Thursday, 7 November 2024

“เศรษฐา” ไม่โกรธ-น้อยใจ เจอเย้ยนายกฯ ๒-๓ คน เพื่อไทยดันซีรีส์ยูริกระตุ้นเศรษฐกิจ

“เศรษฐา” เมินเสียงแซะเข้าหา “ทักษิณ” ลั่นไม่ทำให้เปลี่ยน วิธีการทำงาน ยังลุยงานต่อเนื่อง แต่พร้อมรับคำชี้แนะ ไฟเขียว รมต. เยี่ยม “นายใหญ่” ตามสบาย “อิ๊งค์” เผยคิวต่อไปเป็น “เขย-สะใภ้-หลานๆ” “เสี่ยอ้วน” รอจังหวะเหมาะไปกราบ “ไชยันต์” บี้ “พีระพันธุ์” แจงปมป่วยทิพย์ นายกฯตรวจเยี่ยมบ้านพัก ทร. สานฝันสร้างบ้านพักใหม่เอาใจกำลังพล จ่อดูความเป็นอยู่ครู-จนท.สธ. เร่งปิดจ๊อบถนน ๗ ชั่วโคตร จุดพลุตลาดหุ้นไทย Wall Street อาเซียน “พ่อตะวัน” เขียนด้วยลายมือถึงอธิบดีศาลอาญา ถ้าตายในคุกใครต้องรับผิดชอบ หน้าเศร้ากังวลอาการลูกสาว-แฟรงค์การพักโทษของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ยังเป็นที่จับจ้องของหลายฝ่าย ขณะที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ไม่สนเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องประเทศไทยมีนายกฯ ๒-๓ คน ไม่สามารถเปลี่ยนวิธีคิดและแนวทางการทำงานที่มีอยู่ได้ ยืนยันยังคงมุ่งมั่นทำงานต่อไปเหมือนเดิม“เศรษฐา” เมินคนแซะเข้าหา “ทักษิณ”เมื่อเวลา ๐๙.๔๕ น.วันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ที่ซอยอรุณอมรินทร์ ๓๕ ฝั่งธนบุรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงการเข้าพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เมื่อวันที่ ๒๔ ก.พ. ที่ยังคงมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าประเทศไทยมีนายกฯ ๒-๓ คน ว่า ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการกระทำ บอกว่าตนไม่ใช่นายกฯคนเดียวก็ไม่ได้เปลี่ยนวิธีการทำงาน ยังลงพื้นที่ทำงานทุกวันเหมือนเดิม ห้ามการเปลี่ยนแปลงและวิธีคิดของคนไม่ได้ก็ทำงานต่อไปไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้โกรธน้อยใจหรืออะไรทั้งสิ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ตื่นเช้าไปทำงาน วันที่ ๒๗ ก.พ. ประชุม ครม. และลงพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ กลับมาก็ลงพื้นที่ต่อที่ จ.ศรีสะเกษ และ จ.ร้อยเอ็ด จากนั้นมีการประชุม ครม. วันที่ ๓ มี.ค. และวันที่ ๔ มี.ค. เดินทางไปประชุมอาเซียนที่ออสเตรเลีย ก่อนเดินทางต่อไปที่เยอรมันและฝรั่งเศสก็ยังทำงานห้ามไม่ได้ถ้าอยากให้คำปรึกษาก็พร้อมรับนายเศรษฐากล่าวว่า ต้องยอมรับว่านี่คือสังคมไทย นายทักษิณเป็นนายกฯที่ได้รับความนิยมชมชอบสูงสุดคนหนึ่ง ตนก็ชื่นชอบนโยบายท่านดี ถ้าอยากให้คำปรึกษาก็พร้อมรับ เช่นเดียวกับอดีตนายกฯคนอื่น เช่น นายอานันท์ ปันยารชุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพิ่งรับตำแหน่งได้ ๖ เดือนต้องรับฟังข้อมูล คำเสนอแนะของผู้ใหญ่ แต่กาลเวลาเปลี่ยนไปบางอย่างอาจทำได้ในสมัยก่อน แต่บางอย่างต้องเปลี่ยนแปลง