Thursday, 19 December 2024

ก้าวไกล จี้ กู้เรือหลวงสุโขทัยทั้งลำ ไม่ใช่ให้แค่สหรัฐฯ มาช่วยปลดอาวุธ

26 Feb 2024
117

“ชยพล สท้อนดี” ไล่ไทม์ไลน์เรือหลวงสุโขทัย ซัด ล่มมาปีกว่า แต่กองทัพเรือยังไม่ชัด จะกู้ทั้งลำหรือไม่ หลังเปิดทางให้สหรัฐฯ ช่วยแค่ปลดอาวุธ จี้ต้องกู้เรือ ประชาชนจึงจะได้เห็นความจริงวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ที่อาคารอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล นายชยพล สท้อนดี สส.กรุงเทพฯ เขต ๘ พรรคก้าวไกล แถลง Policy Watch หัวข้อ “นิราศ(เรือหลวง)สุโขทัย: จากเรือรบสู่ปะการังเทียม?” โดย นายชยพล ได้ไล่ไทม์ไลน์ของเรือหลวงสุโขทัยที่อับปางลงตั้งแต่วันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๕ พร้อมกับกำลังพลอีก ๑๐๖ นาย ซึ่งขณะนั้นกองทัพเรือได้เดินเรือออกจากฐานทัพเรือสัตหีบ จ.ชลบุรี มุ่งหน้าไปร่วมงานเทิดพระเกียรติ พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เนื่องในวันครบรอบ ๑๐๐ ปี วันคล้ายวันประสูติขององค์พระบิดาของกองทัพเรือไทย จนเกิดเหตุการณ์เรือล่ม โดยพบว่ายังมีปัญหาการซ่อมบำรุงของเรือหลวงสุโขทัย เช่น เรื่องการซ่อมบำรุงแผ่นเหล็กที่ถูกกร่อนจนบางต่ำกว่ามาตรฐาน ซึ่งซ่อมไปเพียง ๕ จุด จาก ๑๓ จุดที่มีปัญหา แล้วไปซ่อมอีก ๑๐ จุดที่ไม่ได้มีปัญหาอะไร และมีคิวรอการซ่อมอยู่ถึง ๑๙ รายการ ต่อมาเมื่อวันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๖๖ กองทัพเรือได้เริ่มเปิดให้บริษัทได้ยื่นซองประมูลโครงการกู้เรือหลวงสุโขทัยเป็นครั้งแรก ผ่านไปเป็นเวลา ๒ เดือนหลังจากวันที่เรือล่ม และคาดว่าจะเริ่มกู้เรือกันได้ในเดือนเมษายน ปี ๒๕๖๖ เป็นอย่างช้า หลังจากผ่านไปกว่า ๗ เดือน ในช่วงเดือนกันยายน ปี ๒๕๖๖ นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการการทหาร ได้ตั้งข้อสังเกตว่ามีการล็อกสเปกในการจัดซื้อจัดจ้างหรือไม่ ทำให้ สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต้องออกมาขอสอบสวนหาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นและในระหว่างวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๖๖ กองทัพเรือก็เริ่มต้นกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างใหม่ทั้งหมด โดยให้เหตุผลว่าเอกสารไม่ครบ ขัดกับที่กองทัพกล่าวไว้แต่แรกว่าพร้อมเริ่มกู้เรือตั้งแต่เดือนเมษายน ๒๕๖๖  นายชยพล กล่าวต่อว่า วันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๖๗ ตนได้เปิดเอกสารจาก JUSMAGTHAI ๒ ฉบับ ซึ่งมีเนื้อหาคือการทวงถามรายงานข้อเท็จจริงในกรณีเรือหลวงสุโขทัยอับปาง และการเตือนว่าตามสัญญาการใช้ยุทโธปกรณ์จากสหรัฐอเมริกา ก่อนจะให้บุคคลที่สามมายุ่งกับยุทโธปกรณ์ของสหรัฐฯ ได้ ต้องได้รับคำยินยอมจากรัฐบาลของสหรัฐฯ ก่อน และ JUSMAG ก็ได้ส่งหนังสือมาแจ้งกองทัพเรือไทย ให้ทำตามข้อตกลงการใช้อาวุธ โดยส่งหนังสือมาครั้งแรกเมื่อวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๖๖ แจ้งให้ส่งรายงานโดยระบุข้อมูลคือ “วันที่เกิดเหตุ ข้อเท็จจริงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น การแก้ไขข้อผิดพลาดโดยกองทัพเรือ และข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์”ทางสหรัฐฯ รอคำตอบจากกองทัพเรือไทยมาเกือบปี ซึ่งหมายความว่าตลอด ๑ ปี กองทัพเรือเตะถ่วงเรื่องการกู้เรือและล่าช้าในเรื่องการสรุปข้อเท็จจริงที่ควรต้องชี้แจงให้ประชาชนและประเทศคู่ค้าด้วย ขณะที่ในวันที่ ๒๖ มกราคมที่ผ่านมา ผบ.ทร. ได้ให้สัมภาษณ์ถึงความร่วมมือกับกองทัพเรือสหรัฐฯ ว่าจะร่วมมือกันลงไปสำรวจซากเรือหลวงสุโขทัย ลงไปถ่ายรูปสำรวจเก็บหลักฐาน พร้อมตามหาผู้สูญหายอีก ๕ นาย และปลดอาวุธเรือ แต่พอพูดถึงเรื่องการกู้เรือ กลับไม่มีระบุว่ากองทัพเรือสหรัฐฯ จะร่วมการกู้เรือครั้งนี้ หรือจะยังคงมีการกู้เรืออยู่หรือไม่ ทั้งที่กองทัพเรือได้เข้ามาชี้แจงในสภาฯ หลายต่อหลายครั้ง ไม่ว่าใน กมธ.การทหาร และ กมธ.งบประมาณ ๒๕๖๗ ได้พูดถึงความตั้งใจจริงที่จะกู้เรือ โดยระบุความจำเป็นของการกู้เรือไว้ ๓ ข้อ คือ (๑) เพราะซากเรือขวางทางเดินเรือ (๒) เพื่อตามหาผู้สูญหายอีก ๕ นาย และ (๓) เพื่อใช้เป็นหลักฐานสำคัญในการสรุปข้อเท็จจริง จึงจำเป็นต้องกู้อย่างเร่งด่วน เพื่อหาความจริงให้ครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบ และเพื่อหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสาเหตุการล่มของเรือหลวงสุโขทัย จึงจะสามารถเปิดรายงานข้อเท็จจริงทั้งหมดให้กับประชาชนได้  นายชยพล กล่าวต่อว่า ตนจึงต้องการย้ำว่าการกู้เรือเท่านั้นถึงจะเห็นความจริง ต้องกู้เรือเท่านั้นถึงจะเปิดเผยรายงานได้ เข้าใจได้ว่ากองทัพเรือไทยไม่สามารถกู้เรือได้เอง แต่ไม่เข้าใจตรงที่เมื่อมิตรประเทศอย่างสหรัฐฯ ได้มาถึงที่แล้ว เหตุใดไม่ให้สหรัฐฯ ช่วยอย่างสุดทาง ทำไมถึงจบแค่การปลดอาวุธ “หรือเพราะว่าสัญญาการใช้ยุทโธปกรณ์ของสหรัฐฯ จะครอบคลุมเฉพาะเมื่อตัวเรือยังดำรงสภาพการเป็นยุทโธปกรณ์ หากมีการปลดอาวุธแล้ว ก็จะสิ้นสถานะการเป็นยุทโธปกรณ์ทันที ซึ่งแปลว่าจะกู้หรือไม่กู้ จะรู้หรือไม่รู้ความจริง ก็ไม่มีใครมาบังคับได้อีกแล้ว JUSMAG จะไม่ได้ดูแลเรือหลวงสุโขทัยอีกต่อไป ชะตากรรมของเรือหลวงสุโขทัยจะอยู่ในมือของกองทัพเรือไทยเท่านั้น” นายชยพล ยังกล่าวทิ้งท้ายอีกว่า ตอนนี้ท่าทีของกองทัพเรือเอง ไม่มีความชัดเจนเลยว่าจะยังกู้เรืออยู่หรือไม่ ขัดกับคำพูดตลอด ๑ ปีที่ผ่านมา เราจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องขอให้กองทัพเรือออกมายืนยันให้ชัด ว่าสรุปแล้วเราจะได้รู้ความจริงเมื่อใดกันแน่