“เศรษฐา” ใส่เสื้อ “สีมายา” ลุยยะลา แนะเด็กทะเยอทะยาน ถ้ามั่นใจว่ามีของดี อย่าถ่อมตน วาดฝันสนามบินแห่งที่ ๒ กราบ นมัสการเจ้าอาวาสวัดช้างให้ฝากนายกฯช่วยทำใต้ให้สงบ-ฟื้นฟูลังกาสุกะ ปลุกกระแส ปลานิลสายน้ำไหล กก.ละ ๔๐๐ บ. รังสรรค์เมนูได้ หลากหลาย เสียดายคนทิ้งส่วนท้องเอาไปทำ “โอโทโร่” สุดยอด สส.ปชป.กระทุ้งรัฐเร่งแจกเงินดิจิทัลฯ สว.ปักหมุดซักฟอกตามเดิม ๒๕ มี.ค. เป็นไปตามคาด “อิ๊งค์” ได้เรียนมินิ วปอ. ลูกหลานคนการเมืองติดเพียบนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รัฐมนตรีว่าการคลัง ยังคงลุยปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ จุดกระแสรังสรรค์เมนูจากปลานิลสายน้ำไหล อ.เบตง จ.ยะลา ได้หลากหลายเมนู ตกราคากิโลกรัมละ ๔๐๐ บาท ต่อตัวอยู่ที่ประมาณ ๓,๖๐๐ บาท ช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงสร้างงานสร้างเงินนายกฯใส่เสื้อ “สีมายา ยะลา”เมื่อเวลา ๐๙.๒๐ น. วันที่ ๒๘ ก.พ. ที่ จ.ยะลา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการคลัง นำคณะ อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการคมนาคม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการยุติธรรม น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการการท่องเที่ยวและกีฬา นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการมหาดไทย พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผบ.ทบ. ลงพื้นที่ร่วมกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว “เที่ยวใต้ สุดใจ” ในสามจังหวัดชายแดนใต้ จ.ปัตตานี-ยะลา-นราธิวาส ระหว่างวันที่ ๒๗-๒๙ ก.พ. โดยเข้าสักการะศาลเจ้าพ่อหลักเมืองยะลา อ.เมืองยะลา มีนายอำพล พงศ์สุวรรณ ผวจ.ยะลา นายสุไลมาน บือแนปีแน สส.ยะลา พรรคประชาชาติ รอต้อนรับ ทั้งนี้ นายกฯและรัฐมนตรี สวมเสื้อ “สีมายาเยือนยะลา” เป็นผ้าฝ้ายย้อมด้วยดินมายาที่มาจากขี้ค้างคาวในถ้ำภูเขากำปั่น และภูเขาวัดถ้ำ ผสมสีเหลืองจากเปลือกเงาะและใบหูกวางรวมกับน้ำสนิมจนได้สีส้มอิฐลายดอกพิกุล แซมด้วยใบศรียะลา สัญลักษณ์ต้นไม้ประจำจังหวัดให้เด็กทะเยอทะยานอย่าถ่อมตนจากนั้นนายเศรษฐาเยี่ยมชมอุทยานการเรียนรู้ยะลา (TK Park) ต.สะเตง อ.เมืองยะลา และชมห้อง FabLab Yala ซึ่งเป็นห้องสำหรับผู้ที่มาเรียนรู้จะได้รับการต่อยอดนวัตกรรมเชิงพาณิชย์ การสร้างสตาร์ตอัพในพื้นที่ นายกฯสอบถามด้วยความสนใจพร้อมให้กำลังใจ โดยเฉพาะ Farmer Friends ให้เริ่มจากที่ จ.