หน้าที่คือรับฟังแล้วไปวิเคราะห์ว่าสามารถทำได้หรือไม่ ส่วนวาทกรรมนายก ๑-๒-๓-๔ มันไม่เกี่ยวหรอก คุยเรื่องความดีกว่า อยากให้ประเทศเดินหน้าในฐานะผู้บริหารสูงสุดต้องมีการกลั่นกรองข้อมูลตรงไหนทำได้ก็ทำไฟเขียว รัฐมนตรีเยี่ยม “นายใหญ่”ผู้สื่อข่าวถามว่าการเข้าพบครั้งนี้เป็นการเข้าเยี่ยม มีแผนจะเข้าพบเพื่อขอคำปรึกษาอีกหรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่ายังไม่อยู่ในแพลน แต่มีรัฐมนตรีบางคนเข้ามาถามว่าจะเข้าไปเยี่ยมได้หรือไม่ บอกไปว่าตามสบาย แล้วแต่ท่านเลย เป็นผู้บังคับบัญชาเก่า เป็นนายเก่า ไม่มีปัญหาอะไรหรอก ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ บางท่านมีประวัติยาวนานกว่าตนเยอะ รู้จักกันมา ๒๐-๓๐ ปีแล้ว ไม่เจอกันมา ๑๐ กว่าปี ตามธรรมเนียมคนไทยต้องไปเยี่ยมเยียนกันบ้าง ไม่ได้คิดอะไร เมื่อถามว่าได้พูดคุยเรื่องปรับ คณะรัฐมนตรีกับนายทักษิณหรือไม่ นายเศรษฐาทำหน้านิ่งครู่หนึ่งก่อนตอบว่า คำถามนี้ไม่ควรจะถามนะ นายทักษิณไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ ครม. ยืนยันตลอดคำตอบคือคำตอบเดิม จะพูดทำไมว่าปรับ ครม. พยายามทำงานอยู่ พูดไปบางคนอาจจะกังวล บางคนอาจไม่สบายใจ วันนี้เราต้องเดินหน้าทำงานกันดีกว่า เมื่อถึงเวลาต้องปรับก็ทราบกันเองว่าต้องปรับ และตนเป็นคนทูลเกล้าฯถวายเอง คิวต่อไปเป็น “เขย-สะใภ้-หลาน”ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย โพสต์ลงไอจีเป็นภาพที่ถ่ายร่วมกับนายพานทองแท้ ชินวัตร และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ พี่ชายและพี่สาว เมื่อวันที่ ๒๕ ก.พ. ที่ไปรับประทานอาหารร่วมกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ระบุว่า “ทานข้าว ณ จันทร์ส่องหล้า เป็นอีกวันที่น่าจดจำของครอบครัวเรา คุณพ่อชวนมาทานข้าวกัน ๕ คน (เขย-สะใภ้ หลานๆ จองคิวอาทิตย์หน้า) พ่อบอกว่าบรรยากาศเหมือนเดิมเลย โต๊ะทานข้าวก็ตัวเดิม แต่หันมาอีกทีโตกันหมดแล้ว เนื้อหาที่คุยก็เป็นเรื่องเดียวกันแล้วเข้าใจกันทุกๆอย่าง ทุกๆความรู้สึก ขอบคุณพ่อกับแม่ที่เลี้ยงให้เรารักกัน (ซึ่งพ่อจะพูดเสมอว่ายกความดีเรื่องนี้ให้แม่) ขอบคุณพี่ๆที่เป็นหลังแน่นๆให้กันเสมอ ขึ้นรถกลับมีความคิดว่า “เอ๊ะ หรือเราจะมีลูกอีกคนดี” เป็นมื้อค่ำที่แม้จะไม่ได้ทานด้วยเพราะกลัวแพร่เชื้อ แต่ก็อิ่มใจไปในความรู้สึกที่ได้คุยกันมากจริงๆ ดีใจจัง #บ้านจันทร์ส่องหล้ามีพ่อแล้ว”“อ้วน” รอจังหวะเหมาะไปกราบนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงโอกาสเข้าพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่บ้านจันทร์ส่องหล้าว่า ขณะนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม เนื่องจากเพิ่งได้รับการพักโทษและยังมีอาการป่วยอยู่ ควรให้ใช้เวลาพักฟื้นร่างกายให้แข็งแรงใช้เวลาอยู่กับครอบครัวให้มากที่สุดให้สมกับที่ท่านรอคอยมาถึง ๑๗ ปีกว่าจะได้กลับเข้าประเทศ ขอให้ท่านรักษาร่างกายให้แข็งแรงกว่านี้ก่อน มีโอกาสและเวลาที่เหมาะสมรับรองจะเข้าไปพบอดีตนายกฯทักษิณที่บ้านจันทร์ส่องหล้าแน่นอน รอให้เวลาและสถานการณ์ต่างๆสงบกว่านี้ก่อน เพราะท่านเป็นเจ้านายเก่าและตนทำงานกับท่านมา ๒๐ กว่าปีแล้ว ย่อมมีความรักความผูกพันให้กัน ส่วนที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุอยากให้คุณพ่อได้เจอคนในพรรค พท.