“วราวุธ” ลั่น คณะรัฐมนตรีนี้มี “เศรษฐา” เป็นนายกฯ คนเดียว มองเป็นเรื่องธรรมดาจะมีที่ปรึกษาเยอะ พร้อมสั่งการ ศรส. ตรวจสอบสถานรับเลี้ยงเด็กเถื่อนย่านนนทบุรี หลังได้รับร้องเรียน ฝากประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตา วันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล ถึงกรณีที่ขณะนี้มีข้อวิพากษ์วิจารณ์ว่าหลังจาก นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางกลับไทย ทำให้ประเทศเหมือนมีนายกรัฐมนตรี ๒-๓ คน ว่า ไม่ว่าจะมีวาทกรรมนายกฯ กี่คนก็แล้วแต่ แต่เวลาที่ตนเข้าประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็เห็นมีอยู่ท่านเดียวคือ นายเศรษฐา ทวีสิน ซึ่งเมื่อช่วงเช้าก่อนประชุม ครม. ท่านก็เพิ่งจะเดินเยี่ยมชมบูธ ทั้งนี้ ตนมองว่าเป็นเรื่องปกติที่คนเป็นนายกฯ จะต้องมีทีมที่ปรึกษาที่เก่งในมิติต่างๆ ดังนั้นการที่บอกว่ามีนายกฯ ๒-๓ คน อาจจะเป็นมิติของการขอคำปรึกษาหรือหารือข้อราชการกับบุคคลกลุ่มต่างๆ ถ้าอย่างนั้นจะบอกได้หรือไม่ว่าขณะนี้เรามีนายกฯ ประมาณ ๒๐ คน ซึ่งเรื่องการขอคำปรึกษาต่างๆ ท้ายที่สุดนายกฯ ก็จะมีเพียงหนึ่งเดียวที่จะเป็นคนตัดสิน และดำเนินการตามครรลองของ ครม. นอกจากนี้ นายวราวุธ ยังกล่าวถึงกรณีที่ นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนนทบุรี และตำรวจ สภ.ไทรน้อย เข้าตรวจสอบหลังได้รับร้องเรียนว่ามีการเปิดบ้านเป็นสถานรับดูแลเด็กออทิสติกไม่ถูกสุขลักษณะ และผู้ดูแลมีพฤติกรรมใช้ความรุนแรง ว่า เรื่องนี้ได้ขอให้ศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) ลงไปดำเนินการกับศูนย์ที่ไม่ได้รับอนุญาต และต้องขอบคุณภาคเอกชนที่ช่วยเป็นหูเป็นตา เพราะตนย้ำอยู่เสมอว่าปัญหาสังคมถ้าเทียบกับหน่วยงานของ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ซึ่งมีเจ้าหน้าที่จำนวนน้อย การมีส่วนร่วมของภาคประชาชนจึงทำให้เราสามารถทำงานดูแลเด็กได้มากขึ้นสำหรับการตรวจสอบปัญหาสถานรับเลี้ยงเด็ก ค่อนข้างจะเป็นไปได้ไม่รวดเร็วเท่าที่ควร เพราะศูนย์เหล่านี้อยู่ตามชุมชน นึกจะตั้งก็ตั้งขึ้นมา ขณะที่เจ้าหน้าที่ของเรามีจำนวนจำกัด แม้จะมีการออกตรวจเป็นประจำอยู่แล้ว แต่หากพี่น้องประชาชนเห็นว่ามีศูนย์ดูแลเด็ก หรือสถานดูแลผู้สูงอายุที่จัดตั้งใหม่ และมีข้อสงสัยว่าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ขอให้แจ้งมาที่ ศรส. หรือสายด่วน ๑๓๐๐ ตลอด ๒๔ ชั่วโมง.