ยะลาก่อน และต่อยอดไปพื้นที่อื่นๆพร้อมแนะนำผู้ฝึกสอนและเยาวชนว่าขอให้มั่นใจในสิ่งที่ทำดี เมื่อเรามีฝีมือเชื่อมั่นว่าเรามีของดี ขอให้ทะเยอทะยานอย่าถ่อมตน เด็กทำมาแล้วผู้ใหญ่ก็ต้องสนับสนุนให้ต่อยอด ไม่เช่นนั้นสิ่งที่ทำมาดีจะสูญเปล่า จากนั้น นายกฯร่วมรับฟังเวที “My Dream ฉันฝัน ฉันเห็น ฉันอยากเป็น” กลุ่มนักเรียนได้เล่าความฝันของตัวเอง พร้อมสอบถามนายกฯว่า พวกเราที่อยู่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้จะได้รับโอกาสทางการศึกษาเหมือนกับพื้นที่อื่นหรือไม่ นายกฯตอบว่า ดีใจที่ได้มาดูความฝัน เป็นหน้าที่รัฐบาลต้องให้เด็กนักเรียนทุกคนเข้าถึงโอกาสได้เท่าเทียมกัน วาดฝันสนามบินแห่ง ๒ ของยะลาขณะที่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ ระบุว่ามีความฝันอยากเป็นครูสอนภาษาอังกฤษและทำงานในกระทรวงการต่างประเทศ อยากให้รัฐบาลช่วยให้พี่น้องมีความเสมอภาค มีสิทธิที่จะใช้ชีวิตและได้เรียน และอยากให้ยะลาเป็นเมืองท่องเที่ยว พร้อมสอบถามนายกฯว่า ในช่วงอายุเท่ากับพวกเรา นายกฯมีความฝันใด นายเศรษฐาตอบว่า มาวันนี้ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลเป็นหน้าที่รัฐบาลที่ต้องสานฝันให้ทุกคนเข้าถึงโอกาส หลายอย่างที่บอกมาอยู่ในแผนงานของรัฐบาลอยู่แล้ว ทั้งการสร้างสนามบิน แห่งที่ ๒ ใน จ.ยะลา ต่อจาก อ.เบตงการสนับสนุนการท่องเที่ยว การเข้าถึงการศึกษาที่เท่าเทียม ทำไมที่นี่จะเป็นศูนย์กลาง การศึกษาไม่ได้ เรื่องของสนามบิน วันที่ ๑ มีนาคมจะประกาศใหญ่ เชื่อว่าในอนาคตอันใกล้นี้ที่นี่จะมี สนามบินได้ จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น เป็นการ ส่งเสริมโอกาสที่พวกหนูอยากมีอีก ๕-๑๐ ปีจะกลับมาดูความสำเร็จนายเศรษฐากล่าวอีกว่า สามจังหวัดชายแดนภาคใต้มีศักยภาพ ถ้าผู้ใหญ่มาแล้วไม่เห็น มาแล้วไม่ทำ ผู้ใหญ่ก็ผิด และวันนี้ไม่ได้มาคนเดียว มีทั้ง รัฐมนตรีว่าการคมนาคม ที่รับผิดชอบดูแลเรื่องสนามบิน ถนนหนทาง รัฐมนตรีว่าการการท่องเที่ยวและกีฬา ผู้ว่าการท่องเที่ยว แห่งประเทศไทย รัฐมนตรีช่วยว่าการมหาดไทย ก็มาดูถนนหนทาง และปัญหาน้ำท่วมที่ท่วมแล้วท่วมอีก เราพยายามเข้ามาจัดการให้ได้ และเชื่อว่าสามจังหวัดชายแดนภาคใต้มีทั้งสันติภาพ สันติสุข ความสุข ที่ประชาชนในพื้นที่เพิ่งจะได้รับในอีก ๕-๑๐ ปีข้างหน้า อยากเห็นและอยากกลับมาอีก มาดูความคืบหน้าของทุกโครงการที่ได้ทำกันไว้ในวันนี้ จากนั้นนายกฯถ่ายภาพร่วมกับเยาวชนและรับชมดนตรีเพลงเสน่ห์ยะลา และเพลง Can’t Help Falling in Love จากวงออเคสตราเยาวชนเทศบาลนครยะลา โดยนายกฯส่งกำลังใจพร้อมส่งจูบ และชมนิทรรศการผ้า ที่เป็นผ้าเทคนิคย้อมด้วยแสงเป็นหนึ่งในกลุ่มผ้ามัดย้อม แบรนด์ pakaian melayu เจ้าอาวาสวัดช้างให้ฝากทำใต้สงบต่อมาเวลา ๑๑.๒๕ น. นายเศรษฐาพร้อมคณะ เดินทางมายังวัดช้างให้ เข้าสักการะหลวงปู่ทวด และกราบนมัสการและสนทนาธรรมกับพระสุนทรปริญัติวิธาน เจ้าอาวาสวัดช้างให้ จ.ปัตตานี เจ้าอาวาสได้สอบถามถึงภารกิจที่ลงมาพื้นที่จังหวัดภาคใต้ นายกฯกล่าวว่า มาดูเรื่องโอกาส เรื่องวัฒนธรรม การท่องเที่ยว มาสนับสนุนส่งเสริมให้พี่น้องประชาชนทราบว่าเราให้โอกาสความเท่าเทียมในภูมิภาคนี้ เชื่อว่าตั้งแต่รัฐบาลที่แล้วมาจนถึงรัฐบาลนี้เรื่องสันติภาพชัดที่สุด เรามาในทางที่ถูกต้องแล้ว เจ้าอาวาสกล่าวตอบว่า การท่องเที่ยวใน ๓ จังหวัดนี้มีพร้อมทะเล ภูเขา ป่าไม้ ญาติโยม ขออย่างเดียวการท่องเที่ยวจะฟื้นเมื่อเราเกิดความสงบ ฝากนายกฯด้วย ได้ข่าวว่าจะรื้อฟื้นอาหารฮาลาลก็เห็นด้วย อาหารทะเลต้องฟื้นตัว และฝากที่ อ.ยะรัง อยากให้ฟื้นฟูลังกาสุกะเป็นที่โบราณ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รู้ดี เป็นสถานที่สำคัญ เป็นวัตถุโบราณ ถ้าได้รื้อฟื้นญาติโยมก็จะมาชมกันเยอะ ขณะที่นายกฯยืนยันว่า ฝ่ายความ มั่นคงดำเนินการด้านความสงบควบคู่ไปกับการพัฒนาเศรษฐกิจ มีความคืบหน้าในทิศทางที่เป็นบวกมากในระยะ ๑-๒ ปีที่ผ่านมา ส่วนเรื่องเศรษฐกิจน้อมรับไปทำต่อ“พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล” ดักรอรับคณะ “เศรษฐา”ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนออกจากวัดช้างให้ พระสุนทรปริญัติวิธานได้มอบรูปเหมือนหลวงปู่ทวด ขนาดหน้าตัก ๕ นิ้ว สร้างเมื่อปี ๒๕๖๖ พร้อมพระผงหลวงปู่ทวดที่สร้างในปี ๒๕๕๑ รุ่นบูรณะพระบรมธาตุเจดีย์ให้กับนายกฯ จากนั้นนายกฯและคณะออกเดินทางจากท่าอากาศยานปัตตานี ไปยังท่าอากาศยานเบตง จ.ยะลา เพื่อปฏิบัติภารกิจในช่วงบ่าย ขณะที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เดินทางมารอรับคณะนายกฯที่วัดช้างให้ด้วยยกนิ้วชมเมนูปลานิลสายน้ำไหลจากนั้น นายเศรษฐาเดินทางด้วยรถยนต์ Toyota Land Cruiser กันกระสุน หมายเลขทะเบียน กต ๓๒๖๔ ยะลา ถึงร้านอาหารบ่อปลานิล สายน้ำไหล (โกหงิ่ว) ต.ตาเนาะแมเราะ อ.เบตง จ.ยะลา เพื่อรับประทานอาหารกลางวันร่วมกับคณะ มี ๓ สส.ยะลา พรรคประชาชาติ รอต้อนรับ มีนายชุมพล แจ้งไพร หรือเชฟชุมพล มาทำอาหารจากปลานิลสายน้ำไหลให้นายกฯรับประทาน ๒ เมนู คือ เมนูปลานิลผัดพริกขิง และเมนูปลานิลนึ่งส้มจี๊ด ขณะที่ทางร้านได้จัดเมนูปลานิลสายน้ำไหล ใช้ปลาน้ำหนัก ๔.๘ กิโลกรัม ราคากิโลกรัมละ ๔๐๐ บาท ประกอบเป็นเมนูปลานิลทอดกะเพรา สายน้ำไหลเบตงนึ่งซีอิ๊ว เสริมด้วยเมนูปลาพลวงชมพูนึ่งซีอิ๊ว ขาหมูสามรส ไข่เจียว แกงส้มปลานิล ขลุ่ยปลานิล ผัดถั่วเจี๋ยทอดน้ำปลา มีของหวานเป็นเฉาก๊วยเบตง ผู้สื่อข่าวถามว่าเมนูปลานิลสายน้ำไหลอร่อยหรือไม่ นายกฯยกนิ้วโป้งพร้อมตอบว่า “กินประจำอร่อยมาก แต่เห็นหลายโต๊ะไม่กินตรงท้องปลา ตรงนั้นอร่อย”แนะเอาส่วนท้องไปทำ “โอโทโร่”นอกจากนี้ นายกฯยังชมสาธิตการทำซาชิมิจากปลานิลสายน้ำไหล พร้อมชมว่า “อร่อย ควรนำส่วนท้องของปลาไปทำเมนูโอโทโร่” ปลานิลสายน้ำไหลถือเป็นที่นิยมและมีความต้องการสูง มีเท่าไหร่ก็ไม่พอขาย อยากให้อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาไปดูเรื่องการวิจัยเพื่อขยายพันธุ์เพิ่ม ส่วนแหล่งทุนอยากให้ธนาคารออมสิน หรือธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เข้ามาสนับสนุน เพราะตอนนี้ตลาดมีแล้ว จากนั้นนายกฯเยี่ยมชมขั้นตอนการเลี้ยงปลานิลสายน้ำไหลเบตง และปลาพลวงชมพูฮาลาบาลาด้วยความสนใจ ก่อนจะให้อาหารปลาและชมการจับปลานิลสายน้ำไหลเบตงตัวใหญ่ประมาณ ๖ กิโลกรัม ราคาประมาณ ๓,๖๐๐ บาท และกล่าวว่า เมื่อพวกเรามาจะทำให้ราคาเพิ่มขึ้นอีก ๒ เท่า เป็น ๗,๒๐๐ บาทนายกฯอ้อนขอให้ไว้ใจรัฐบาลนี้กระทั่งเวลา ๑๖.๐๐ น. ที่สวนไม้ดอกเมืองหนาวเบตง จ.ยะลา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ให้สัมภาษณ์ว่า ปัจจุบันปลานิลสายน้ำไหลเลี้ยงเท่าไหร่ก็ไม่พอขาย ตอนนี้พยายามให้เลี้ยงมากยิ่งขึ้น เพราะเป็นอาชีพที่ชัดเจน เราเห็นโอกาสเยอะแล้ว แต่ปัญหาส่วนหนึ่งเกิดขึ้นในอดีต คือความห่างเหินระหว่างประชาชน ข้าราชการ อาจมีความไม่เข้าใจกัน แต่ไม่ได้หมายความว่า เราไม่ได้ให้งบประมาณ เรื่อง งบประมาณที่นี่เยอะ แต่การใส่เงินลงไปไม่สำคัญเท่าการใส่ใจ การลงมาที่นี่ด้วยตัวเองและมาค้าง ๒ คืน ถือเป็นนายกฯในรอบ ๑๐ ปี ที่ไม่ได้มาค้างที่นี่ เป็นการแสดงเจตจำนงชัดเจนว่า เราจะนำความเสมอภาค ความเท่าเทียม และโอกาสมาสู่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้นี้ และอยากให้พี่น้องสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ไว้วางใจรัฐบาลนี้ วันนี้รัฐบาลพร้อมจะเป็นตัวเชื่อมกับประชาชนทั่วประเทศ เพื่อให้เราลืมความทุกข์ วันนี้เราต้องพูดถึงโอกาส ถ้าเศรษฐกิจดี มีความเสมอภาคเท่าเทียม เชื่อว่าปัญหาต่างๆจะไม่เกิดขึ้น และยืนยันเราจะเดินหน้าพูดคุยสันติภาพต่อ ความจริง วันนี้ได้เชิญนายกฯมาเลเซียมาร่วมลงพื้นที่ แต่ท่านติดภารกิจเดินทางไปประชุมอาเซียน-ออสเตรเลียก่อน แต่ปีหน้าจะนัดมา เชื่อว่าท่านไม่รังเกียจนัดถก คณะรัฐมนตรีวันอาทิตย์ก่อนไปนอกสำหรับภารกิจนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ หลังกลับจากลงพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีกำหนดการลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.ร้อยเอ็ด จ.กาฬสินธุ์ วันที่ ๒ มี.ค. ติดตามการบริหารจัดการน้ำ อาทิ ตรวจโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาชีกลาง ต.พระธาตุ อ.เชียงขวัญ จ.ร้อยเอ็ด ติดตามการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง ที่สถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้ากุดแคน ต.เจ้าท่า อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ การแก้ไขปัญหาพนังกั้นลำน้ำชีทรุดตัว ที่บริเวณพนังกันลำน้ำชีชั่วคราว บ้านสะดำศรี ต.ลำชี อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ รวมถึงประชุมติดตามปัญหาและแผนพัฒนา จ.กาฬสินธุ์ และ จ.