บ้าง เพราะคิดว่าทุกคนคิดถึงนั้น ถือเป็นเรื่องที่ดี ก่อนหน้าที่อดีตนายกฯจะกลับมา หลายคนที่เป็นลูกน้องเก่ารวมทั้ง สส. ต่างก็อยากพบท่านทุกคน เชื่อว่า เมื่อร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ดีแล้ว ท่านอาจมาพบกับพวกเราในการประชุม สส.พรรค พท. แต่ยังไม่ใช่ในช่วงนี้“อนุสรณ์” เย้ยฝ่ายค้านเข็นไม่ขึ้นนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ เข้าเยี่ยมอาการป่วยนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯว่า นายเศรษฐาเป็นนายกฯที่ขยันขันแข็ง ทำงานไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย ยิ่งรัฐบาลสร้างมาตรฐานการทำงานไว้สูงแค่ไหน ฝ่ายค้านยิ่งต้องเร่งยกระดับการทำงานตามให้ทัน ไม่เช่นนั้นประเด็นที่เห็นต่างเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับรัฐบาลแล้วฝ่ายค้านจะไม่มีน้ำหนัก และไม่ได้เสนอสิ่งใหม่ที่เป็นทางเลือกทางออกให้กับประชาชน รัฐบาลเศรษฐามีจุดแข็งเรื่องทำงานแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจ ถ้าฝ่ายค้านยังคงจมปลักวนเวียนอยู่กับแต่การเปิดประเด็นทางการเมือง หวังดิสเครดิตรัฐบาลเป็นการเมืองแบบเก่า จุดพลุนายกฯ ๒ คนแล้วจุดไม่ติด คงไม่สามารถทำลายความเชื่อมั่นรัฐบาลได้ การพยายามนำประเด็นได้รับการพักโทษมาผูกโยงกับรัฐบาล เพื่อหวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงคงไม่เกิดผลใดๆ เพราะรัฐบาลไม่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อเรื่องนี้ตั้งแต่ต้น หมดเวลาการเมืองโบราณแบบสุดโต่ง มาเข้าสู่การเมืองยุคใหม่ที่สร้างสรรค์สร้างประชาธิปไตยที่กินได้ ให้ประชาชนได้ลืมตาอ้าปาก วาระนี้คือวาระรัฐบาลเศรษฐา ที่จะเปลี่ยนประเทศไทยไปในทางที่ดีขึ้น คนไทยต้องได้รับโอกาสมีชีวิตที่ดีขึ้นบี้ “พีระพันธุ์” แจงปมป่วยทิพย์ด้านนายไชยันต์ ไชยพร อาจารย์ภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีสังคมบางส่วนและฝ่ายค้านตั้งข้อสังเกตนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้รับการพักโทษเพราะป่วยทิพย์ว่า ฟันธงไม่ได้ว่าป่วยทิพย์ ขอตั้งข้อสังเกตว่าถ้าป่วยหลอกๆ จะกระทบต่อรัฐบาล เพราะประชาชนจะตั้งคำถามว่าทั้งนายกฯ รัฐมนตรีว่าการยุติธรรม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ โรงพยาบาล ทำอะไรกันอยู่ ทำเพื่อหวังประโยชน์ลาภยศสรรเสริญหรือไม่ แม้ประชาชนไม่พอใจก่อม็อบออกมาชุมนุมภายใต้พระราชบัญญัติการชุมนุมในที่สาธารณะ อาจจุดไม่ติด