ฝรั่งหวงบ้านงานงอก ตำรวจถลางจ่อดำเนินคดี “เตะ” ทำร้ายร่างกาย แพทย์หญิงรพ.ดีบุก อ้างบุกรุกเคหสถานวิลล่าหรู ล่าสุดนายอำเภอลงพื้นที่พร้อมนายกเทศมนตรี พบบันไดจุดเกิดเหตุ ขั้นที่ ๒-๔ สร้างรุกที่สาธารณะชายหาด สั่งแจ้งความเพื่อรื้อทิ้ง ด้านคุณหมอและคุณพ่อไม่หนักใจ มั่นใจในศักยภาพของตำรวจและเจ้าหน้าที่จากกรณีปรากฏข่าวทางสื่อออนไลน์ เกี่ยวกับเหตุทำร้ายร่างกายที่บริเวณหาดยามู ตำบลป่าคลอก อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต เมื่อเวลาประมาณ ๒๐.๕๐ น. วันที่ ๒๔ ก.พ. ที่ผ่านมา น.ส.ธารดาว จันทร์ดำ อายุ ๒๖ ปี แพทย์ประจำโรงพยาบาลดีบุก แจ้งว่าก่อนเกิดเหตุตนเดินทางไปรับประทานอาหารบริเวณหาดยามู หลังรับประทานอาหารเสร็จได้เดินเล่นบริเวณชายหาดจากนั้นไปนั่งพักผ่อนดูพระจันทร์ที่บันไดคอนกรีต ทางขึ้นไปสนามหญ้าหน้าบ้านของคู่กรณี ชื่อนายออส บีท เฟร์ อายุ ๔๕ ปี สัญชาติสวิส อยู่ติดกับชายหาดดังกล่าว จากนั้นนายออสเดินเข้ามาด้านหลังและเตะเข้าบริเวณหลังของผู้เสียหาย และได้มีสายตรวจป่าคลอก ๒ นาย เดินทางไปที่เกิดเหตุเพื่อสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากทั้งสองฝ่าย แนะนำให้ผู้เสียหายเดินทางมาพบพนักงานสอบสวน เพื่อร้องทุกข์ดำเนินคดี ก่อนส่งตัว น.ส.ธารดาว ผู้เสียหาย ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลดีบุก ต่อมา ช่วงเช้าวันที่ ๒๙ ก.พ. พนักงานสอบสวน สภ.ถลางได้นัดสอบปากคำคุณหมอเพิ่มเติม ซึ่งในวันนี้คุณหมอได้เดินทางมาพร้อมด้วย แฟนชาวต่างชาติและคุณพ่อ ได้เข้าพบ พ.ต.ท.อนุกูล หนูเกตุ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.ถลาง ใช้เวลานาน เกือบ ๓ ชั่วโมง ในการให้ปากคำล่าสุดในช่วงบ่าย หลังจากคุณหมอและคุณพ่อได้เดินทางออกจากห้อง พนักงานสอบสวน สีหน้ายิ้มแย้ม และเดินตรงมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ที่รออยู่บริเวณด้านข้าง สภ.ถลาง โดยคุณหมอธารดาว กล่าวว่าจากการที่ให้ปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจ วันนี้รู้สึกว่าตำรวจดูเป็นกลางดูไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ต้องขอบคุณมากๆ เพราะตนกลัวว่าจะไม่เป็นกลาง ต้องขอบคุณทุกแรงกำลังใจทั้งภูเก็ตและคนไทยทั่วประเทศและทั่วโลกที่ให้ความสนใจและให้กำลังใจตน ต้องขอบคุณมากๆ ตอนนี้ยังกังวลว่าสุดท้ายจะจบด้วยความยุติธรรมจริงๆ ไหม หรือจะมีการแทรกแซงอะไรหรือเปล่า เพราะฝ่ายโน้นเป็นผู้มีอิทธิพล แต่ตำรวจยืนยันว่าจะดำเนินการอย่างเป็นธรรมด้าน นายเกษม จันทร์ดำ คุณพ่อ กล่าวว่า ต้องขอบคุณพี่น้องสื่อมวลชนท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่จ.