาลและก้าวสู่ทำเนียบในฐานะนายกรัฐมนตรีก็เกิดปัญหารุมล้อมทุกด้าน นอกจากลูกพรรคที่เกิดความสับสนจนเกิดปัญหาต้องแยกวงไปบางส่วนแล้วหัวหน้าพรรคคนเก่าต้องคดีค้างเก่าแล้วยังมาเจอคดีใหม่ที่ร้ายแรงคือล้มล้างการปกครอง อาจถูกยุบพรรค และ ๔๖ คีย์แมน ต้องลุ้นว่าจะถูกตัดสิทธิการเมืองตลอดชีวิตหรือไม่ล่าสุดก็ไปพัวพันกับกลุ่มทะลุวัง จนกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแม้เจอมรสุมหลายลูกประเดประดังเข้ามา ก็พยายามจะบอกสังคมและผู้สนับสนุนว่าต้องเดินหน้าสู้ต่อไปแบบ “ตายสิบเกิดแสน” ทำนองนั้นก็ได้แค่เอาใจช่วย เพราะ “ทักษิณ” ที่จะเป็นจุดเปลี่ยนทางการเมืองได้ในฐานะฝ่ายค้าน แต่ก็ไม่กล้าเดินหน้าเต็มสูบ แค่หยิกแกมหยอกเท่านั้นวันนี้จึงรอแค่ลุ้นว่าจะเจอมรสุมลูกใหญ่กระหน่ำเท่านั้น!“ลิขิต จงสกุล”คลิกอ่านคอลัมน์ “สับรางวันอาทิตย์” เพิ่มเติม
Related posts