แต่พวกเขาจะไประบายอารมณ์ผ่านโซเชียล เป็นม็อบในโซเชียล สร้างกระแสในโซเชียล สร้างมติมหาชนไปเรื่อยๆ หากยังดื้อรั้นแบบนี้ถึงเวลาเลือกตั้งลองดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น อาจแพ้พรรคก้าวไกล เมื่อถามว่าหากป่วยทิพย์จริงกระทบต่อกระบวนการยุติธรรม เป็นประเด็นร้อนมากกว่าบทบาทบ้านจันทร์ส่องหล้า นายไชยันต์ตอบว่า ใช่ เพราะตามกระบวนการยุติธรรมต้องมีการตรวจสอบประเด็นนี้หาความจริง หาความถูกต้อง ใครต้องรับผิดชอบ เรื่องนี้ต้องไปถามนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯและ รัฐมนตรีว่าการพลังงาน ที่รับผิดชอบดูแลกระทรวงยุติธรรม ให้อธิบายเรื่องทั้งหมดให้ประชาชนเข้าใจได้หรือไม่ ถ้าทำไม่ได้นายพีระพันธุ์ก็เสีย ส่วนนายทักษิณไม่ได้ติดคุก แต่ประวัติศาสตร์จะจารึกว่าประเทศไทยมีตำหนิตรงนี้ ทั้งหมดเกิดจากอิทธิพลบ้านจันทร์ส่องหล้า อาจมีผลต่อการเลือกตั้งครั้งต่อไป ยิ่งมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยอาจยิ่งแย่นายกฯตรวจเยี่ยมบ้านพัก ทร.ช่วงสายที่ซอยอรุณอมรินทร์ ๓๕ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการคลัง ลงพื้นที่ตรวจบ้านพักและดูความเป็นอยู่ข้าราชการทหารเรือ มีพล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผบ.ทร. พล.ร.อ.โกวิทย์ อินทร์พรหม ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพเรือ ในฐานะประธานคณะกรรมการบ้านพักข้าราชการทหารเรือ (กบพ.) พล.ร.ต.อภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ หัวหน้าฝ่ายแผน กบพ. ให้การต้อนรับและนำตรวจเยี่ยม นายกฯได้สอบถามพูดคุยถึงชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัวกำลังพล ระบุว่าจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด พร้อมเน้นย้ำกับ ผู้บัญชาการทหารเรือว่า หากจะเร่งดำเนินการปรับปรุงบ้านพักข้าราชการชั้นประทวนก่อนชั้นสัญญาบัตรจะเป็นอะไรหรือไม่ โดยจะใช้โมเดลการสร้างแนวสูงก่อน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและลงทุนต้องต่ำที่สุด อาจก่อสร้าง ๑-๒ ตึก จากนั้นนายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ว่า การปรับปรุงพัฒนาบ้านพักทหาร ถือเป็นนโยบายรัฐบาลอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้ไปบ้านพักตำรวจ ทหารบก ต้องไปให้ครบทุกเหล่าทัพ เพื่อดูความเป็นอยู่ของตำรวจและทหารชั้นประทวน สร้างบ้านพักใหม่เอาใจกำลังพลนายเศรษฐากล่าวว่า จากสภาพที่เห็นมีความน่าเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย ความแออัด เนื่องจากเก่าหลายสิบปี จะทำให้ก่อน ผู้บัญชาการทหารเรือรายงานจุดนี้เป็นพื้นที่ที่มีความต้องการสูง เนื่องจากอยู่ใจกลางเมืองและจะทำจุดอื่นคู่ขนานไปด้วย อาทิ ป้อมพระจุลจอมเกล้า โรงเรียนนายเรือ จะทยอยทำให้ทั่วถึงเชื่อว่าชีวิตความเป็นอยู่ของทหารชั้นประทวนเป็นเรื่องสำคัญ รัฐบาลต้องการยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนทุกระดับ ทุกกลุ่ม เพราะเขาเป็นรั้วของชาติ เราก็อยากให้ประชาชนทราบว่าถ้าสมัครใจเกณฑ์ทหารเข้ามาแล้ว ทุกกองทัพดูแลเป็นอย่างดี พยายามทยอยทำให้ต่อเนื่อง และจะบรรจุในงบฯของแต่ละปี ส่วนจะใช้ระยะเวลากี่ปีค่อยมาว่ากัน ต้องขึ้นอยู่กับกำลังพลและกำลังเงินด้วย โดย ผบ.