“ทักษิณ” ดินเนอร์อบอุ่นพร้อมหน้า ๕ คน พ่อแม่ลูก ไร้เขยสะใภ้ ล้อมวงรำลึกความ หลัง ๑๗ ปี “อิ๊งค์” ปลื้มพ่อจิตใจดีขึ้นมาก โทร.มาหาเสียงสดใส รอจัดคิวพบลูกพรรค และกองเชียร์ ถอนหายใจแรงวอนหยุดขยี้ปมประเทศไทยมีนายกฯ ๒-๓ คน ปล่อยให้ “นายกฯนิด” ทำงานไป ขอสื่อไม่ต้องเฝ้าหน้าบ้านจันทร์ส่องหล้า รอวีไอพีเข้าเยี่ยมพ่อค่อยมาทำข่าว หวั่นกระทบเพื่อนบ้านร่วมซอย “วิสุทธิ์” โวย หยุดหมกมุ่นจับผิดมีนายกฯ ๒ คน เชื่อปมสองมาตรฐานพักโทษไม่กระทบ พท. “สนธิญาณ” ยื่นค้านให้ประกัน “ตะวัน-แฟรงค์” ย้ำพฤติกรรมทำผิดซ้ำไม่ต่ำกว่า ๗-๘ ครั้ง “สมหมาย” ส่งใบรับรองแพทย์เพิ่มเติมช่วยลูก ศาลยกคำร้องชี้ยังไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิมนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ทานข้าวพร้อมหน้าครอบครัวเฉพาะ ๕ คน พ่อแม่ลูกเป็นครั้งแรกหลังจากได้รับการพักโทษ โดยไม่มีลูกเขยและลูกสะใภ้ร่วมด้วย เพื่อใช้เวลาย้อนรำลึกความทรงจำภายในครอบครัวชินวัตรที่ต้องห่างหายจากกันไปนานถึง ๑๗ ปี“ทักษิณ” ดินเนอร์กับครอบครัวอบอุ่นวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ซอยจรัญสนิทวงศ์ ๖๙ แขวงบางพลัด เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร บ้านของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่อยู่ระหว่างการพักโทษเป็นวันที่ ๘ มีการเคลื่อนไหวว่าจ้างคนงานให้มาฉีดยาไล่ยุงภายในบ้าน พร้อมทั้งจ้างรถมาส่งไอศกรีม โดยมีรถยนต์ของบ้านจันทร์ส่องหล้าเข้าออกตลอดเวลา เพื่อเตรียมการที่ครอบครัวชินวัตรกับนายทักษิณจะได้ทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันช่วงเย็น ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจนครบาลบางพลัด สลับสับเปลี่ยนมาดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกการจราจรให้ประชาชนที่อาศัยและสัญจรในซอยจรัญ สนิทวงศ์ ๖๙ ไม่ให้เดือดร้อนจากคณะสื่อมวลชนจำนวนมาก ที่มาเกาะติดสังเกตการณ์หน้าบ้านมื้อพิเศษเฉพาะ ๕ คนพ่อแม่ลูกต่อมาเวลา ๑๖.๕๒ น.สมาชิกครอบครัวชินวัตรทยอยเดินทางเข้าบ้านจันทร์ส่องหล้าเพื่อรอร่วมรับประทานอาหารเย็นกับนายทักษิณ เริ่มจาก น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ หรือเอม เดินทางมาโดยรถตู้เบนซ์สีขาว ทะเบียน ๙ กย ๕๙ จากนั้น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรืออุ๊งอิ๊งค์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) เดินทางมาถึงในเวลา ๑๖.๕๗ น. ขณะที่เวลา ๑๗.๒๕ น.คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ เดินทางเข้าบ้านจันทร์ส่องหล้า ด้วยรถตู้เบนซ์ ป้ายทะเบียน ๔ ขท ๒๕๖๖ ตามด้วยเวลา ๑๗.๔๖ น. นายพานทองแท้ ชินวัตร หรือโอ๊ค ได้เดินทางเข้าบ้านเป็นคนสุดท้าย ด้วยรถตู้เลกซัสสีขาว ป้ายทะเบียน วห ๘๘๘๘ แพทองธาร ชินวัตร“อิ๊งค์” ขำแค่กินข้าวกันก็เป็นข่าวน.ส.