ร้อยเอ็ด พร้อมติดตามนโยบาย ๓๐ บาทรักษาทุกที่ การแก้ไขปัญหายาเสพติด การพัฒนาท่องเที่ยวบึงโพนทอง การพัฒนาโครงข่ายคมนาคม ติดตามความล่าช้าในการออกโฉนด สค.๑ และที่ดินว่างเปล่า ของ อ.โพนทอง หนองพอก เมยวดี โพธิ์ชัย ก่อนเดินทางกลับ กทม. และเป็นประธานการประชุม คณะรัฐมนตรีวันอาทิตย์ที่ ๓ มี.ค. ก่อนเดินทางไปประชุมอาเซียน-ออสเตรเลีย ต่อด้วยไปเยือนประเทศฝรั่งเศสและเยอรมนีสส.ปชป.จี้รัฐเร่งแจกเงินดิจิทัลฯด้านนายยูนัยดี วาบา สส.ปัตตานี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากกรณีนายอรุณ บุญชม จุฬาราชมนตรี พร้อม พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ สส.สงขลา พรรค ปชป. ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการอิสลามจังหวัดสงขลา ร่วมลงพื้นที่ จ.นราธิวาส ช่วงวันที่ ๒๗-๒๘ ก.พ. ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยใน ๓ จังหวัดชายแดนใต้ หลังมีฝนตกต่อเนื่อง ทำให้พี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อนมาก แม้สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย แต่ยังมีเรื่องที่ต้องฟื้นฟู การลงพื้นที่ในครั้งนี้จุฬาราชมนตรีเตรียมมอบเงินให้ครอบครัวละ ๑๐,๐๐๐ บาท รวม ๕๐๐ ครอบครัว เพื่อช่วยเหลือเยียวยาความเสียหาย และผู้เสียชีวิตจากเหตุอุทกภัย จึงอยากกระตุ้นให้รัฐบาลเร่งออกมาตรการช่วยเหลือด้วย โดยเฉพาะโครงการแจกเงิน ๑ หมื่นบาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ตามนโยบายที่รัฐบาลหาเสียงไว้ “เมื่อผู้นำศาสนาลงมาช่วยเหลือและมอบเงิน ๑๐,๐๐๐ บาทแล้ว ผมอยากให้รัฐบาลขยับได้แล้ว พี่น้องประชาชนใน ๓ จังหวัดจะได้นำเงินนี้ไปซ่อมแซมบ้านเรือน และใช้ดำรงชีพต่อไป” สว.ยันซักฟอกตามเดิม ๒๕ มีนาคมนายคำนูณ สิทธิสมาน สว. โฆษกวิปวุฒิสภา แถลงหลังการประชุมว่า วิปวุฒิสภายังไม่เปลี่ยนแปลงกำหนดวาระงานวุฒิสภา วันที่ ๒๕ มี.ค. ยังเป็นการอภิปรายทั่วไป โดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๕๓ ส่วนวันที่ ๒๖ มีนาคมจะพิจารณาร่าง พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๖๗ หลังผ่านขั้นตอนการพิจารณาวาระ ๒-๓ จากที่ประชุมสภาฯเรียบร้อยแล้ว ยืนยันไม่มีการเลื่อนวันหรือขยับวันออกไป เพราะนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ยืนยันว่าไม่สามารถขยับได้ เนื่องจากตารางการพิจารณางบฯปี ๒๕๖๗ วางแผนไว้เป็นขั้นตอนหมดแล้ว และอาจเพิ่มวันพิจารณาเป็นวันที่ ๒๗ มีนาคมอีก ๑ วัน หากการพิจารณางบฯไม่แล้วเสร็จตามคาด “อิ๊งค์” ได้เรียนมินิ “วปอ.”วันเดียวกัน เว็บไซต์วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) ได้ประกาศรายชื่อผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร สำหรับผู้บริหารแห่งอนาคต (วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรบอ.) รุ่นที่ ๑ หรือที่เรียกว่าหลักสูตร “มินิ วปอ.” จำนวน ๑๕๐ รายชื่อ จากผู้ที่ผ่านเข้าสอบสัมภาษณ์ ๔๙๒ คน มี พล.