แอนดรีส อันโตนิอุส ฟาน อัคต์ เกิดเมื่อ ๒ กุมภาพันธ์ ๑๙๓๑ จบปริญญาตรี โทและเอกทางกฎหมาย เคยเป็นทนายความ ผู้พิพากษา อาจารย์มหาวิทยาลัย นักการทูต สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รัฐมนตรียุติธรรม รองนายกรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรีของราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ ระหว่าง ๑๙ ธันวาคม ๑๙๗๗-๔ พฤศจิกายน ๑๙๘๒ หลังจากนั้นก็เป็นเอกอัครราชทูตของสหภาพยุโรปประจำญี่ปุ่นและสหรัฐฯค.ศ.๑๙๕๘ แอนดรีสแต่งงานกับยูเชนี เครเกิลแบร์ก ผู้มีอายุเท่ากันและเป็นชาวคาทอลิกเหมือนกัน มีบุตร ๓ คน ชีวิตสมรสของทั้งสองราบรื่น ประสบความสำเร็จทั้งชีวิตส่วนตัวและการงาน วันจันทร์ที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๐๒๔ สองสามีภรรยาตัดสินใจให้แพทย์ฉีดยาให้ตายอย่างสงบ โดยที่สามีนอนตายในท่าจับมือภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่อยู่ด้วยกันมายาวนานถึง ๖๖ ปีแนวโน้มของมนุษยชาติส่วนหนึ่งในปัจจุบันคือการจากโลกนี้ไปอย่างสงบ อย่างไม่ทรมาน อย่างไม่ห่วงหน้าพะวงหลัง โดยเฉพาะคู่สามีภรรยาที่อยู่กินกันจนเฒ่าชะแรแก่ชรา หากคนใดจากไป อีกคนจะเผชิญความยุ่งยาก หลายประเทศจึงผ่านกฎหมายการุณยฆาต เช่น สวิตเซอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ ลักเซมเบิร์ก เบลเยียม แคนาดา ออสเตรเลีย ฯลฯเนเธอร์แลนด์ให้พลเมืองทำการุณยฆาตถูกกฎหมายเป็นประเทศแรกของโลก กฎหมายนี้ออกมาตั้งแต่ ค.ศ.๑๙๙๖ และประกาศใช้ครั้งแรกใน ค.ศ.๒๐๐๒ จนถึง ค.ศ.๒๐๒๒ มีผู้ทำการุณยฆาตไปแล้วไม่ต่ำกว่า ๘,๗๐๐ คน ความตายร้อยละ ๙.๑ ของชาวเนเธอร์แลนด์ต่อปีเกิดจากการุณยฆาต เยาวชนที่อายุ ๑๒-๑๖ ปี ก็มีสิทธิร้องขอการุณยฆาตโดยที่พ่อแม่หรือญาติต้องให้คำยินยอมสวิตเซอร์แลนด์มีกฎหมายให้พลเมืองจบชีวิตด้วยวิธี PAS หรือ Physician Assisted Suicide ที่ให้แพทย์ช่วยจบชีวิตตั้งแต่ ค.ศ.๑๙๔๒ จนกระทั่งถึง ค.ศ.๒๐๒๒ สวิตเซอร์แลนด์มี Sarco หรือแคปซูลการุณยฆาตซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้ต้องการฆ่าตัวตายแบบไม่ทรมาน มีคนจากหลายประเทศไปสวิตเซอร์แลนด์เพื่อจบชีวิตตนเองในแคปซูลการุณยฆาต สำหรับในลักเซมเบิร์กและเบลเยียม ใครจะทำการุณยฆาตอย่างถูกกฎหมายต้องให้แพทย์ ๒ คนขึ้นไปลงนามอนุมัติปัจจุบันการท่องเที่ยวเชิงการุณยฆาตที่เรียกว่า Suicide Tourism หรือ Euthanasia หมายถึงการซื้อทัวร์เพื่อจบชีวิตของตนในประเทศที่กฎหมายอนุญาตให้การุณยฆาต ได้รับความนิยม รัฐบาลแคนาดาโดยนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ป้องกันการท่องเที่ยวลักษณะนี้จึงป้องกันด้วยการกำหนดเงื่อนไขว่า ผู้ที่จะฆ่าตัวตายต้องมีสัญชาติแคนาดา ไม่ให้ต่างชาติใช้บริการการตัดสินใจจบชีวิตตนเองของคู่ชีวิตที่อยู่ในวัยชรามักเป็นเรื่องราวที่คนนำมากล่าวถึงในโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนอนคู่กันและจับมือกันตาย ลูกหลานของท่านเหล่านี้ให้เกียรติต่อการตัดสินใจของพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย การตายแบบการุณยฆาตทำให้มนุษย์ลด ละ เลิก การสะสม ดิ้นรนชิงดีชิงเด่นลงได้เยอะมาก จะเห็นว่ามีเศรษฐีหลายคนสละทรัพย์สินเงินทองทั้งหมดให้กับหน่วยงานสาธารณกุศล โดยที่ไม่เปิดเผยชื่อ ก่อนจะลาจากโลกนี้ไปด้วยการทำการุณยฆาตแม้นไม่มีกฎหมายการุณยฆาต แต่คนบางกลุ่มเข้าใจว่าตนผ่านทั้งเรื่องทุกข์ เรื่องสุข จนรู้สึกว่าใช้ชีวิตมาพอแล้ว ก็สละสมบัติและใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายอยู่ตามชนบทห่างไกล พร้อมจากโลกนี้ไปท่ามกลางความสงบผมในฐานะนักเรียนเก่าเนเธอร์แลนด์ ใช้ชีวิตศึกษาอยู่ในเนเธอร์แลนด์นานเกือบ ๖ ปี อยู่ท่ามกลางผู้คนที่เสรีภาพ ใช้ชีวิตเรียบง่าย ไม่แบ่งชนชั้น ไม่นำสถานะเศรษฐกิจมาเป็นเครื่องวัดความเป็นมนุษย์ อ่านข่าวของอดีตนายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์และภรรยาคู่นี้แล้วก็เข้าใจวิธีคิดและการตัดสินใจของท่านทั้งสอง การกระทำแบบนี้ในหลายประเทศอาจจะมองดูแปลก แต่ในเนเธอร์แลนด์ถือเป็นเรื่องธรรมดาโดยส่วนตัวผมเชื่อกฎหมายที่อนุญาตให้มีการุณยฆาตจะมีเพิ่มขึ้นในอีกหลายประเทศ.นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัยsonglok๑๙๙๗@gmail.comคลิกอ่านคอลัมน์ “เปิดฟ้าส่องโลก” เพิ่มเติม