แพทองธารให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ต้องใส่แมสก์ เพราะติดเชื้อไข้หวัดมาจากลูก ระหว่างทานข้าวจะไม่เปิดแมสก์ เพราะอาจทำให้ติดคนอื่น ส่วนบรรยากาศการรับประทานอาหารของตระกูลชินวัตรวันนี้ยืนยันว่าไม่มีอะไรเลย เป็นครอบครัวล้วน ไม่มีการเมืองทั้งสิ้น และกำลังงงว่าทานข้าวกับครอบครัวก็เป็นข่าวด้วย ปกติพยายามจะรับประทานอาหารร่วมกันสัปดาห์ละหนึ่งวันอยู่แล้ว หากวันอาทิตย์ไม่ได้ก็เป็นวันธรรมดา เมื่อถามว่าเมนูอะไรที่เตรียมให้คุณพ่อ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ไม่ทราบ เพราะคุณพ่อเตรียมให้ ก่อนจะฝากบอกสื่อมวลชนว่าไม่ต้องรอหรอก หากนักข่าวทราบว่ามีวีไอพีค่อยมา ดีหรือไม่ เพราะในซอยค่อนข้างเล็ก และมีชาวบ้านเดินทางไปมาจะสร้างความลำบากนิดหนึ่ง เข้าใจว่าจะมาตามข่าว แต่เกือบอาทิตย์แล้วและเชื่อว่านักข่าวไม่น่าจะพลาดวีไอพี เพราะนักข่าวทราบก่อนตนอีก ฉะนั้นขอความร่วมมือว่าวันที่มีวีไอพีมาค่อยมาดีกว่า จะได้ไม่กวนกัน เมื่อถามต่อว่ามีเมนูอะไรที่คุณพ่ออยากทานเป็นพิเศษ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า มั่นใจว่าน่าจะเป็นอาหารไทยเดาเอาและเดี๋ยวจะถ่ายลงในไอจีสตอรีให้ดีใจพ่อโทร.มาเสียงสดใสจิตใจดีขึ้นน.ส.แพทองธารยังได้อัปเดตอาการของนายทักษิณว่า คุณหมอแนะนำว่าอย่าเพิ่งไปไหน ให้พักจะดีที่สุด แต่สิ่งที่สังเกตคือตอนที่คุณพ่อโทร.มารู้สึกว่าเสียงสดใส ไม่ได้ยินมานานจริงๆ และรู้สึกว่าเขาคงสบายใจขึ้น คนเป็นลูกดีใจอยู่แล้วที่จิตใจเขาดูดีขึ้น “จริงๆ พ่อเป็นคนที่แอ็กทีฟมาก การที่ไปอยู่ที่เดิมนานๆ เขาซัฟเฟอร์แน่นอน ซัฟเฟอร์มากๆ และยังบอกว่าได้ขึ้นบันไดครั้งแรก เขาบอกว่าเจ็บขาต้องพยายามเพราะเหมือนถูกจำกัดที่มานาน ต้องปรับตัว แต่จิตใจดี” เมื่อถามว่ามีแขกคนไหนที่คุณพ่ออยากเจอมากที่สุด น.ส.แพทองธารกล่าวว่า อยากเจอญาติๆ และยืนยันว่าวันนี้คุณแม่มาด้วยรอแข็งแรงขึ้นทยอยให้กองเชียร์พบเมื่อถามว่าตอนนี้ที่มีมวลชนอยากเจอนายทักษิณ น.ส.แพทองธารยืนยันว่า ยังไม่มีแผนอะไร ในเวลาอันใกล้ แต่คิดว่าเขาคงอยากเจอแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นคนเสื้อแดงหรือใครก็ตามที่เคยสนับสนุนคุณพ่อ หากโอเคเมื่อไหร่จะค่อยๆทยอยเจอ สัปดาห์หน้าจะเปิดให้ใครได้เข้าพบหรือไม่นั้น ยังไม่ทราบคิว ก่อนแซวผู้สื่อข่าวว่า “มีแหล่งข่าวอะไรหรือไม่ บอกเราบ้าง”แจงเอ็นเปื่อยยุ่ยโรคคนแก่หลังผ่าตัดเมื่อถามว่านายทักษิณมีแพลนจะทำอะไรการเมืองต่อจากนี้หรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ยังไม่ได้พูดคุยอะไรเรื่องการเมือง แต่ในฐานะหัวหน้าพรรค พท. อยากให้คุณพ่อได้เจอคนในพรรคบ้าง เจอกันในเรื่องของทางใจ เพราะคิดว่าทุกคนคิดถึง แต่จะเป็นเมื่อไหร่ยังไม่ทราบ รอก่อน เมื่อถามต่อว่า จะพาลูกพรรคมาหาที่บ้านหรือพาไปที่พรรค น.ส.แพทองธารกล่าวว่า จริงๆไม่ติด เอาที่คุณพ่อสะดวก หากคุณพ่อไปพรรคจะได้รู้ว่าตนนั่งทำงานที่ไหน ส่วนจะเปิดบ้านให้มวลชนคนเสื้อแดงเข้าพบหรือไม่ ขณะนี้ห่วงเรื่องโรคติดต่อ ขอให้รอสักพักดีกว่า รอให้ คุณพ่อมีภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นก่อน สำหรับอาการป่วยทางร่างกายโอเค จิตใจก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รู้สึกว่าเขามีกำลังใจมากขึ้น เมื่อถามถึงกรณีที่มีข้อวิพากษ์ วิจารณ์เรื่องข้อเอ็นเปื่อยยุ่ย น.ส.