ภูเก็ต คนที่เปิดครั้งแรก เพจโหดจัง จังหวัดภูเก็ต ทุกช่องในภูเก็ต พี่น้องสื่อมวลชน ขอบคุณมากหรือแม้กระทั่งพวกสื่อเถื่อนและหลังจากนั้นก็ไปตามสื่อต่างๆ คุณสรยุทธ และทุกช่องที่ติดตามข่าวเรื่องนี้อย่างตั้งใจแล้วก็ขุดเจาะ อันนี้ขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง ทั้งหมดที่ตนพูดอาจจะมีบางฝ่ายบอกว่าตนพยายามจะโยงไปเรื่องของเกี่ยวกับเรื่องของสังคม อันนี้ไม่ใช่ ตนไม่ต้องการโหนอะไร แต่ว่าเรื่องนี้คิดว่าทางที่ดีพี่น้องชาวจังหวัดภูเก็ตที่จะต้องเคลื่อนไหวให้เร็วที่สุดในเรื่องของการบริหารจัดการการท่องเที่ยว ที่สําคัญที่สุดแล้วก็คือบุคคลท้องถิ่นต้องไม่ถูกเหยียบ ให้อิทธิพลของพวกทุนเถื่อน และทุนต่างๆ จะเป็นคุณูปการให้จังหวัดภูเก็ตและคนที่มาท่องเที่ยว เพราะภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับโลก ง่ายๆ คือพี่น้องจังหวัดภูเก็ตสู้ๆมีรายงานว่า เมื่อเวลา ๑๐.๐๐ น. วันที่ ๒๙ ก.พ. ๖๗ นายไพโรจน์ ศรีละมุล นายอำเภอถลางพร้อมด้วยเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต อำเภอถลางและนายปัณยา สำเภารัตน์ นายกเทศมนตรีตำบลป่าคลอกนำเจ้าหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบแนวเขตที่ดินบริเวณวิลล่าที่เกิดเหตุ ต.ป่าคลอก อ.ถลาง พบว่าเจ้าของวิลล่าดังกล่าวเคยนำชี้ขอออกโฉนด ซึ่งปัจจุบันยังคงเป็น นส.๓ ก.โดยแนวที่นำชี้คือ ขั้นบันไดที่ ๑ ดังนั้นขั้นบันไดลงมา ๒ ๓ ๔ เป็นการรุกล้ำที่ดินสาธารณะแนวชายหาดทราย โดยได้มอบหมายนายกเทศมนตรีตำบลป่าคลอกเข้าแจ้งความดำเนินคดีบุกรุกตามกฎหมายและดำเนินการรื้อถอนตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป ผู้สื่อข่าวได้สอบถามเรื่องนี้กับนายเกษม จันทร์ดำ คุณพ่อของคุณหมอนายเกษม กล่าวว่า ทางเทศบาลจะให้รื้อบันไดตรงนั้นภายใน ๓ วันแต่เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรา เพราะตำรวจลงไปเก็บข้อมูลก่อนหน้านี้แล้ว แต่พอรื้อเสร็จรูปคดีก็น่าจะเปลี่ยนอันนี้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจเท่าที่คุยกับตำรวจหมายถึงถ้าเราสู้ถึงที่สุด ถ้าหากว่าเราแพ้เราก็ยินดีแพ้คดี แต่ถ้าเราชนะมีการเรียกร้องสินไหมต่างๆ ก็แล้วแต่ถ้ามีเงินเหลือจำนวนเท่าไร ถ้าเราชนะคดีเราจะมอบตรงนี้เป็นกองทุนไว้รักษาชายหาดบริเวณที่เกิดเหตุให้กับพี่น้องชาวจังหวัดภูเก็ต