ทุกเหล่าทัพเห็นด้วยว่าควรต้องทำ ส่วนระยะเวลาการก่อสร้างขึ้นอยู่กับผังเมือง สำนักงานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (สวล.) ที่ต้องขออนุญาตด้วย ส่วนเรื่องงบประมาณหากทันงบฯปี ๒๕๖๗ เดี๋ยวจัดการให้ แต่หากไม่ทันจะใช้งบกลางฯแทน ไม่ต้องห่วงจ่อดูความเป็นอยู่ครู-จนท.สธ.นายกฯกล่าวอีกว่า อยากให้มีแม่แบบเรื่องที่อยู่อาศัยของทุกเหล่าทัพ รวมถึงตำรวจ จะได้ดำเนินการให้เร็ว ส่วนบ้านพักของเหล่าทัพอื่น หลังจากนี้จะลงพื้นที่ไปดูที่กองทัพอากาศ กระทรวงกลาโหม อย่างของตำรวจและกองทัพบกเริ่มเขียนแบบแล้ว เมื่อถามว่าจะพัฒนาบ้านพักครูและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขหรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า จะทยอยไปดูตามความจำเป็น ต้องได้รับทั่วถึง เมื่อถามถึงการกู้ซากเรือหลวงสุโขทัยที่ จ.ประจวบคีรีขันธุ์ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นายเศรษฐาตอบว่า มีการติดตามอยู่ สามารถนำป้ายชื่อเรือหลวงสุโขทัยขึ้นมาได้แล้วชั้นประทวนดีใจขอบคุณนายกฯด้าน พล.ร.อ.อะดุงกล่าวว่า ขอบคุณนายกฯที่ลงมาตรวจเยี่ยมบ้านพักข้าราชการทหารเรือ โดยจุดแรกการพัฒนาบ้านพักของทหารเรือจะดำเนินการบริเวณในพื้นที่ กทม. ส่วนรูปแบบจะพยายามสร้างให้มีจำนวนชั้นสูงที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ เพื่อเป็นการประหยัดเนื้อที่ ข้าราชการชั้นประทวนทุกคนดีใจที่นายกฯเห็นความสำคัญของชั้นผู้น้อยกมธ.เร่งงบฯ ๖๗ เร็วขึ้น ๓ สัปดาห์นายเศรษฐายังกล่าวถึงกรณีคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาร่าง พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๖๗ จะพิจารณาเสร็จเร็วกว่ากำหนดถึง ๓ สัปดาห์ว่า เชื่อว่าจะมีผลดีต่อรัฐบาล ไปพูดในเวที ต่างๆว่าเรายังไม่มีการใช้งบประมาณเลย แต่ก็ได้รับ ความร่วมมือจากทุกทุกฝ่าย ประมาณวันที่ ๒ เม.ย. น่าจะจบได้ คาดว่าจะใช้งบประมาณได้เร็วขึ้น หวังว่า จะเป็นจริง เมื่อถามว่ามีการเผื่อเวลาไว้หรือไม่หากฝ่ายค้านจะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ รวมถึงญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกฯ ตอบว่า ว่ากันไป ตามกฎ ถ้ายื่นมาฝ่ายบริหารมีหน้าที่ตอบ เรียนไปแล้ว ว่าไม่ได้มีปัญหาอะไร ทำงานกันต่อไปเร่งปิดจ๊อบตำนานถนน ๗ ชั่วโคตรต่อมานายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ทวีตข้อความ ผ่าน X ระบุว่า โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ต้องได้รับ การควบคุมการก่อสร้างอย่างเข้มงวด ได้มาตรฐานและรวดเร็ว รัฐบาลติดตามและเร่งรัดโครงการก่อสร้าง ขนาดใหญ่ที่ล่าช้า สร้างปัญหาให้ผู้สัญจรไปมาและนักท่องเที่ยว ทำให้ผู้ประกอบการสองฝั่งถนนเสียโอกาส ประกอบอาชีพ รวมไปถึงก่อให้เกิดมลภาวะ กระทบต่อ สุขภาพพี่น้องประชาชน เช่น ถนนพระราม ๒ ที่ก่อสร้าง ล่าช้า กลายเป็นสาเหตุหนึ่งทำให้นักท่องเที่ยวไปเที่ยวหัวหินกันน้อยลง กระทรวงคมนาคมแจ้งว่าจะเร่งแก้ไขปัญหาเพื่อให้เดินทางได้สะดวกขึ้นก่อนเทศกาลสงกรานต์ที่จะถึง จะติดตามต่อเนื่องเพื่อแก้ไข ปัญหาความเดือดร้อนให้เร็วที่สุด พร้อมทั้งจะกำกับดูแลมาตรการจัดซื้อจัดจ้างให้เข้มงวด โดยเฉพาะมาตรการลงโทษผู้รับเหมาที่ทิ้งงานจุดพลุไทย Wall Street อาเซียนนายเศรษฐายังทวีตผ่าน X อีกครั้งระบุว่า “เพื่อก้าวสู่อันดับ ๑ ของภูมิภาค ตามที่ได้ประกาศบนเวที IGNITE Thailand วันนี้มาหารือกับนายพิชัย ชุณหวชิร ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และนายคมกฤช เกียรติดุริยกุล กรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อติดตามความคืบหน้ามาตรการกำกับดูแลเรื่อง Short Sale และ Program Trading ให้โปร่งใสและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เร่งรัดประเด็น Financial และ Digital Asset Hub และการเป็น ศูนย์ซื้อขายคาร์บอนเครดิตให้เกิดโดยเร็ว และมอบนโยบายให้ตลาดหลักทรัพย์ทำงานหนัก มีความมุ่งมั่น ปรารถนาให้ตลาดหลักทรัพย์ไทยเป็น Regional Hub ของตลาดทุนในภูมิภาคนี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด ประเทศไทยมีสภาพแวดล้อม และศักยภาพไปสู่จุดมุ่งหมาย เพียงแต่เราต้องพัฒนาให้ประเทศหลุดจาก ข้อจำกัด เพื่อเพิ่มโอกาสให้ตลาดหลักทรัพย์ไทยเป็น“ตัวเลือกที่ดีที่สุด” และเป็น Wall Street ของอาเซียนครับ” “พ่อตะวัน” ยื่นหนังสืออธิบดีศาลฯที่ศาลอาญา หลังศาลอาญายกคำร้องปล่อยตัว น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ “ตะวันทะลุวัง” และนายณัฐนนท์ หรือแฟรงค์ ไชยมหาบุตร นักกิจกรรมกลุ่มทะลุวัง นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ในฐานะทนายความของ น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ เดินทางมาศาลอาญาพร้อมนายสมหมาย ตัวตุลานนท์ พ่อ น.ส.ทานตะวัน เพื่อยื่นหนังสืออีกครั้งถึงอธิบดีศาลอาญา นายกฤษฎางค์กล่าวว่า เคยยื่นคำร้องขอปล่อย ๓ ครั้ง ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว ทนายความและพ่อของ น.ส.ทานตะวัน จึงหมดหนทาง และไม่คิดว่าจะยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว หรือจะอุทธรณ์คำสั่งก็คงไม่ได้แล้ว นายสมหมายจะทำหนังสือขอความเมตตา เพราะเป็นห่วงอาการของลูกสาวและนายแฟรงค์มาก จึงทำหนังสือฉบับนี้ขึ้นมาและเขียนด้วยลายมือนายสมหมายเอง มีเนื้อหาว่า “ตามที่ศาลมีคำสั่งไม่ปล่อยตัวชั่วคราว น.ส.