แพทองธารยืนยันว่า เป็นโรคคนแก่ จังหวะที่ต้องผ่าเพราะทำของหล่นจากมือไม่ได้ล้มหรือเกิดอุบัติเหตุอะไร เขาพูดเลยว่าก็แก่ ตนสงสาร เพราะผ่านาน ส่วนบรรยากาศที่นาย เศรษฐา ทวีสิน นายกฯ มาพบคุณพ่อไม่ทราบ เพราะเฝ้าลูกอยู่ ลูกไข้ขึ้นและนักข่าวรู้ก่อนวงข่าวคนในย้อนความทรงจำ ๑๗ ปีเมื่อถามถึงกรณีเสียงวิจารณ์นายกฯ ๒ คนภายหลังนายเศรษฐาเข้าพบนายทักษิณ น.ส.แพทองธาร ถอนหายใจยาว ก่อนตอบว่า ตอนนายเศรษฐาเพิ่งขึ้น อยู่กับตนก็บอกมีนายกฯ ๒ คน อยู่กับคุณพ่อก็บอกมีนายกฯ ๒ คน ขอให้นายเศรษฐาทำหน้าที่ของเขาไปดีหรือไม่ ไม่ต้องพูดเรื่องนี้หรือไม่ ผู้สื่อข่าวถามกระเซ้าว่าตอนนี้มีกระแสมีนายกฯ ๓ คน รวมถึง น.ส.แพทองธารด้วย หัวหน้าพรรค พท.ถึงกับถอนหายใจอีกรอบและกล่าวว่า “อิ๊งค์เป็นแม่ที่ลูกเป็นไข้อยู่ค่ะ” ทั้งนี้ การรับประทานอาหารเย็นของครอบครัวชินวัตร เย็นวันที่ ๒๕ ก.พ. มีเพียงสมาชิกครอบครัว ๕ คนเท่านั้น คือคุณพ่อ (นายทักษิณ ชินวัตร) คุณแม่ (คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์) นายพานทองแท้ น.ส.พิณทองทา และตน ไม่มีเขยสะใภ้และหลานๆ เป็นความต้องการของคุณพ่อที่อยากจะย้อนความทรงจำในบ้านหลังนี้ ในอดีตที่ครอบครัวอยู่และเติบโตมาด้วยกันมากกว่า ๑๗ ปีเมนูมื้อสำคัญ “สปาเกตตี-ไข่คว่ำ”ต่อมา น.ส.แพทองธารโพสต์รูปภาพผ่านสตอรีไอจีถึงเมนูอาหารเย็นที่รับประทานร่วมกับครอบครัวเมื่อวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์คือ สปาเกตตี พร้อมระบุข้อความว่า สปาเกตตีสูตรพ่อ แต่แม่ครัวทำเค็มกว่าปกติเล็กน้อย นอกจากนี้ยังมีไข่คว่ำ เช่นเดียวกับ น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ที่โพสต์รูปภาพผ่านสตอรีไอจีเป็นถังไอศกรีม“จ่าประสิทธิ์” ตื๊อขอพบให้กำลังใจก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา ๑๑.๒๐ น. จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ อดีต สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย และอดีตผู้ต้องหาคดี มาตรา ๑๑๒ เดินทางมาจาก จ.ศรีสะเกษ ขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณโดยไม่ได้นัดหมายล่วงหน้า แต่ไม่ได้รับอนุญาต เจ้าตัวต้องนั่งแท็กซี่กลับไป ยืนยันจะประสานขอเข้าพบนายทักษิณให้ได้ โดย จ.ส.ต.ประสิทธิ์กล่าวว่า ตั้งใจมาพบให้กำลังใจนายทักษิณ เป็นคนทำคุณประโยชน์ให้ประเทศไทยและคนไทยมากมาย เชื่อว่าหลายคนดีใจที่นายทักษิณกลับมา และเชื่อมั่นในตัวนายทักษิณ อยากให้รักษาสุขภาพให้ดี การกลับมาครั้งนี้เชื่อว่าจะทำให้คนไทยอยู่ดีกินดี ไม่ว่าจะกลับมารับตำแหน่งเป็นนายกฯได้ในอนาคตก็ดี หรือเป็นที่ปรึกษาหรือจะดำรงตำแหน่งอะไร เชื่อว่าจะทำคุณประโยชน์ให้ประเทศ หากมีทั้งนายทักษิณและนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ จะทำให้คนไทยอยู่ดีกินดีขึ้น จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะหนุนนิรโทษกรรมคดี ม.๑๑๒“กรณีที่มองว่าประเทศไทยมีนายกฯ ๒ คน เป็นเพียงความคิดของคนที่ไม่เห็นด้วย อยากให้ความขัดแย้งจบลง หลายคนไม่เชื่อว่านายทักษิณป่วยจริง คนที่พูดแบบนี้ไม่เปิดใจและไม่ชอบอยู่เบื้อง ลึก ยืนยันนายทักษิณป่วยจริงตั้งแต่ที่ไปพบที่ดูไบก็เป็นโควิด หลักฐานการแพทย์ มีทั้งใบรับรองแพทย์ บุคลากรทางการแพทย์มีจรรยาบรรณ ไม่มีใครเอาศักดิ์ศรีมาแลกกับเรื่องแบบนี้ เห็นด้วยกับการแก้กฎหมายนิรโทษกรรม อยากให้ผู้มีอำนาจโดยเฉพาะสภาฯพิจารณา อยากให้นิรโทษกรรมทุกฝ่าย รวมถึงผู้ต้องคดี มาตรา ๑๑๒” จ.ส.ต.ประสิทธิ์กล่าว“เรด เอฟซี” ยืนชูป้ายส่งกำลังใจต่อมาเวลา ๑๕.๐๐ น. นายนิยม นพรัตน์หรือ “เค สามถุยส์” แกนนำกลุ่ม the red fc พรรคเพื่อไทย พร้อมคณะ ๓ คน มายืนถือป้ายข้อความ “Welcome Home ยินดีต้อนรับนายกขวัญใจมหาชนคนเสื้อแดงกลับบ้าน” พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า มาให้กำลังใจนายทักษิณมา ๒-๓ วันที่ผ่านมาเห็นมีบุคคลอ้างว่าเป็นคนเสื้อแดง แต่จริงๆเป็นฝูงซอมบี้ส้มเข้ามาคลุ้มคลั่งตรงนี้ จึงนำกำลังใจของคนเสื้อแดงแท้ๆมาส่งมอบให้นายทักษิณ กรณีระบุว่านายทักษิณมีอิทธิพลทางการเมือง เป็นการตัดสินใจของนายทักษิณเองเราไม่ก้าวล่วง แต่ใจจริงคนเสื้อแดงอยากให้ท่านกลับมาช่วยหรือเป็นที่ปรึกษาให้รัฐบาล ให้ความเห็นเกี่ยวกับการบริหารประเทศ เพราะเป็นคนมีความรู้ความสามารถเห็นได้จากผลงานที่ผ่านมา ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้พบนายกฯทักษิณ เรา ต้องการให้ท่านพักผ่อน แต่ตั้งใจมาให้กำลังใจ ส่งกำลังใจ เชื่อว่าท่านดูข่าวอยู่ อย่างที่ได้โพสต์เฟซบุ๊ก เสื้อแดงทั้งในประเทศและต่างประเทศฝากส่งกำลังใจ คงไม่ใช่ว่าเรามีนายกฯ ๒ คน แต่พรรคการเมืองตรงข้ามใส่ความ เป็นกระแสไอโอของพรรคส้ม พรรค ก้าวไกลตอนนี้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และนายชัยธวัช ตุลาธน ก็ไม่ใช่หัวหน้าตัวจริงแน่นอน แต่มีถึง ๓ คนขอหยุดหมกมุ่นจับผิดเยี่ยม “ทักษิณ”นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการคลัง เยี่ยมอาการป่วยนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ว่า เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่ถ้าไม่ไปเยี่ยมถือเป็นเรื่องแปลก หรือการที่สมเด็จฮุน เซน ประธานคณะองคมนตรีกัมพูชามาเยี่ยมนายทักษิณก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะรู้จักคุ้นเคยกัน ส่วน สส.ยังไม่ได้หารือกันถึงการไปเยี่ยม แค่กลับมาอยู่บ้าน สส.ก็ดีใจแล้ว ไม่อยากให้ตั้งแง่วิจารณ์กัน ศาลไม่มีคำสั่งห้ามเยี่ยมหรือห้ามแสดงความคิดเห็นอะไร อะไรที่เป็นประโยชน์เชื่อว่ารัฐบาลก็พร้อมจะขอความคิดเห็นในฐานะผู้มีประสบการณ์ คนที่ออกมาวิจารณ์เป็นคนหน้าเดิมๆ เคยพูดให้รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยก้าวข้ามทักษิณ แต่ทุกวันนี้คนเหล่านี้ยังหมกมุ่นไม่ก้าวข้ามทักษิณ แค่มีคนไปเยี่ยมจะกลัวอะไรกันนักหนา กลัวอะไรกับคนอายุ ๗๐ กว่าปี นายทักษิณไม่ใช่อาชญากรเชื่อ ๒ มาตรฐานไม่ลามกระทบ พท.นายวิสุทธิ์กล่าวอีกว่า ส่วนข้อครหาเรื่องกระบวน การยุติธรรมสองมาตรฐานในการปฏิบัติต่อนายทักษิณ มั่นใจไม่ส่งผลกระทบถึงพรรคเพื่อไทย เพราะไม่ได้สองมาตรฐาน ไม่ได้ปล่อยตัวนายทักษิณคนเดียว เป็นการพักโทษ ๙๓๐ คน นายทักษิณเป็นหนึ่งในจำนวนนั้น เป็นหลักสากลที่ทั่วโลกทำกัน ไม่ได้ทำเพื่อนายทักษิณคนเดียว คดีที่นายทักษิณต้องโทษเป็นคดีที่ตั้งฝ่ายตรงข้ามในขณะนั้นมาตัดสิน ใครจะยอมรับได้เอาฝ่ายตรงข้ามมาตรวจสอบ ถามว่านายทักษิณได้รับความยุติธรรมหรือไม่“วิสุทธิ์” ติวเข้มสกัดสภาฯล่มนายวิสุทธิ์ กล่าวถึงกรณีนายกรัฐมนตรีเซ็นคำสั่งแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) แทนนายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปรัฐบาลคนเก่าที่มีปัญหาด้านสุขภาพว่า