อ.อ.ภูมิใจ เลขสุนทรากร ผู้บัญชาการสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ เป็นผู้ลงนามเมื่อวันที่ ๒๘ ก.พ. ปรากฏว่ามีชื่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ติดเป็น หนึ่งในนั้นตามคาด โดยบุคคลที่มีชื่อเสียง นามสกุลดัง นักการเมือง ผ่านเข้ารับการอบรมในรุ่นนี้ อาทิ นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรค ปชป. น.ส.รัดเกล้า สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายคณาพจน์ โจมฤทธิ์ หรือเอิง ทีมงาน นายกฯ เพื่อนสนิท น.ส.แพทองธาร นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ นอกจากนั้น ยังมีลูกหลานคนดัง และทายาทนักการเมืองหลายคน เช่น นายพชร นริพทะพันธ์ น.ส.ศิรินันท์ ศิริพาณิชย์ นายภัทรพงศ์ ภัทรประสิทธิ์ นายอาทิตย์ หวังศุภกิจ โกศล นายพสุ ลิปตพัลลภ น.ส.ณัฐธิดา เทพสุทิน นายรวิศ สอดส่อง นายเอกเทศ ยิ้มวิไล น.ส.นคนัน ชาญสุนทร เป็นต้นคปท.จี้ ทร.ยึดผลประโยชน์ชาติเวลา ๑๑.๐๐ น. ที่หน้ากองบัญชาการกองทัพเรือ นายพิชิต ไชยมงคล นายนัสเซอร์ ยีหมะ ตัวแทนเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) พร้อมตัวแทนศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) และแนวร่วม ยื่นหนังสือถึงผู้บัญชาการทหารเรือ ขอให้ยึดมั่นในการปกป้องดินแดนประเทศไทย หนังสือดังกล่าวระบุว่า หลังสมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน “สมเด็จฮุน เซน” ประธานคณะองคมนตรีกัมพูชา และอดีต นายกฯกัมพูชา เดินทางมาเยี่ยมนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ระหว่างพักโทษ ชั่วคราว และเชิญ น.ส.แพทองธารไปร่วมประชุมที่ประเทศกัมพูชาช่วงเดือน มี.ค. ทำให้วิตกกังวลว่า จะมีการพูดคุยเรื่องการจัดการผลประโยชน์ร่วมกันของ ๒ ครอบครัว โดยเอาผลประโยชน์ของประเทศไปตกลงเจรจากันเป็นการส่วนตัว ทำให้ประเทศไทยต้องเสียดินแดน และผลประโยชน์ทางทะเล เพื่อประโยชน์ ส่วนตัวของนักการเมือง กองทัพเรือต้องพิทักษ์ รักษาไว้ ซึ่งความมั่นคงของประเทศ และปกป้องดินแดนทางทะเล ปกป้องราชอาณาจักรไทยทุกตารางนิ้วต้านคำเตือนขวดเหล้าเยอะเกินช่วงสายที่รัฐสภา นายสิทธิพล วิบูลย์ธนากุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ประธานกรรมาธิการพัฒนาเศรษฐกิจ นพ.ทศพร เสรีรักษ์ สส. แพร่ พรรคเพื่อไทย (พท.) ประธาน กมธ.สาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร และนายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร สส.กทม. พรรค ก.ก. รับหนังสือจากนายเจริญ เจริญชัย อาจารย์คณะเทคโนโลยีการเกษตร ม.เทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี และตัวแทนผู้ประกอบการเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ คัดค้านร่างประกาศคณะกรรมการควบคุม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่บังคับให้ติดคำเตือนภาพถ่ายแสดงความรุนแรงลงบนพื้นที่ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๓๐ หรือร้อยละ ๕๐ ของพื้นผิวบรรจุภัณฑ์ นายเจริญกล่าวว่า หน่วยราชการไม่สนใจประชาชนและผู้ประกอบการ จะได้รับผลกระทบจากนโยบายสุดโต่ง ทำให้ผู้ผลิตที่เป็นซอฟต์พาวเวอร์หายไปครึ่งหนึ่ง ต้องทำฉลากพิมพ์ ๔ สีใหม่ ติดลงบรรจุภัณฑ์ ขอให้ กมธ.เชิญหน่วยราชการมาพูดคุย ขณะที่นายสิทธิพลกล่าวว่า เรื่องนี้กระทบการสร้างงานสร้างรายได้ของธุรกิจกลางคืน ธุรกิจชุมชน กีดกันการเสนอสินค้า และนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ของรัฐบาลสธ.ติงอย่าสร้างความเข้าใจผิดด้าน น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ฝ่ายการเมือง กล่าวว่า กรณีนายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร สส.กทม. พรรค ก.ก. ระบุว่า ร่างประกาศกรรมการ ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เรื่องการติดคำเตือนลงบรรจุภัณฑ์สินค้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รอการลงนาม จาก นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการสาธารณสุขนั้น เป็น การสื่อสารที่บิดเบือน และสร้างความเข้าใจผิดต่อสังคมมาก เพราะร่างประกาศดังกล่าวเป็นของคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตาม พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มาตรา ๒๖ (๑) โดยความ เห็นชอบของคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แห่งชาติ ที่มีรองนายกฯ เป็นประธาน ขณะนี้อยู่ระหว่าง รับฟังความคิดเห็นของประชาชน การออกประกาศยังมีอีกหลายขั้นตอน อาจไม่ผ่านความเห็นชอบของ กรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติก็ได้ ไม่อยากให้ นายเท่าพิภพสร้างความสับสนเข้าใจผิดกับประชาชนคิดไปก่อนว่ารัฐบาลไม่ส่งเสริมสุราประชาชน ผู้ประกอบการ รายย่อยไปศึกษาขั้นตอนทางกฎหมายให้ดีก่อน “สมศักดิ์” ลุยเก็บภาษีกีฬาสัตว์วันเดียวกัน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายก รัฐมนตรี กล่าวระหว่างเป็นประธานเปิดเสวนาสร้างความรู้ความเข้าใจในเรื่องการเลี้ยงโค ภายใต้แนวคิด “เลี้ยงโค แก้หนี้ แก้จน ยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรไทย” ที่กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติจัดขึ้นว่า การส่งเสริมเลี้ยงโคของกองทุนหมู่บ้านฯ เริ่มด้วยเงิน ๕ หมื่นบาท ให้เกษตรกรกู้ดอกเบี้ยต่ำ พร้อมกันนี้จะส่งเสริมออกใบเพ็ดดีกรีให้กับสัตว์ เพื่อเพิ่มมูลค่าโดยนำแนวทางของออสเตรเลียมาปรับใช้ ที่เลี้ยงม้าแข่งทำให้ตัวที่เป็นแชมป์มีมูลค่าสูง ถึง ๑๐ ล้านเหรียญ หรือ ๓๕๐ ล้านบาท นอกจากนี้ เตรียมร่างกฎหมายส่งเสริมปศุสัตว์ไว้รองรับ เพราะปัจจุบันการแข่งขันถูกกฎหมายทั้งม้า-วัว แต่ไม่เสีย ภาษีเข้ารัฐ ทุกวันนี้กีฬาสัตว์ถูกกฎหมาย แต่รัฐไม่ได้ ประโยชน์ ดังนั้นต้องนำกฎหมายเข้ามาสร้างภูมิคุ้มกัน และส่งเสริมการท่องเที่ยวให้ครบวงจร ไม่อย่างนั้นประชาชนต่างจังหวัดจะถูกทิ้งห่างไปเรื่อยๆ ยืนยันว่า ไม่สนับสนุนการเล่นพนัน แต่สนับสนุนการเลี้ยงสัตว์ เพื่อสร้างรายได้“พิพัฒน์” แย้มขึ้นค่าจ้าง ๔๐๐ บ. ๑๐จ.ที่กระทรวงแรงงาน นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการแรงงาน กล่าวถึงการปรับค่าจ้างรอบ ๒ ว่า เมื่อวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ที่ประชุมคณะกรรมการค่าจ้าง (บอร์ดค่าจ้าง) ได้เห็นชอบสูตรปรับค่าจ้างรอบใหม่ โดยจะใช้คำนวณค่าจ้างว่า มีอาชีพอะไรและจังหวัดไหนบ้างที่จะปรับขึ้นตามสูตรใหม่ โดยนำร่องใน ๑๐ จังหวัด ท่องเที่ยว และ กทม.ที่มีความเป็นไปได้จะเสนอค่าจ้างถึง ๔๐๐ บาท หากยังมีจังหวัดใดที่มีศักยภาพสามารถเสนอเข้าที่ประชุมบอร์ดค่าจ้างได้อีกในวันที่ ๒๖มี.ค.เพื่อประกาศเป็นของขวัญวันปีใหม่ไทยช่วงวันสงกรานต์เดือน เม.ย. ทั้งนี้ จะเป็นการปรับแบบค่อยเป็นค่อยไปเน้นจังหวัดท่องเที่ยวก่อน แต่ถ้าปีนี้การส่งออกถึงเป้าและการท่องเที่ยวถึงเป้าตามที่ตั้งไว้ อาจขยายจังหวัดปรับเพิ่มค่าจ้างได้มากขึ้นตามนโยบายของรัฐบาลที่จะดันให้ค่าจ้างขั้นต่ำไปถึง ๔๐๐ บาททั่วประเทศสภารับหลักการ ก.ม.ชาติพันธุ์ ๕ ฉบับเมื่อเวลา ๑๐.๔๕ น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานที่ประชุมพิจารณาร่าง พระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ ที่ ครม. เสนอพร้อมกับร่าง พระราชบัญญัติเนื้อหาเดียวกันอีก ๔ ฉบับ รวม ๕ ฉบับ มีสาระสำคัญ ให้รัฐพึงส่งเสริม ให้ความคุ้มครองชาวไทยทุกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆมีสิทธิดำรงชีวิตในสังคมตามวัฒนธรรมประเพณี และวิถีชีวิตดั้งเดิมตามความสมัครใจได้อย่างสงบสุขไม่ถูกรบกวน เท่าที่ไม่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อย และศีลธรรมอันดีของประชาชน โดย สส.ทุกพรรคทุกคน อภิปรายสนับสนุนไปในแนวทางเดียวกันให้มีกฎหมายคุ้มครองชนเผ่าพื้นเมืองให้มีสิทธิเสมอกัน ทั้งการป้องกันปัญหาละเมิดกลุ่มชาติพันธุ์ สิทธิความเป็นมนุษย์ สิทธิใช้ประโยชน์ที่ดินทับซ้อนในพื้นที่ที่ราชการไม่อนุญาตให้ประชาชนใช้ประโยชน์โดยไม่เลือกปฏิบัติ มีส่วนร่วมในกระบวนการทางการเมืองและสังคมทุกระดับ มีสิทธิในสวัสดิการภาครัฐสิทธิขั้นพื้นฐานเทียบเท่าคนในเมือง ก่อนที่ประชุมลงมติรับหลักการทั้ง ๕ ฉบับ โดยใช้ร่าง คณะรัฐมนตรีเป็นหลักอ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่
พัฒนาคู่สันติสุข "เศรษฐา" ยาหอม ๓ จังหวัดภาคใต้ หนุนสนามบินยะลาแห่งที่ ๒
Related posts