ทานตะวันและนายณัฐนนท์ ข้าพเจ้าไม่มีคำโต้แย้งใดๆ แต่อยากขอให้ศาลอาญาดูแลรับผิดชอบในชีวิตผู้ต้องหาทั้ง ๒ ที่ท่านมีคำสั่งไม่ให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างการสอบสวน เพราะเขาทั้งสองเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา อัยการยังไม่มีคำสั่งฟ้องคดีดังนั้นยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ตามกฎหมาย หากทั้ง ๒ คนถึงแก่ความตายระหว่างที่อยู่การสอบสวนโดยคำสั่งของศาลอาญา ขอให้ท่านโปรดพิจารณาให้ความเป็นธรรมแก่ดวงวิญญาณทั้ง ๒ ดวง ว่าใครต้องรับผิดชอบการตายจากการที่ท่านมีคำสั่งไม่ให้ปล่อยตัวชั่วคราว และขอได้โปรดให้ท่านพิจารณาและหาทางออก”ย้ำ “ตะวัน-แฟรงค์” อาการหนักนายกฤษฎางค์กล่าวอีกว่า ได้คุยกับ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชทัณฑ์ อาการ น.ส.ทานตะวันเกินศักยภาพการดูแลของโรงพยาบาลราชทัณฑ์ จึงส่งตัวไปยังโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ ส่วนอาการของแฟรงค์พยายามขอส่งตัวไปยังโรงพยาบาลหลายโรงพยาบาล แต่ยังไม่สามารถส่งตัวไปได้ มีอาการเจ็บป่วยค่อนข้างหนักเหมือนกัน เนื่องจากทั้งคู่ปฏิเสธการทานน้ำและอาหารมาเป็นเวลาหลายวัน คดีดังกล่าวทั้ง ๒ ถูกขังระหว่างการสอบสวนของ สถานีตำรวจนครบาลดินแดง อีกทั้งยังไม่มีการสั่งฟ้องของอัยการ ไม่รู้ว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่ อีกทั้งในชั้นไต่สวนของการฝากขัง มีการสอบสวนพยานไปหมดแล้วเหลือเพียงอีกแค่ ๕ ปาก ใน ๕ ปากนั้นแบ่งเป็นตำรวจผู้จับกุมและชาวบ้านที่ยังไม่มีรายชื่อส่งมา มองว่าหากปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาทั้ง ๒ คงไม่มีผลที่จะไปยุ่งกับพยานหลักฐาน เพราะเป็นเพียงนักศึกษาเท่านั้น อีกทั้งผู้ต้องหาทั้ง ๒ คนที่ผ่านมาไม่ได้มีพฤติกรรมหลบหนีด้วยพ่อหน้าเศร้ากังวลอาการลูกสาวนายสมหมายกล่าวว่า ขณะนี้เป็นเพียงการฝากขังในชั้นพนักงานสอบสวน ยังไม่มีการสั่งฟ้องจะมาตัดสินได้อย่างไรว่าเป็นคดีร้ายแรง มีอัตราโทษจำคุกสูง อีกทั้งผู้ต้องหาทั้งสองคนมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง และไม่มีโอกาสไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน แต่สิ่งที่กังวลคือเรื่องอาการของลูกสาวและ “แฟรงค์” ที่ต้องการนำตัวรักษา เพราะอาการแย่แล้ว แต่ถ้าปล่อยมาแล้วตำรวจกังวลว่าจะหลบหนี ก็นำตำรวจมาดูตลอด ๒๔ ชั่วโมง หรือทำอย่างไรก็ได้เพื่อไม่ให้หนี ถ้าจะหนีคงหนีไปนานแล้ว ไม่อยู่ให้จับในวันนั้น เมื่อถามถึงอาการของตะวัน นายสมหมายตอบว่า อาการหนักมาก แต่รู้สึกเบาใจที่อยู่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ อยู่ใกล้ชิดแพทย์ เป็นห่วงแต่แฟรงค์ มีอาการไม่ต่างจากลูกสาวแต่ยังอยู่ในโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ถ้าเป็นไปได้อยากให้ย้ายออกไปยังโรงพยาบาลที่พร้อมรักษา หลังจากนั้นนายสมหมายเดินทางกลับด้วยสีหน้าเศร้าหมองนายกฯสั่งบูรณาการสู้ไฟป่าวันเดียวกัน นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ เป็นห่วงสถานการณ์ไฟป่า โดยเฉพาะฤดูร้อนมีจุดความร้อนเสี่ยงเกิดการปะทุไฟได้มาก นายกฯสั่งกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงในแต่ละจุดอย่าประมาท ต้องรีบเข้าควบคุมและดับไฟในระยะเริ่มแรกให้เร็วที่สุด และวางแผนเผชิญเหตุให้รัดกุมปฏิบัติได้ โดยมอบหมายผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นกลไกหลักบูรณาการความร่วมมือในทุกระดับ ทั้งจังหวัด อำเภอ ท้องถิ่น และกองทัพ เพื่อป้องกันรับมือสถานการณ์ไฟป่า และฝุ่นละออง PM๒.๕ ที่ผ่านมาขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมกันควบคุมและดับไฟในหลายพื้นที่ ขอให้เฝ้าระวังอย่างเข้มงวด พท.หนุนเปิดตลาดซีรีส์วาย-ยูริน.ส.จิราพร สินธุไพร สส.ร้อยเอ็ด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีกระทรวงพาณิชย์เตรียมนำซีรีส์สายวาย (ชายรักชาย) ยูริ (หญิงรักหญิง) ของไทยมาช่วยผลักดันสินค้าและบริการสู่ตลาดต่างประเทศว่า ซีรีส์วาย-ยูริของไทยได้รับความนิยม กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น จีน ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และละตินอเมริกา สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง มีกระแสเร็วและแรง หากสนับสนุนอย่างเต็มศักยภาพอาจเทียบชั้นกับซีรีส์เกาหลีได้ ดังนั้น การดึงเอานักแสดงซีรีส์ยูริไทยชื่อดังอย่างสโรชา จันทร์กิมฮะ กับรีเบคก้า แพทรีเซีย อาร์มสตรอง หรือที่รู้จักกันนามคู่ “ฟรีนเบค” มาร่วมงานกับกระทรวงพาณิชย์ สินค้าและบริการของไทยจะสามารถเจาะตลาดต่างประเทศได้เร็วยิ่งขึ้น ยินดีที่รัฐบาลดึงซีรีส์วาย-ยูริมาช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการผลักดันร่าง พระราชบัญญัติสมรสเท่าเทียมเพื่อความเท่าเทียมทางสังคมมท.ชงร่าง พ.ร.ก.นิรโทษปืนเถื่อนอีกเรื่อง น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รัฐมนตรีว่าการมหาดไทย และโฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รัฐมนตรีว่าการมหาดไทย ลงนามในร่างยกร่าง พ.ร.ก.ยกเว้นความรับผิดทางอาญาให้แก่ผู้นำอาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืน ที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือที่กฎหมายห้ามออกใบอนุญาต หรือสิ่งเทียมอาวุธมามอบให้แก่ทางราชการ พร้อมกับยกร่างหลักเกณฑ์และวิธีการในการส่งมอบ การรับมอบ การเก็บรักษา และการทำลายอาวุธปืน เสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามข้อสั่งการของนายกฯเรียบร้อยแล้ว เพื่อแก้ปัญหากรณีฉุกเฉินเร่งด่วน เพื่อลดจำนวนปืน สิ่งเทียมอาวุธปืนผิดกฎหมาย ที่ใช้ก่ออาชญากรรมและความรุนแรงในสังคม เนื่องด้วยสถิติปี ๒๕๕๙-๖๖ พบว่ามีการใช้อาวุธปืนก่อเหตุอาชญากรรมถึงร้อยละ ๘๓อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่