พร้อมทำหน้าที่อย่างดีที่สุด จะพยายามผลักดันร่างกฎหมายที่ค้างอยู่ในรัฐบาลที่แล้ว ๒๐ ฉบับมาเดินหน้าต่อ ขณะนี้คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบร่างกฎหมายเหล่านี้เสร็จแล้ว เหลือแค่ส่งกลับให้ คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ เพื่อผลักดันเข้าสู่สภาต่อไป นอกจากนี้ได้หารือกับพรรคร่วมรัฐบาลขอความร่วมมือให้การประชุมวิสามัญคณะต่างๆไปประชุมในวันจันทร์ อังคาร หรือวันศุกร์ ไม่ให้ประชุมวันพุธหรือวันพฤหัสฯที่เป็นวันประชุมสภาผู้แทนราษฎร ไม่ให้ สส.เสียสมาธิในการประชุมสภาฯ วิ่งเข้าๆออกๆห้องประชุม อยากให้ สส.อยู่ในห้องประชุมให้ความสำคัญการประชุมสภา ที่เป็นหน้าที่หลักให้ประชาชน ขอ ๒ วันคือ วันพุธ วันพฤหัสฯ ให้อยู่ร่วมประชุมเต็มที่ คอยผลักดันสนับสนุนหฎหมายฝ่ายรัฐบาล มั่นใจว่าหลังจากนี้จะไม่เกิดปัญหาสภาล่ม หรือความขัดแย้งในพรรครัฐบาล จะพูดคุยหารือกันอย่างใกล้ชิด วิสุทธิ์ ไชยณรุณโพลหนุนคนนอกร่วม กก.พักโทษวันเดียวกัน “นิด้าโพล” ผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “อำนาจราชทัณฑ์กับการเมืองหลังพักโทษ” ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๒ ก.พ. จากประชาชนที่มีอายุ๑๘ปีขึ้นไปจำนวน ๑,๓๑๐ หน่วยตัวอย่าง โดยเมื่อถามถึงอำนาจของกรมราชทัณฑ์ในการพิจารณาลดโทษหรือพักโทษให้กับนักโทษหลังจากศาลมีคำพิพากษา พบว่าร้อยละ ๔๐.๐๐ ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย รองลงมาร้อยละ ๑๙.๔๗ ระบุเห็นด้วยมาก ร้อยละ ๑๙.๑๖ ระบุไม่ค่อยเห็นด้วย ร้อยละ ๑๘.๐๑ ระบุว่า ค่อนข้างเห็นด้วยและร้อยละ ๓.๓๖ ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ เมื่อถามความคิดเห็นต่อการพิจารณาลดโทษ หรือพักโทษของกรมราชทัณฑ์ ควรมีผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกร่วมเป็นกรรมการ ร้อยละ ๔๑.๖๙ ระบุว่า เห็นด้วยมาก รองลงมาร้อยละ ๒๔.๕๘ ระบุว่า ค่อนข้างเห็นด้วย ร้อยละ ๒๔.๒๗ ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย ร้อยละ๘.๗๐ ระบุว่า ไม่ค่อยเห็นด้วย และร้อยละ ๐.๗๖ ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจนายใหญ่คัมแบ็กคะแนนนิยม พท.ดิ่งเมื่อถามความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองหลัง “ทักษิณ ชินวัตร” ได้รับการพักโทษ ร้อยละ ๕๐.๓๘ ระบุว่า “ทักษิณ ชินวัตร” จะมีบทบาทในการให้คำปรึกษากับพรรคเพื่อไทย รองลงมาร้อยละ ๒๘.๙๓ การชุมนุมต่อต้าน “ทักษิณ ชินวัตร” จะไม่สามารถจุดติดเป็นการชุมนุมใหญ่ ร้อยละ ๒๖.๗๒ คะแนนนิยมพรรคเพื่อไทยจะลดลงจากบทบาทที่มากขึ้นของ “ทักษิณ ชินวัตร” ร้อยละ ๒๑.๖๘ การชุมนุมต่อต้าน “ทักษิณ ชินวัตร” จะสามารถจุดติดเป็นการชุมนุมใหญ่ ร้อยละ ๑๙.๖๙ ระบุว่า การต่อสู้ทางการเมืองระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลจะเข้มข้นขึ้น ร้อยละ ๑๙.๒๔ ระบุว่า เร็วๆนี้จะมีการปรับคณะรัฐมนตรี ร้อยละ ๑๗.๖๓ ระบุว่า “ทักษิณ ชินวัตร” จะไม่ยุ่งกับการเมืองอีกแล้ว“สนธิญา” ค้านประกันตัว “ตะวัน-แฟรงค์”ช่วงสายที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก กทม.นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการกฎหมายการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ยื่นหนังสือต่อศาลเพื่อคัดค้านการให้ประกันตัว น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือตะวัน และนายณัฐนนท์ ไชยมหาบุตร หรือแฟรงค์ นักกิจกรรมทางการเมืองแนวร่วมกลุ่มทะลุวังผู้ต้องหาคดีก่อความวุ่นวายรถขบวนเสด็จ เมื่อวันที่ ๔ ก.พ. ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ พ.ศ.๒๕๖๐ มาตรา ๔๑(๑)(๒) ประกอบมาตรา ๕๐ โดยนายสนธิญากล่าวว่า ก่อนหน้านี้เคยร้องทุกข์กล่าวโทษที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาลขอให้พิจารณาวินิจฉัยการกระทำของ น.ส.ทานตะวันและพวก เมื่อวันที่ ๔ ก.พ. และวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์คดีขวางขบวนเสด็จ กรณีของ น.ส.ทานตะวันและพวก เป็นการกระทำผิดกฎหมายอาญาเกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐ ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา ๕๐ ระบุว่า หน้าที่ของปวงชนชาวไทยคือพิทักษ์รักษาไว้เพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หากผู้ใดแทรกแซงสามารถร้องทุกข์กล่าวโทษได้ สนธิญา สวัสดีชี้กระทำผิดซ้ำซากไม่ต่ำกว่า ๗-๘ ครั้งนายสนธิญากล่าวว่า เมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์เห็นภาพของพ่อของ น.ส.ทานตะวันเดินทางมาขอยื่นคำร้องให้ปล่อยชั่วคราว เห็นด้วยคนเป็นพ่อย่อมรักลูก แต่บ้านเมืองมีกฎหมาย การกระทำของ น.ส.ทานตะวัน เสี่ยงต่อความมั่นคงของรัฐ ที่ผ่านมา น.ส.ทานตะวันและพวก เคยกระทำมาเป็นลำดับไม่ต่ำกว่า ๗-๘ครั้ง ล่าสุดขัดขวางขบวนเสด็จฯ การที่ น.ส.ทานตะวันอดข้าวประท้วง เพราะไม่เห็นด้วยที่ถูกดำเนินคดีนั้น มองว่าทำได้แต่ยังมีข้อเรียกร้องหลายข้อที่ไม่เป็นไปตามการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตนมีลูกสาวอายุใกล้เคียงกับตะวันปัจจุบันเรียนจบปริญญาโทคณะรัฐศาสตร์ ได้สอนให้ลูกรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์เข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อ แต่ต้องยึดมั่นในชาติ ศาสน์ กษัตริย์เหนือชีวิต เชื่อว่าหลายคนไม่เห็นด้วยหากให้ประกันตัวทั้งสอง“พ่อตะวัน” ส่งใบรับรองแพทย์เพิ่มต่อมานายสมหมาย ตัวตุลานนท์ พ่อของ น.ส.ทานตะวัน พร้อมด้วยนายนภสินธุ์ ตรีรยาภิวัฒน์ หรือสายน้ำ กลุ่มทะลุวังและคณะ เดินทางมาฟังคำสั่งการขอปล่อยชั่วคราว น.ส.ทานตะวัน และนายณัฐนนท์ ผู้ต้องหาคดี ม.๑๑๖ กรณีบีบแตรขัดขวางขบวนเสด็จฯ นายสมหมายกล่าวว่า ศาลได้ขอเอกสารเพิ่มเติมเป็นใบรับรองทางการแพทย์ระบุรายละเอียดการรักษา น.ส.ทานตะวัน เป็นใบรับรองแพทย์จาก รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ส่วนนายณัฐนนท์เป็นใบรับรองแพทย์จาก รพ.ราชทัณฑ์ ได้นำมายื่นตามที่ศาลร้องขอ พร้อมขอความเมตตาจากศาลให้พิจารณาการปล่อยตัวชั่วคราวทั้งสองด้วย ส่วนกรณีที่นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการกฎหมายการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาฯ ยื่นหนังสือคัดค้านการประกันตัว เป็นสิทธิตามกฎหมายศาลยกคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวช่วงบ่ายศาลอาญาพิเคราะห์คำร้องขอปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งสอง ประกอบความเห็นของแพทย์ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ตรวจรักษา น.ส.ทานตะวัน พบว่าเข้ารับการรักษาด้วยภาวะทุพโภชนาการและระดับเกลือแร่ในเลือดผิดปกติ ผู้ป่วยปฏิเสธการให้สารน้ำและยาทางหลอดเลือดดำ เห็นสมควรเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลตั้งแต่วันที่ ๒๒ ก.พ. ถึงปัจจุบัน ให้ผู้ป่วยได้รับสารน้ำและเกลือแร่อย่างเพียงพอและตรวจติดตามสังเกตอาการและตรวจติดตามผลเลือดเป็นระยะต่อไป ส่วนแพทย์ทัณฑสถาน รพ.ราชทัณฑ์ ตรวจร่างกายของนายณัฐนนท์มีความเห็นว่า ตั้งแต่วันที่ ๑๖ ก.พ. เข้ารับการรักษาตัวในหอผู้ป่วยอายุรกรรมชายชั้น ๖ ด้วยอาการปวดท้อง อ่อนเพลีย ๓ วัน เนื่องจากอดอาหารจากความประสงค์ของผู้ป่วยเอง (สอบถามสาเหตุเป็นอุดมการณ์ทางการเมือง ไม่ใช่จากอาการทางจิต) แพทย์เห็นว่า ปัจจุบันยังนอนพักภาย รพ.ราชทัณฑ์ เพื่อสังเกตอาการใกล้ชิด ผู้ป่วยปฏิเสธการรับยา ปฏิเสธรับสารน้ำทางหลอดเลือด ปฏิเสธการรักษาทางการฉีดยาน้ำเกลือ ศาลเห็นว่า ศาลเคยมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งสองโดยระบุเหตุผลไว้ชัดเจนแล้ว ส่วนกรณีอาการเจ็บป่วยของผู้ต้องหาทั้งสอง ขณะนี้อยู่ภายใต้การดูแลรักษาของแพทย์โดยใกล้ชิดแล้ว ยังไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม ยกคำร้องไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งสองนายกฯสั่งต่อยอดหลังเยือน ตปท.นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกฯวางแนวทางการทำงาน และติดตามความคืบหน้าความร่วมมือระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง พร้อมส่งเสริมการต่อยอดความร่วมมือทางธุรกิจ สานต่อจากผลการหารือระหว่างนายกฯกับบุคคลสำคัญจนทำให้เห็นผลสำเร็จ ตกตะกอนเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ ยินดีที่ฮ่องกงสนับสนุนธุรกิจและสินค้าไทยในตลาดฮ่องกง จากการเยือนเขตบริหารพิเศษฮ่องกง สาธารณรัฐ ประชาชนจีน เดือน ตุลาคม๖๖ โดยส่งผลให้กระทรวงพาณิชย์ได้ต่อยอดผ่านการหารือ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกงประจำกรุงเทพมหานคร (Hong Kong Economic and Trade Office (HKETO), Bangkok) เน้นย้ำถึงนโยบายการผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ ด้านสินค้าและบริการไทย โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและอาหารที่เป็นที่นิยมของชาวฮ่องกง ผ่านการจัดกิจกรรมงานแสดงสินค้าอาหาร ผลไม้ ข้าวหอมมะลิ ตลอดจนธุรกิจบริการของไทย อาทิ โรงแรม โรงพยาบาล ในปี ๖๗ และสนับสนุนนักธุรกิจไทยไปทำธุรกิจที่ฮ่องกง พร้อมชี้ว่าสินค้าแฟชั่นและอัญมณีและเครื่อง ประดับเป็นภาคธุรกิจที่น่าสนใจในตลาดฮ่องกง และยังมีความต้องการด้านอาหารอยู่มาก เช่น โปรตีนทางเลือกและอาหารสุขภาพ“ธนกร” ฝากลุย ๘ ศักยภาพ ปท.จริงจังนายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า เห็นด้วยจากที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รัฐมนตรีว่าการคลัง แถลงวิสัยทัศน์ประเทศไทย ประกาศยกระดับ ๘ ศักยภาพของประเทศให้เป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียน เพราะประเทศไทยมีศักยภาพ จุดเด่นอย่างมากที่จะพัฒนาให้ทุกด้านไปสู่ความเป็นผู้นำในภูมิภาคนี้ได้ จะส่งผลให้สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศให้เติบโตได้อย่างก้าวกระโดด และมั่นคงได้ในระยะยาว ทั่วโลกต่างยอมรับว่าประเทศไทยมีความพร้อมมีจุดเด่นในหลายด้าน แต่รัฐบาลจะต้องมีการบริหารจัดการและวางยุทธศาสตร์ให้ดี ทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว อาศัยความร่วมมือทุกฝ่ายและเดินหน้าอย่างจริงจัง เชื่อว่าการโชว์วิสัยทัศน์ครั้งนี้ของนายกฯ จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในโครงการต่างๆ ทั้งศักยภาพ ๘ ด้านของไทยเป็นไปได้ตามเป้าที่รัฐบาลวางไว้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์“พิธา” เสวนาก๊วนธุรกิจพิษณุโลกเมื่อเวลา ๑๔.๐๐ น. ห้องคอนเวนชั่นฮอลล์ โรงแรม ท็อปแลนด์ จ.พิษณุโลก กลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่หอการค้าจังหวัดพิษณุโลก (YEC Phitsanulok) จัดงาน PED TALK โลกธุรกิจใน ๕ ปี ข้างหน้า โดยมีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อและประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ก.ก. บรรยายพิเศษ หัวข้อเรื่อง “ธุรกิจโลก ธุรกิจไทย ในอีก ๕ ปี ข้างหน้า” โดยนายพิธากล่าวว่า เดินทางมา จ.พิษณุโลก เพื่อปฏิบัติภารกิจ ๒ อำเภอ ๒ เรื่องด้วยกัน ภารกิจแรกที่ อ.วัดโบสถ์ เป็นปัญหาที่ดิน ทำมาหากินของประชาชน เป็นเรื่องป่าทับที่ติดอยู่ในป่าสงวนแห่งชาติ แต่เป็นป่าสงวนฯที่เสื่อมโทรมแล้ว แต่ประชาชนเข้าถึงสาธารณูปโภคไม่ได้ เสร็จจาก อ.วัดโบสถ์แล้วเดินทางสู่ อ.เมืองพิษณุโลก มาพบเครือข่าย YEC พิษณุโลก พูดคุยเรื่องเศรษฐกิจไทย เศรษฐกิจโลก ในอีก ๕ ปีข้างหน้า เพื่อให้กลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่และผู้ประกอบการได้นำความรู้ไปปรับใช้กับธุรกิจของตัวเองได้ในอนาคตทวงสัญญา พท.-ก.ก.สางคดีเสื้อแดงเมื่อเวลา ๑๐.๐๐ น. ที่สำนักงานกฎหมายธนา เบญจาทิกุล หมู่บ้านชวนชื่นโมดัชวิภาวดี เขตดอนเมือง คณะประชาชนทวงความยุติธรรม ๒๕๕๓ หรือ คปช.๕๓ นำโดยนางธิดา ถาวรเศรษฐ นพ.เหวง โตจิราการ พร้อมทีมทนายความและญาติผู้เสียชีวิตในเหตุสลายชุมนุม เม.ย.-พฤษภาคม๕๓ ร่วมกันแถลงถึงการทวงความยุติธรรมให้คนเสื้อแดง นางธิดากล่าวว่า เหตุการณ์ปราบปรามคนเสื้อแดงปี ๕๓ คดีถูกแช่แข็งมาตั้งแต่รัฐประหาร ๕๗ บัดนี้เหลือเวลาอีกไม่นานที่จะครบกำหนดอายุความ คปช.จึงจะยื่นหนังสือถึงพรรคเพื่อไทยวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์และพรรคก้าวไกลวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์เพื่อทวงคำสัญญาที่ให้ไว้ก่อนเลือกตั้ง ที่จะสะสางการตายของคนเสื้อแดงและทหารจากเหตุสลายชุมนุมครั้งนั้น อาทิ ตั้งกรรมการตรวจสอบ การลงนามรับรองเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศ เฉพาะกรณีเหตุการณ์ ๕๓ ฯลฯ สิบกว่าปีผ่านมาเหตุการณ์นี้นอกจากจะไม่ได้รับการไต่สวนชันสูตรพลิกศพให้ครบถ้วนแล้ว คดีที่ดำเนินไปก็ถึงจุดตีบตันอ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่
กินข้าวพร้อมหน้าพ่อแม่ลูก “ทักษิณ” รำลึก ๑๗ ปี ไม่มีหลานๆกับเขยสะใภ้
Related posts